เกิดเรื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันดูท่าว่าปัญหาระหว่าง “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” กับอดีตผู้จัดการอย่าง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” จะบานปลาย เพราะต่างฝ่ายต่างให้การถึงเรื่องการแตกหักกันครั้งนี้ไปคนละทางเหมือนหนังคนละม้วน ฝั่ง “ใหม่” มี “เกล้า น้ำพราว” เด็กปั้นของเอกับคุณแม่ของใหม่ ส่วนด้าน “เอ ศุภชัย” มี “เฮเลน ปวรา ศิริสา” กะเทยคนสนิทของเอผู้เป็นคนที่พาใหม่มาฝากฝังกับเอช่วยหนุนหลัง หลังจากสาดน้ำลายออกสื่อและอินสตาแกรมกันมานานเป็นเดือน ล่าสุดมีข่าวเล็ดลอดมาว่า “เอ ศุภชัย” กับ “เฮเลน” เตรียมยื่นฟ้อง “ใหม่ ดาวิกา” โทษฐานทำเอกสาร “เอ ศุภชัย” ปลอมขึ้นมา เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้เกล้ากับคุณแม่ของใหม่จึงสั่งนางเอกห้าร้อยล้านว่าให้ “ปิดปาก” ห้ามพูดถึงเรื่องนี้เด็ดขาดในขณะที่ทั้งสองก็วุ่นวายกับการต่อสู้ในทางกฎหมายต่อไป
นาทีนี้ถ้าใครไปถาม “ใหม่ ดาวิกา” เกี่ยวกับกรณีปลอมเอกสาร “เอ ศุภชัย” จะต้องได้ยินประโยคไม้ตายของเธอ “ต้องถามผู้ใหญ่ค่ะ” และ “หนูเป็นเด็ก ไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ค่ะ” อยู่ร่ำไป คล้ายๆ เป็นคาถาประจำตัวเวลาถูกนักข่าวถามเรื่องการถูกเอฟ้อง ซึ่งคาถาดังกล่าวใหม่ได้รับมาจากคุณแม่และพี่เกล้า ผู้จัดการส่วนตัวคนปัจจุบันที่ใหม่เคารพรักมากเป็นพิเศษ ว่ากันว่าการเดินออกจากอ้อมอกเอของใหม่นั้นไม่ทำให้ผู้จัดการสมองใสรายนี้ชอกช้ำเท่ากับการเดินจากไปของ เกล้า กะเทยร่างอวบที่เอปลุกปั้นสอนสั่งมากับมือคนนี้
ฝ่ายใหม่ภายใต้การให้สัมภาษณ์ของคุณแม่บอกว่ากะเทย “เฮเลน” ทำตัวเหมือนโจร มีการขู่กรรโชกทรัพย์มาตลอดหลายปีที่ใหม่เข้าวงการ โดยโฆษณาชิ้นแรกของใหม่ เฮเลนเรียกเงินส่วนแบ่งไป 10% ซึ่งแม่ของใหม่บอกว่าตนเองได้จ่ายให้กะเทยนางนี้มาตลอดตั้งแต่ผลงานชิ้นแรกจนเวลาผ่านมาถึงสองปีเต็ม แต่ฝ่ายเฮเลนที่มาแรงกว่า “เอ ศุภชัย” บอกว่าไม่เคยได้เงินจากใหม่แม้แต่สตางค์เดียว งานนี้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งโกหกอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อฝ่ายคุณแม่ใหม่บอกเฮเลนทำตัวเยี่ยง “โจร” แต่ฝั่งเฮเลนเหน็บใหม่ลงอินสตาแกรมเบาๆ ว่าวงการบันเทิงไทยมี “ดีนี่” ในชีวิตจริงเกิดขึ้นแล้ว และแย้มกลายๆ แบบไม่ให้คนต้องคาดเดาว่า “ป้ากบ” ในชีวิตจริงก็คือ “เอ ศุภชัย” เพื่อนรักของเธอคนนี้นี่เอง
ต้นเหตุของความขัดแย้งทั้งหมดมาจากเรื่อง “เงิน” แต่เพียงอย่างเดียว นำไปสู่การให้ข่าวในมุมของตัวเอง ตลอดจนการพยายามสร้างประเด็นเรื่องอื่นๆ ขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม ในมุมของ “ใหม่” แม่ใหม่บอกว่าเธอยอมจ่ายเงินส่วนแบ่งให้เฮเลนกับเอมาโดยตลอด แต่ภายหลังมาพิจารณาสัญญาแล้วเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงต้องให้ใหม่ภายใต้การสนับสนุนของเกล้านัดคุยกับเอที่ร้านอาหารหรูที่คริสตัล ปาร์ค โดยใหม่กับเกล้ายืนยันเสมอว่าตลอดเวลาที่เจรจา “พี่เอ” ของทั้งสองยินยอมให้ใหม่ออกไปดูแลตัวเองแต่โดยดี ไม่มีเหนี่ยวรั้ง ไม่มีคัดค้าน ห้ามปราม หรือต่อว่าแต่อย่างใด จนกระทั่งมีกะเทยที่ชื่อเฮเลนคนนี้ก้าวเข้ามา หลังจากนั้นการออกมาดูแลตัวเองของใหม่ก็กลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้ออย่างทุกวันนี้
ส่วนทางด้านเฮเลนขอพูดทุกเรื่องแทนเอที่กำลังบอบช้ำเนื่องจากสองน้องรักที่ตัวเองเคยดูแลมาเดินจากไป เฮเลนยืนยันว่าสัญญาทุกอย่างถูกเขียนขึ้นอย่างเป็นธรรมและเป็นสัญญาจริงที่มีการยินยอมจากทั้งสองฝ่าย โดยที่ผ่านมาแม้เอจะบอกว่าเรื่องส่วนแบ่งรายได้จากเด็กในสังกัดเป็นเรื่องของ “ใจ” มากกว่า “สัญญา” ที่ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่นั่นก็เป็นเฉพาะดาราในสังกัดยุคแรกๆ เพราะเด็กเอยุคหลังมีการเขียนสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรมากขึ้น ซึ่งรวมถึงกรณีใหม่ที่ถือว่าเป็นเด็กในสังกัดยุคหลังด้วย เฮเลนยืนยันว่าเธอกับเอเขียนสัญญาขอแบ่งเปอร์เซ็นต์จากใหม่กันอย่างแน่ชัด แต่มาถึงปัจจุบันนี้เธอยังไม่เคยได้รับส่วนแบ่งจากคุณแม่ใหม่แม้แต่บาทเดียว และนั่นเป็นเหตุให้เฮเลนเดือดเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดลั่นวาจาว่าถึงตายก็ไม่ขอเผาผีกับใหม่ ดาวิกาเลยทีเดียว
เฮเลนบอกว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากคุณแม่ใหม่ที่ทำตัวเหมือนเป็นดาราเสียเอง เมื่อบวกรวมกับเกล้าที่คิดกบฏทำให้ใหม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาฟาดฟันงัดข้อกับเอทั้งๆ ที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีดาราในสังกัดเอคนไหนที่กล้าลุกขึ้นมาพูดกับสื่อว่าขอแยกทางเดินกับเอเพราะปัญหาเรื่องเงินเช่นนี้มาก่อน
ใหม่จึงเป็นนางเอกสังกัดเอที่เรียกได้ว่าต่างไปจากทุกคนที่เอเคยคุม ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าหืออือไม่ว่าจะรู้สึกว่าส่วนแบ่งรายได้ไม่เป็นธรรมขนาดไหนก็จะเลือกที่จะปิดปากเงียบเพราะคิดว่าเป็นความสัมพันธ์แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ตัวเองโด่งดังได้เพราะมันสมองของผู้จัดการโดยเฉพาะ “เอ ศุภชัย” ที่มีไอเดียในการสร้างความโด่งดังให้ดาราในสังกัดที่ไม่เหมือนใคร นางเอกรุ่นพี่อย่าง “ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ซึ่งเป็นนางเอกคู่บุญที่เอรักมากที่สุดก็ออกมาปกป้องเอว่าไม่เคยโกงค่าตัวหรือหักรายได้อย่างไม่เป็นธรรมกับเธอแต่อย่างใด สอดคล้องกับคำพูดของ “ปู ไปรยา สวนดอกไม้” ที่บอกว่าการเรียกค่าตัวดาราเพิ่มเป็นเรื่องปกติที่ผู้จัดการส่วนตัวมีสิทธิ์จะเรียกได้จากผู้ว่าจ้างอยู่แล้ว
แรกเริ่มที่มีข่าวออกมาว่าใหม่ ดาวิกาจะแยกทางเดินกับเอ ศุภชัย มีหลายคนห่วงว่าเธอจะไปไม่รอด เพราะพูดก็พูด ต้องยอมรับว่าการจัดการให้ดาราเป็นข่าวของเอนั้นเริดเกินผู้จัดการคนไหน แต่จังหวะที่ใหม่เดินออกมาเป็นช่วงเดียวกันกับที่หนัง “พี่มาก พระโขนง” กำลังเข้าโรงฉายพอดี ซึ่งรายรับกว่า 500 ล้านบาทของหนังเรื่องนี้ทำให้ใหม่ได้รับฉายา “นางเอก 500 ล้าน” นำหน้า และกลายเป็นนางเอกคิวทองที่มีงานชุกที่สุดคนหนึ่งของวงการบันเทิง พ.ศ. นี้ จากช่วงแรกที่เฮเลนเคยประกาศว่าจะดิสเครดิตให้ใหม่ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดในวงการบันเทิง มาถึงตอนนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว ในเมื่อนางเอกสาวคนนี้กำลังไปได้ดีกับอาชีพ ถึงขั้นประกาศว่ามีงานตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ 4 สัปดาห์ต่อหนึ่งเดือน และ 12 เดือนต่อหนึ่งปีเลยทีเดียว
ถึงตอนนี้ “ใหม่ ดาวิกา” กลายเป็นฮีโร่หญิงที่หลายคนชมว่าเธอหาญกล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับเจ้าแม่แอร์เมสผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงไทยอย่าง “เอ ศุภชัย” ที่ไม่เคยมีดาราคนไหนกล้าหือมาก่อน แม้จะมีข่าวเล็ดลอดออกมาตลอดว่าผู้จัดการส่วนตัวดาราคนนี้กินเปอร์เซ็นต์เด็กในสังกัดมากเกินควร ส่วนทางฝ่ายเอก็เลือกที่จะนิ่งเงียบกับข่าวแบบนี้จนกระทั่งถึงกรณีใหม่ที่เอก็ยังตอบโต้น้อยเช่นเดิม มีเพียงกระแสข่าวว่าเอกับเฮเลนให้ทนายทำเรื่องเตรียมฟ้องร้องใหม่และพลพรรคในข้อหาทำเอกสารปลอมซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าเป็นการปลอมที่ตัวเอกสารหรือปลอมลายเซ็นของเอ
เรื่องจริงเป็นอย่างไรยังไม่มีใครรู้ เพราะใหม่ตอนนี้มีสภาพเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่งให้พูดแต่ “เป็นเรื่องของผู้ใหญ่” อย่างเดียว เนื่องจากคำพูดของใหม่มีผลต่อรูปคดี คุณแม่และเกล้าจึงติวเข้มให้ใหม่ไม่หลุดคำพูดอะไรออกมา ส่วนเฮเลนกับเองวดนี้ก็กำลังซุ่มเตรียมเปิดศึกครั้งใหม่ที่สองกะเทยมั่นใจว่ามีหลักฐานพอจะเอาผิดทางฝั่งนางเอกสาว งานนี้ท่าจะยาว คนวงนอกอย่างเราๆ ท่านๆ ปูเสื่อรอได้เลย
......................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 188 วันที่ 11 - 17 พฤษภาคม 2556
