xs
xsm
sm
md
lg

บั้นปลายที่น่าเศร้าของตำนานกังฟู "หลิวเจียฮุย"

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี

บทหลวงจีน ภาพของหลิวเจียฮุย
เป็นที่รู้กันดีว่าโลกของหนังกังฟูนั้น ทุกอย่างเริ่มต้นจาก "บรูซ ลี" ก่อน "เฉินหลง" จะมาสานต่อ ถึงยุคสมัยของ "หลีเหลียนเจี๋ย" และ "ดอนนี เยน-เจินจื่อตัน" สร้างตำนานที่ยังไม่จบลงในปัจจุบัน


แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังมีนักแสดงระดับรอง ๆ ลงมาช่วยสร้างสีสันให้กับวงการหนังหมัดมวยอยู่ตลอด บางคนมีผลงานเพียงไม่กี่เรื่อง ส่วนบางคนแม้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ค้างฟ้า แต่ก็ได้รับการจดจำจากแฟน ๆ หนังจนถึงปัจจุบัน

เช่นเดียวกับ "หลิวเจียฮุย" ผู้เคยโลดแล่นอยู่ในยุคหนึ่ง แม้จะลดระดับลงมาบ้างในระยะหลัง แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ อยู่ตลอด

หนุ่มจากวางตุ้งที่ชื่อตามใบเกิดว่า "เสียนจินสี" มีโอกาสได้เข้าฝึกฝนวิชามวยหงกวนที่สำนักของ หลิวชาน ศิษย์หลานของ หวงเฟยหง ซึ่งที่นั่น เขาได้ทำความรู้จักกับศิษย์พี่อย่าง หลิวเจียเหลียง และ หลิวเจียหยง ลูกชายทั้งสองคนของอาจารย์ ซึ่งเพราะความเคารพในอาจารย์เป็นอย่างมากเขาถึงกับเปลี่ยนชื่อของตัวเองเป็น หลิวเจียฮุย เลยทีเดียว แม้จะไม่ได้เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลหลิวอย่างที่หลายคนเข้าใจก็ตาม

กระทั่งเมื่อหนุ่มแน่นความโดดเด่นในวิชาหมัดมวยก็ทำให้ หลิวเจียฮุย ได้งานในวงการภาพยนตร์ โดยเป็น หลิวเจียเหลียง ศิษย์พี่ซึ่งได้งานเป็นผู้กำกับคิวบู๊ในบริษัทชอว์บราเดอร์เป็นผู้ป้อนให้

แม้จะได้บทตัวประกอบเสียเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งโผล่มาฉากเดียวตาย แต่ หลิวเจียฮุย ก็ค่อย ๆ สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะพื้นฐานหมัดมวยที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กถือว่าสร้างความแตกต่างให้กับเขา ดูโดดเด่นกว่าดาราชอว์บราเดอร์ส่วนใหญ่ ที่มาฝึกกังฟูเพื่อเข้าฉากหนังกันเอาในตอนโต

หลังเป็นทั้งสตั้นแมน และตัวประกอบอยู่นานหลายปี ในที่สุดเขาก็เริ่มได้บทที่มีความสำคัญขึ้นในหนังของ จางเชอะ ก่อนจะได้รับบทเด่นขึ้นและถูกจำจดได้ไม่น้อยใน "ถล่มเจ้าระฆังทอง" (1977) ผลงานของศิษย์พี่ หลิวเจียเหลียง ที่ได้ขึ้นชั้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในงานชิ้นนี้

และเป็นหลิวเจียเหลียงนี่เองที่ยื่นบทนำให้กับ หลิวเจียฮุย ในหนังกังฟูเส้าหลินที่เรียกได้ว่าดังที่สุดตลอดกาลอีกเรื่องอย่าง "ยอดมนุษย์ยุทธจักร" (1978) หรือชื่อภาษาอังกฤษ The 36th Chamber of Shaolin งานที่เขาได้สวมบทบาทเป็น "หลวงจีนซันเต๋อ" ที่ต้องฝ่า 35 ด่านเพื่อสำเร็จยอดวิชาแห่งเส้าหลิน และกลับไปแก้แค้นแทนบิดามารดาที่โดนพวกแมนจูฆ่าตาย

หนังประสบความสำเร็จถึงขั้นมีภาคต่อตามออกมาอีก 2 ภาค เป็นไตรภาคหนังกังฟูที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ แถมยังข้ามโลกไปดังที่อเมริกาภายใต้ชื่อ Master Killer อีก โดยเฉพาะในกลุ่มคนผิวสีจน หลิวเจียฮุย กลายเป็นนักบู๊ขวัญใจของแวดวงฮิปฮอปไปเลย

หลิวเจียฮุย ร่วมงานกับ หลิวเจียเหลียง ในหนังหลายเรื่องตลอดปลายยุค 70s ถึงต้น 80s ส่วนใหญ่แทบทุกเรื่องถูกยกย่องในเวลาต่อมาให้เป็นหนังกังฟูคลาสสิกของวงการ ไม่ว่าจะเป็น "ถล่มสำนักสิงห์กวางตุ้ง" (Martial Club, 1981) ที่เขาแสดงเป็นหวงเฟยหงในวัยหนุ่มอีกเรื่อง ส่วน "ไอ้เณรจอมเทวฤทธิ์" (Dirty Ho, 1981) ก็เป็นหนังกังฟูแนวตลกที่ทั้งบู๊มัน และทั้งฮาได้ "ถึง" ที่สุดเรื่องหนึ่ง

ส่วนใน "จอมยุทธกระบองกล" (The Eight Diagram Pole Fighter, 1981) หนังตระกูลหยางที่ หลิวเจียฮุย สวมบทบาทเป็น หยางอู๋หลาง ลูกชายคนที่ 5 ของแม่ทัพหยางเย่ เป็นงานที่เขาได้เป็นพระเอกแบบตกกระไดพลอยโจน เพราะพระเอกตัวจริงอย่าง ฟู่เซิง ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขึ้นมา ก่อนที่หนังจะถ่ายทำจบ แต่แล้วด้วยวิกฤติที่เกิดขึ้น หนังกลับออกมาสนุกเกินคาด ทั้งตึงเครียด และดุเดือด จนถือว่าเป็นงานที่ปิดฉากยุคทองของ ชอว์บราเดอร์ อย่างสวยงามก็ว่าได้ ฉากที่ หลิวเจียฮุย ในบท อู่หลาง ใช้ธูปจี้ศีรษะตัวเองเพื่อบวชเป็นพระ หลังเสียพี่น้องไปในสงครามก็ทำออกมาได้อย่างทรงพลังจริง ๆ

หลิวเจียฮุย พร้อมเอกลักษณ์ศีรษะโล้นเตียนกลายเป็นภาพจำที่ชัดเจนแห่งหนังกังฟูในยุคนั้น พอ ๆ กับภาพมวยเมา ๆ ของ เฉินหลง ใน ไอ้หนุ่มหมัดเมา ที่ถือว่าเป็นแสงสุดท้ายแห่งยุครุ่งเรืองของหนังประเภทนี้ก่อนจะดับวูบลง และแม้จะกลับมาสร้างสีสันอยู่เป็นระยะ ๆ แต่ก็ไม่ได้เจิดจรัสเหมือนเดิมอีกเลย

แม้ชื่อเสียงโดยส่วนตัวของ หลิวเจียฮุย จะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับคนที่ขึ้นชั้นเป็นตำนานอย่าง บรูซ ลี, หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เฉินหลง แต่หากวัดกันที่งานเพียงอย่างเดียว และเฉพาะเจาะจงไปถึงหนังกังฟูแบบดั้งเดิม ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลิวเจียฮุย คนนี้มีผลงานดี ๆ มากกว่าใคร

กระทั่งหลังพ้นยุคของตนเองไปแล้ว หลิวเจียฮุย ก็ยังรับงานแสดงต่อไป แม้จะต้องหันไปรับบทรอง ๆ ลงไปก็ตาม แต่ก็มีงานที่น่าจดจำอยู่เสมอ บทตัวร้ายในหนัง "โหดทะลุแดด" (Tiger on the Beat, 1988) ที่เขาประชันบทบาทกับ โจวเหวินฟะ ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานการแสดงที่คนรุ่นหลังน่าจะพอจำได้

ส่วน "แตะเธอโลกแตกแน่" (Treasure Hunt, 1994) นี่ผมประทับใจโดยส่วนตัวเป็นพิเศษครับ ในหนังเกี่ยวกับสายลับ (โจวเหวินฟะ) ที่ถูกส่งตัวไปปกป้องสมบัติของชาติ (ที่หนังจะเฉลยว่าคือสาวสวยคนหนึ่งที่แสดงโดย อู๋เชี่ยนเหลียน) ซึ่งในเรื่อง หลิวเจียฮุย จะสวมบทบาทเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินที่กุมความลับบางอย่างเอาไว้ แต่กลายเป็นว่าทั้งฝีไม้ลายมือในการแสดง และบทบู๊แนวกังฟูโบราณของเขา กับดาวดังที่โลกลืมแห่งชอว์บราเดอร์อีกคนอย่าง กัวะจุ้ย กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของหนัง ขโมยซีนคู่พระนางไปเลยทีเดียว

พูดได้ว่าหลังปิดฉากยุคของตัวเอง หลิวเจียฮุย อาจจะไม่ได้เป็นดาราแถวหน้า และเป็นดาราประเภทที่หากพูดชื่อขึ้นมาหลาย ๆ คนอาจจะทำหน้างง แต่ถ้าเห็นภาพก็คงร้องอ๋อกันแน่นอน

ตลอดหลายปีหลังยุครุ่งเรือง เขายังมีงานออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ มีโอกาสได้แสดงเป็นทั้งตัวร้ายในหนัง และหนังชุดของทีวีบีหลายเรื่อง แต่ภาพในยุครุ่งเรืองของ หลิวเจียฮุย ก็ยังทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟน ๆ หนังกังฟูมากมาย

หนึ่งในแฟนคลับชาวต่างชาติที่ชื่อว่า เควนติน ตารันติโน่ มีโอกาสสร้างหนังแอ็กชั่นบูชาหนังบู๊ยุค 70s เรื่อง Kill Bill ก็ยังติดต่อให้ หลิวเจียฮุย มารับบทในเรื่องด้วย กับการสวมบทบาทเป็นถึง 2 ตัวละคร ในภาคแรกเป็นหัวหน้าของกลุ่มหน้ากาก ที่ใครเห็นแล้วก็นึกออกทันทีว่าเป็นการบูชาตัวละคร "เคโต" ของ บรูซ ลี

ส่วนในหนังภาค 2 เขายิ่งมีบทเด่นขึ้นไปอีก กับการเล่นเป็น "ไป่เม่ย" นักพรมคิ้วขาว ผู้ถ่ายทอดวิชากระบี่ให้กับตัวละครนางเอกของ อูมา เธอร์แมน เป็น ไป่เม่ย แบบเดียวกับที่ หลอลี่ เคยสวมบทบาทเอาไว้ และพะบู๊กับ หลิวเจียฮุย มาในหนังหลายเรื่อง

จนเมื่อเร็ว ๆ มานี้เกิดเรื่องเศร้ากับยอดารากังฟูขวัญของแฟน ๆ ทุกคนอย่าง หลิวเจียฮุย ที่ป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตกอย่างกะทันหัน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถขยันเขยื้อนได้อย่างปกติ แถมเรื่องความขัดแย้งในครอบครัวข้อพิพาทกับลูก ๆ และภรรยาเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็ยิ่งทำให้เรื่องยุ่งขึ้นไปอีก (เข้าใจว่าภรรยาของเขาเป็นคนไทยด้วย) เป็นฉากเศร้าในชีวิตของพระเอกในดวงใจ ที่แฟน ๆ หนังกังฟูทุกคนคงได้แต่สลดใจ



ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

ยอดมนุษย์ยุทธจักร งานที่ดังที่สุดของเขา
ไอ้เณรจอมเทวฤทธิ์ งานเด่นอีกเรื่อง
ประชันบทบาทกับ หลอลี่ ผู้ล่วงลับ
ในงานหลังผ่านยุครุ่งเรือง
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ยังดูแข็งแรง
บท คิ้วขาว ใน Kill Bill
รวมบูชา บรูซ ลี ด้วยหน้ากาก เคโต
ภาพอาการป่วย และประเด็นปัญหาชีวิต เป็นข่าวต่อเนื่องในสื่อฮ่องกงมาหลายเดือน
เพียงไม่กี่ปีแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

กำลังโหลดความคิดเห็น