xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ “แซม” ผู้ชายข้ามเพศ แฟน “นก ยลดา” ยอมเป็นมะเร็งตาย ขอให้มีกระจู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โลกเรานี้สับสนขึ้นทุกวัน ลำพังแค่หญิงรักหญิง ชายรักชาย หรือที่เขาเรียก ทอมรักดี้, ตุ๊ดรักผู้ชาย, เกย์รักตุ๊ด, เกย์รักกะเทย ฯลฯ ประกอบกับการแพทย์ศัลยกรรมก้าวหน้าจนทำให้เราแทบจะแยกกันไม่ออกว่า อันไหนกะเทย อันไหนผู้หญิง ปัจจุบันนี้มันซับซ้อนขึ้นกว่าเก่า เพราะมีการบัญญัติศัพท์เพิ่มขึ้นไปอีก “ผู้ชายข้ามเพศ” กับ “ผู้หญิงข้ามเพศ”
 
ขออนุญาตใช้คำว่า บัญญัติ เพราะคำนี้ยังไม่เป็นที่นิยมในสังคมไทย ที่ผ่านมาเรามักจะคุ้นเคยแต่คำว่า ทอม, ตุ๊ด, เกย์, กะเทย พึ่งจะมาเป็นที่รู้จักขึ้นมาก็เมื่อตอนที่ “นก ยลดา สวยยศ” มิสอัลคาซ่าร์ปี 2548 ออกมาประกาศว่า ตนเองไม่ใช่กะเทยไม่ใช่ตุ๊ด หากแต่เป็น “ผู้หญิงข้ามเพศ” หรือผู้หญิงที่ถูกกักขังในร่างผู้ชาย เรื่องนี้นกเคยลับฝีปากโต้คารมณ์กันกับดาราหลายคนในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยแล้วหลายปีก่อนจนเป็นที่ฮือฮา

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคำว่า “ผู้หญิงข้ามเพศ-ผู้ชายข้ามเพศ” ก็ถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมานกได้ออกมาต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอดในฐานะนายกสมาคมสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งผลักดันกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมกัน

และล่าสุดเจ้าตัวก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาอีก เมื่อออกมายอมรับว่าขณะนี้กำลังคบหาดูใจกับ “แซม รณกฤต หะมิชาติ” หรือ ธณัชภรณ์ หะมิชาต ผู้ชายข้ามเพศ เล่นเอาหลายๆ คนถึงกับงงนับเพศกันไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ขอบอกว่า ถ้าไม่รู้ว่าแซมเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน ก็แทบจะดูไม่ออกเลยทีเดียว เพราะมีหนวดมีเคราเสียงแตกร่างกายกำยำไม่แพ้ผู้ชาย

หลายคนคงจะรู้จักนกกันแล้ว วันนี้เราไปทำความรู้จัก “แซม” กันบ้าง ผู้ชายข้ามเพศคืออะไร กว่าจะมาเป็นชายเต็มตัวเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง

“ผมเป็นลูกคนเดียวตอนแรกชื่อ ธณัชภรณ์ หะมิชาติ แล้วก็มาเปลี่ยนเป็น รณกฤต บอกตรงๆ นะครับตั้งแต่จำความได้ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายแต่อยู่ในร่างผู้หญิง ความรู้สึกมันเริ่มมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อนุบาลเวลาที่เราดูหนังก็จะชอบดูผู้หญิงชื่นชมเขา มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ จอย รินลณี ศรีเพ็ญ แสดงกับ จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค ก็รู้สึกชอบประทับใจ แต่ผมว่าเรื่องความชอบมันเป็นเรื่องรสนิยมมากกว่า แต่ความรู้สึกจริงๆ เราคือผู้ชาย ความรู้สึกเราไม่ได้เป็นผู้หญิง ไม่อยากใส่กระโปรง ไม่อยากถักเปีย ของเล่นเราก็เล่นแต่ของเล่นผู้ชาย ชอบชุดทหาร ชอบเล่นเป็นทหาร ชอบดูหนังทหาร ตำรวจ”

“มันสับสนเพราะเขาบอกว่าเราเป็นผู้หญิง เรามีอวัยวะเพศหญิง เรามีเด็กหญิงนำหน้า เราก็ต้องเป็นผู้หญิง แต่ว่าสัญชาตญาณเราเป็นผู้ชายอ่ะ แต่ว่าตอนนั้นถามว่าเรารู้เรื่องไหม เราก็บอกเลยว่าเราไม่รู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร เพราะว่าสังคมเค้าจะตีกรอบไว้ให้เราเป็นอย่างนี้ๆ”

“อย่างเช่น กะเทย บางทีจริงๆ เขาอาจเป็นผู้หญิงจริงๆ ก็ได้ ความคิดเขาสัญชาตญาณเค้า แต่สังคมไปตีกรอบว่าเขาเป็นกะเทย เขาก็ต้องจำนนยอมรับคำว่ากะเทย เข้าไป แต่จริงๆ เขาก็เป็นผู้หญิง ซึ่งสังคมก็ไม่เข้าใจ ตอนเด็กๆ เขาบอกว่าเราเป็นทอม เราก็ยอมจำนนว่าเราเป็นทอม ทอมก็คือผู้หญิงที่บุคลิกเป็นผู้ชาย”

เริ่มต่อต้านเพศตัวเอง ไม่ชอบหน้าอก ไม่ชอบอวัยวะเพศหญิง ถึงขั้นลาออกจากโรงเรียนเพราะไม่อยากใส่กระโปรง
“ผมเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงเรียนสห ตอนนั้นก็รู้แน่วแน่ว่าตัวเองจะเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ความคิดเริ่มต่อต้านเพศตัวเองชัดเจนตอน ม.ต้นนี่แหละ เพราะอึดอัดเห็นหน้าอกตัวเองก็ไม่ชอบ ต้องเอาสเตย์มารัด ไม่อยากใส่กระโปรง ไม่อยากมีอวัยวะเพศหญิง ไม่อยากไว้ผมยาวจนแหกกฎระเบียบของโรงเรียนตัดผมสั้นคล้ายผู้ชาย จนอาจารย์ต้องเรียกผู้ปกครองมาพบบ่อยๆ”

“มันอึดอัดพอจบ ม.ต้น จึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ไม่ยอมเรียนต่อ ม.ปลาย เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพที่เป็นผู้หญิงที่ต้องใส่กระโปรงเรียน หลังจากลาออกก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินด้วยตัวเอง ทั้งเป็นดีเจ รับตัดต่อวิดีโอ ตัดต่อรูป มิกซ์เพลง ทำเพลง รวมถึงเคยไปทำงานเป็นเลขาฝ่ายขาย และก็เรียนศึกษาผู้ใหญ่ปัจจุบันผมเรียนปี 2 รามอินเตอร์ คณะ B.A.(Mass Communication) สื่อสารมวลชน ก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เพื่อเก็บเงินไว้ผ่าตัดแปลงเพศตามต้องการ”

ซวย! ถูกขังในร่างผู้หญิง เริ่มศึกษาแปลงเพศตั้งแต่ ป.5-6
“ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่ามีการแปลงเพศ ก็หาข้อมูลมาตั้งแต่ ป.5-6 จนมาอายุ 17 ก็ได้ข้อมูลจาก FTM เรื่องการบำบัดรักษา FTM คือ Female to Male ผู้หญิงที่ข้ามไปเป็นผู้ชาย Gender identity disorder ก็คือเพศกำเนิดไม่ตรงกับเอกลักษณ์ทางเพศของเรา เขาจะ identity ว่า คนที่ถูกขังอยู่ในร่างที่ผิด อย่างผมนี่ก็เหมือนถูกขังในร่างผู้หญิง ของผู้หญิงก็ถูกขังในร่างผู้ชาย มันเหมือนคนหนึ่งที่เกิดมาซวย และเราก็ต้องจำยอมมาอยู่ในสภาวะซึ่งตรงนั้นมันก็ไปหาหมอเพื่อรับการฝึกบำบัด บำบัดเนี่ยไม่ได้เหมือนโรคจิตนะ มันเป็นคำศัพท์ของแพทย์ครับ ที่เราต้องได้ยาหรือว่าต้องการผ่าตัดทางเพศ เพื่อกลับไปเป็นให้ตรงกับจิตใจและสัญชาตญาณของตัวเอง”

อายุ 20 เก็บเงินได้ 2 แสน จัดการตัดนม ผ่ามดลูก แล้วก็เย็บปิดตายช่องคลอด
“พอศึกษาเยอะเข้าก็ทำให้เรารู้อะไรมากขึ้น ก็ตั้งใจไว้เลยว่าพอโตมาเรามีตังค์จะไปตัดออก ตั้งเป้าแล้วเก็บหอมรอมริบมาเรื่อยๆ เริ่มขั้นแรกเลยผมจะเทคฮอร์โมนผู้ชายก่อน เทคมาตั้งแต่ 17 ผมไปทำที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เข้าไปรับฮอร์โมนที่จุฬาฯไปแต่ตีสี่ตีห้า เขาจะให้ปรึกษาหมอจิตแพทย์ว่าเราต้องการอะไร เขาก็จะดูว่าเราเป็น GID ไหม คือ Gender identity disorder คือการบำบัดโดยการเทคยา หมอเค้าก็จะนัดมาครับ 2 อาทิตย์ครั้ง เพื่อมาฉีดยากับคุณหมอ คือทุกอย่างต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์หมด ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มีทอมคนหนึ่งแค่อยากมีหนวดมีเคราแล้วเข้าไปทำ แต่ผมอยากมีอวัยวะแบบผู้ชายทุกอย่าง เพราะมันคือเครื่องเพศของเรา เรายืนฉี่ได้ เราแฮปปี้”

“หมอก็ให้เป็นยาฉีดครับ ฉีดฮอร์โมนเป็น 1 CC.เป็นฮอร์โมนเพศชายครับ แล้วก็ฉีดมาเรื่อยๆ เดือนละ 2 ครั้ง อาทิตย์เว้นอาทิตย์ หลังจากฉีดก็ทำให้เสียงแตก ฮอร์โมนก็จะช่วยไปปรับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศที่เป็นผู้ชายครับ ทำให้มีหนวดมีเครา โครงหน้าเราก็เปลี่ยน กรามเราก็ขึ้น คือทุกอย่างเราก็เปลี่ยนไปตามเป็นผู้ชายเกือบหมด ก็เหมือนจะเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่ว่าจริงๆ แล้วพันธุกรรมกับฮอร์โมนมันต้องไปด้วยกัน บางคนเทคมา 3 ปี หนวดไม่ขึ้นก็มี เพราะว่าอาจจะมีพ่อแม่เป็นคนจีนไม่ค่อยมีขน ของผมเนี่ยเทคมาประมาณ 1 เดือน เสียงแตกแล้ว อีก 3 เดือนเคราก็เริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้ผมเทคมาได้ 3 ปีกว่า”

พอเทคไป 2 ปี อายุ 20 ผมก็เก็บตังค์ได้จำนวนหนึ่ง ผมก็ไปผ่าตัดหน้าอกทิ้ง ตัดมดลูกครับ และก็เย็บปิดช่องคลอด การเย็บปิดช่องคลอดมันเป็นการเย็บปิดจากข้างใน บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเย็บปิดข้างนอก แต่เค้าจะเย็บจากข้างในเข้ามาข้างนอก คือว่าเค้าจะเย็บหมดเลย ก็หนักอยู่เหมือนกันเข้าโรงพยาบาลหลายอาทิตย์อยู่ ส่วนผ่าหน้าอกแป๊บเดียว เข้าไปประมาณไม่กี่ชั่วโมง แต่ว่าเราจะหลับเพราะยานอนหลับไง มันก็จะมีฤทธิ์เบลอๆ ผ่ามดลูกก็พักฟื้นประมาณอาทิตย์กว่าเกือบสองอาทิตย์ แผลข้างในก็จะค่อยๆ สมานกัน เป็นการผ่าเป็นกล้องเจาะเข้าไป เป็นกล้องเป็นรอยจุดๆๆ แต่ว่ามันจะมีหลายแบบ ถ้าเป็นมดลูกมีการผ่าแผลประมาณ 10 เซนฯ แล้วก็จะมีการส่องกล้อง อันนี้ก็จะเป็นแค่รูเป็นรูเจาะอย่างเดียว หมอก็จะใช้กล้องมันก็จะเล็กกว่าเยอะพอเราตัดแล้วก็มาเย็บปิด”

“ตอนนี้เตรียมจะแปลงเพศแล้วแต่ว่ายังไม่ได้ปั้นองคชาต ต้องรอเก็บตังค์ก่อนแป๊บนึงครับ หน้าอกผ่าไป 6 หมื่น ตัดมดลูก 6 หมื่น เกือบ 7 หมื่น เย็บติดปากช่องคลอดประมาณ 9 หมื่น นี่ถ้ารวมปั้นองคชาตอีกก็เกือบ 5 แสนครับ แพงมาก”

ยอมเป็นมะเร็งตาย! ดีกว่ามีมดลูก อย่างน้อยก็ตายในร่างผู้ชาย
“ผมต้องเทคฮอร์โมนเหมือนเดิมตลอดชีวิต ประจำเดือนไม่มีครับ ตั้งแต่เทคฮอร์โมนประจำเดือนจะหยุดก็คือจะไม่มี ก่อนหน้านี้ก็มีปกติครับก็ไม่ชอบนะ ผมเคยคิดเลยว่าพอเทคฮอร์โมนมาแล้วถ้าต้องกลับไปมีประจำเดือนอีกผมตายแน่ ผมจะอยู่ได้ยังไงวะ รับไม่ได้อ่ะ ผู้ชายอะไรมีประจำเดือน ทุกวันนี้แม่ก็รู้ว่าเราไม่มีประจำเดือนแล้ว เมื่อก่อนแม่จะซื้อผ้าอนามัยมาให้ แต่หลังๆ ไม่เคยเห็นเราใช้หลังๆ เขาก็ไม่ซื้อผ้าอนามัยมาให้อีกเลย”

“แต่การที่ผมไม่มีประจำเดือนมันก็มีผลนะครับ เพราะฉะนั้นการที่คุณจะเทคฮอร์โมนคุณต้องแพลนอนาคตล่วงหน้าด้วยว่าคุณต้องการไปทางทิศไหน เช่น คุณเทคฮอร์โมนอีก 3-4 ปี คุณต้องเอามดลูกออกแน่ๆ หรือว่าคุณรีบเอาออกตั้งแต่ปีสองปีแรก เพราะว่ามันเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งมดลูก เพราะการเทคฮอร์โมนเนี่ยมันไปขัดไปทำให้มดลูกรังไข่เราไม่มีประจำเดือน ไข่มันไม่ตกตามฤดูกาลของมัน มันก็จะมีผลด้วย ถ้าจะเทค 1.เราก็ต้องยอมแลก อย่างผมเนี่ยผมเคยคิดไว้เลยขอให้ได้เทคเถอะ จะตายยังไงก็ยอมวะ เป็นมะเร็งกูก็เอาวะ แต่ว่าขอให้ได้เป็นผู้ชายเหอะ ให้ตายในร่างกายผู้ชายผมยอม”

ทุกวันนี้พูด “ผม-ครับ” เพราะมีหนวดมีเคราแล้วมั่นใจ
“ผมโชคดีครับที่ครอบครัวรับได้แต่ต้นเลย แต่เขาก็ยังคิดว่าเราเป็นผู้หญิง เราก็ต้องพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ เขาเพิ่งเชื่อว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะเสียงเราแตก เรามีหนวดมีเครา แล้วก็เราเปิดเผยมากขึ้น เมื่อก่อนเราทำอะไรต้องเกรงใจ ต้องพูดค่ะกับทางญาติบ้าง ตอนนี้เราพูดครับพูดผม สั่งอาหารปุ๊บขอเมนูให้แม่ผมหน่อยครับ อะไรอย่างเนี้ย คือเราจะกล้าพูดครับกล้าพูดผม”

“ที่กล้าพูดเพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น หลังเราเทคฮอร์โมนคือเรามีหนวดมีเครา เราเป็นอย่างที่เราอยากเป็นไม่ต้องอายแล้ว ถ้าถามว่าช่วงเมื่อก่อนผมอายไหม ผมอายเพราะผมไม่อยากให้ใครมาเรียกว่าทอมนะ เพราะเราเป็นผู้ชายอ่ะ เรารู้สึกว่าเราเป็นผู้ชาย เราก็ต้องกลับไปเป็นผู้ชายให้ได้ให้เร็วที่สุด ถ้าเราไม่ได้ผมคิดว่าผมเองก็คงอึดอัดไม่พอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ มันจะไม่มีความหวังและกำลังใจที่จะทำอะไรต่อไป และตรงนี้มันเป็นการพัฒนาการคุณภาพชีวิตของผมได้เยอะมาก มีความมั่นใจขึ้น”










นับถอยหลังเตรียมปั้นองคชาต ด้วยการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อที่แขน
“พอตัดมดลูกแล้วรูปลักษณ์ภายนอกมันก็เป็นของผู้หญิงอยู่ เพียงแต่มันปิดไม่มีช่องคลอดแล้ว เพราะอันนี้เตรียมตัวปั้นองคชาต เพราะการปั้นองคชาตเราไม่ต้องใช้ช่องคลอดอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องพักฟื้นร่างกายเพื่อที่จะไปปั้นองคชาต แล้วก็ปลูกถ่ายเนื้อเยื่อประมาณ 6 เดือน ด้วยการสอดท่อเข้าไปที่แขนเราเพื่อกั้นระหว่างเนื้อเยื่อเรา และก็เอาเนื้อตรงแขนมาปั้นเป็นองคชาติ คือเป็นเนื้อของเราเอง ผมจะทำที่โรงพยาบาลยันฮี มีพวกญี่ปุ่นแล้วพวกเกาหลีมาทำเยอะ เดือนหนึ่งเขาจะรับไม่กี่เคส ต้องจอง”

รับประกัน “เสร็จได้” เหมือนอวัยวะเพศผู้ชายของจริง
“ถามว่าผมอยากจะได้ขนาดเท่าไหร่ เรื่องกำหนดไซส์แล้วแต่หมอครับ ถามว่ากำหนดไซส์ได้ไหม กำหนดได้ แต่ว่าหมอจะดูว่าร่างกายรับได้ขนาดไหน เขาก็จะทำให้เท่านั้น ดูอยู่ที่เนื้อเราด้วยว่าปั้นได้ขนาดไหน อันนี้เป็นเทคนิคล่าสุดเลยครับ ส่วนรเองเสร็จไม่เสร็จจริงๆ มันมีความรู้สึกมีตั้งแต่การผ่าตัดในยุคแรกๆ แล้ว แต่ว่าจะรู้สึกมากหรือว่ารู้สึกน้อยอยู่ที่หมอ อยู่ที่การต่อเส้นประสาท”

“ส่วนเทคนิคล่าสุดนี่เสร็จได้ เพราะว่ามันมีตรงคลิตอริส ก็คือเขาจะเอาจากส่วนหัวขององคชาตอัดเข้าไปตรงคลิตอริส มันคือการยืดปลายของคลิตอริสขึ้นมาตรงหัวองคชาตเพื่อที่จะได้มีความรู้สึก มันเหมือนตัดกับต่อ ผู้หญิงแปลงเพศชายก็ต่อ ผู้ชายแปลงเพศหญิงก็ตัด ศึกษามาแล้วครับว่าใช้งานได้ปกติก็เป็นเนื้อเรา แต่ว่าตอนนี้มันมีเทคโนโลยีใหม่คือใส่ที่ปั้มเข้าไป แล้วก็กดตรงอัณฑะครับ บีบให้แข็งตัว แล้วก็บีบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้คลายตัว คือมันจะไม่แข็งตลอดเวลา แต่ว่าอันนี้อยู่ที่เทคนิคของหมอแต่ละที่ว่าเขาจะใช้วิธียังไง”

สำหรับผมก็คงต้องใช้เป็นที่ปั๊มละครับ เพราะคงไม่อยากให้มันแข็งตัวตลอดเวลา (หัวเราะ) เวลาจะใช้เราก็บีบปั๊มให้มันแข็ง แล้วก็บีบอีกทีนึงเพื่อให้มันห่อตัว คือมันจะไม่แข็งตัวเองตามธรรมชาติ แต่การใช้งานเหมือนกัน ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน ถามว่าตอนนี้อยากทำเลยไหม ก็อยากทำเลยนะ แต่ก็ต้องดูงบด้วย ปลูกเนื้อเยื่อใช้เงินประมาณ 3-4 หมื่น ปั้นองคชาตประมาณ 2 แสนกว่า อาจจะมีค่าแก้ตรงนั้นอีก บางคนรักษาไม่ดีก็ต้องมีแก้ด้วย คิดว่าอีก 2-3 ปีก็น่าจะทำได้”

อยากใช้ “นาย” นำหน้า
“ผมอยากใช้นายครับ แต่ประเทศเราถึงจะแปลงมาแล้วในบัตรประชาชนเราก็ยังเป็นนางสาวอยู่ดี มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก มันก็ติดอยู่ดีผมอยากให้เปลี่ยนเป็นนายครับ ในเมื่อสิทธิในระบบทางกฏหมายแล้ว มันมีแค่นายกับนางสาว เพราะฉะนั้นเราก็สมควรได้เป็นนายเพราะเราผ่าตัดแปลงเพศแล้ว เราไม่มีอวัยวะเพศหญิงแล้ว ทำไมเราจะใช้นายไม่ได้ ผมถึงรณรงค์เรื่องนี้ไงครับ ออกไปพูดรายการต่างๆ บ้าง เรื่องสิทธิทางกฏหมาย เรื่องคำนำหน้า หรือแม้แต่เรื่องสวัสดิการทางสังคมเรื่องอื่นๆ ที่เราไม่ได้สิทธิขั้นพื้นฐาน อยากให้รัฐเห็นใจเรื่องนี้บ้าง”

“อย่างผู้ชาย อย่างผู้หญิงข้ามเพศเข้าคุก ก็ต้องเข้าคุกชาย สรีระเป็นผู้หญิงหมดแล้ว แต่ถ้าเกิดว่าโดนข่มขืนข้างในคุกเขาก็เอาผิดไม่ได้ยกฟ้องได้ เพราะว่ามีคำนำหน้าเป็นชาย แต่อวัยวะเพศเป็นผู้หญิง นาย....มีอวัยวะเพศหญิงมันขัดกันอยู่แล้วครับ อย่างผมเนี่ยถ้าเข้าคุก ผมก็ต้องเข้าคุกหญิง เขาก็ถือว่าอวัยวะเพศหญิงของผมเป็นอวัยวะเพศชายแล้ว ผมไปเที่ยวข่มขืนใครผมก็เสียแค่ 500 บาทก็จบ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวนะผมว่า”

“อย่างผู้หญิงข้ามเพศบางคนที่ไปเกณฑ์ทหารเสร็จ ต้องเปลือยให้นายทหารตรวจ ผมว่ามันก็เกินไป แต่ว่าตอนนี้อาจจะเปลี่ยนแล้ว แต่ว่าเมื่อก่อนต้องแก้ผ้าให้นายทหารตรวจ ซึ่งเขาก็เป็นผู้หญิงเค้าก็อาย อย่างผมสูญเสียโอกาสในการรับราชการทางการทหาร ถามว่าผมอยากเกณฑ์ทหารไหม ผมอยากรับใช้ชาติ อยากรู้สึกว่าชีวิตหนึ่งเราได้ทำอะไรบ้าง”

“ผมว่ามันต้องมีสักวันที่คนเขาต้องยอมรับ มันต้องมีสักครั้งในชีวิตที่ผมจะต้องได้ใช้คำว่านาย เพราะเขาจะต้องเล็งเห็นว่า เรื่องแบบนี้จะเป็นเรื่องที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคน พลเมืองของประเทศไทยตกต่ำลง ถ้าคุณไม่ได้เข้าไปอยู่จริง(โดนกักขังในร่างของเพศที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง) คุณก็จะไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาเป็นแบบเราประสบปัญหามากกว่าที่คุณคิด ทั้งทางเรื่องครอบครัวไม่ยอมรับด้วย ผมว่าถ้ากฎหมายไม่ยอมเปลี่ยนก็จะทำให้คนไปดูถูกเหยียดคนข้ามเพศขึ้น แต่ถ้ากฏหมายเปลี่ยน ทัศนะคติของคนในสังคมเราก็เปลี่ยนไป จริงๆ แล้วกฎหมายหรือรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องพลเมืองไม่ใช่เป็นคนชี้นำ”

“ผมว่ามันไม่ทำให้สังคมวุ่นวายนะ ถ้าได้รับคำนำหน้าที่ตรงกับเพศที่เราผ่าตัดมาแล้วและไม่บอกคนอื่น อันนี้เป็นเรื่องของบุคคล อย่างเช่นเราเป็นแฟนกัน เขาก็มีสิทธิที่จะบอกก็ได้ไม่บอกก็ได้ มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ในเมื่อเขาคบกันสองคนอ่ะ เขาจะบอกว่า เขาเคยเป็นผู้หญิงมาในเมื่อคุณรักไปแล้ว คุณก็ต้องรักคุณจะไปเฮ้ย..เป็นผู้ชายมาก่อน ผมว่าคนไทยมีทัศนะคติที่คิดแค่ตรงนั้น แค่จะหลอกหรือไม่หลอก แต่เราไม่ได้คิดถึงในแง่มุมเขาว่า เขาก็ไม่ได้อยากหลอก ผมมองว่าคนที่เคยเป็นแฟนกันที่เคยติดคุกติดยามาก่อน หรือเป็นเอดส์ไม่บอก จริงๆ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ตอบนะ ผมว่าอันนี้น่ากลัวกว่ารึเปล่า เราต้องคิดกลับกัน”

“ถ้าผมคบกับใครสักคนหนึ่ง ผมจะบอกว่าผมเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน ผมเป็น Transman(ผู้ชายข้ามเพศ) ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่ผมแค่ซวยผมเกิดในร่างผิด ซึ่งผมว่าแฟนผมก็น่าจะเข้าใจดี ที่ผมพยายามสื่อก็คือคนไปจำกัดแค่ว่า จะมีการไปหลอกหรือไม่หลอกทำให้สังคมบิดเบือนจากความเป็นจริง ทำให้สังคมคิดว่า เราต้องหลอกเขา จริงๆ มันมีอะไรมากมายกว่าที่แค่เราจะไปยึดติดอะไรแบบนั้น ผมคิดอย่างนั้น”

เคยมีแฟนมาแล้ว 3 คน
“มีแฟนมาแล้ว 3 คน แฟนคนแรกตอนนั้นประมาณ ม.1-2 คบ 3 ปีจนจบ ม.ต้น คนที่ 2 เป็นนักศึกษาอักษรศาสตร์จุฬาฯอันนี้ก็คบประมาณเกือบ 3 ปีได้ แล้วผมก็โสดเกือบปีก็มาเจอพี่นก เขาจีบผมก่อน (หัวเราะเขินๆ) รู้จักกันจากทำงานในสมาคมแล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆ ตอนแรกไม่ได้ปิ๊งครับ คือผมนับถือในฐานะพี่ที่เคารพคนนึงเลยแหละ แต่เขามาชอบผมตั้งแต่แรก ก็คุยกันหยอกไปหยอกมานี่แหละ ตอนแรกผมคิดว่าผมไม่ชอบหรอก เพราะก่อนหน้านั้นผมคุยกับผู้หญิงคนนึงด้วย”

“แล้วผมก็มาฝันถึงงู ว่าผมมาวิ่งหนีงู ผมก็ไปเล่าให้เขาฟัง เขาก็บอก ฉันรึเปล่า พี่รึเปล่า ก็ไม่เคยคิด ยังบอกแม่อยู่เลย ผมไม่ได้ชอบเขาหรอก ผมชอบผู้หญิงอีกคนมากกว่า ปรากฏว่าคุยไปคุยมาสักพักนึงมันรู้สึกความประทับใจขึ้น มันรู้สึกคิดถึงอยากเห็นหน้า ซึ่งตอนนั้นเราก็คุยกันแค่ในไลน์ อยากจะเห็นหน้าเขาเราก็ไปเซิร์ทในกูเกิ้ล นก ยลลดา เฮ้ยเห็นรูปเขาแล้วมันสบายใจวะ ก็ไปดูในยูทิวบ์ คิดถึงเขา หลังจากนั้นก็เริ่มมาบอกว่ารู้สึกดีต่อกัน เต็มใจที่จะคบกัน”

“เขาเป็นคนค่อนข้างจิตใจดีมาก จิตใจดีถึงขั้นที่ โอ๊ยผมจะเจอผู้หญิงที่จิตใจดีแล้วก็ทนกะผมได้มากขนาดนี้รึเปล่าเนี่ย เพราะบางทีผมก็ยังเด็ก ก็อาจจะมีวุฒิภาวะต่ำบ้าง เช่นอารมณ์ บางทีเจอรถติดก็เฮ้ยรถติดว่ะ ไปไม่ทันแน่เลยหงุดหงิด พี่นกเค้าจะบอกใจเย็นๆ มีสติหน่อยบอกให้ผมมองโลกในแง่ดี ผมจะเรียกเค้าว่าเธอ หรือไม่ก็แทนตัวเองว่าเขา พี่นกก็จะแทนตัวเองว่านก นกว่าอย่างงั้น นกว่าอย่างนี้ แล้วก็จะมีคำว่า ฮันนี่ เรียกกันว่าฮันนี่มากกว่า บางทีก็จะเหลือแค่คำว่า ฮัน บางทีก็เรียกนี๋ๆ บ้าง บางทีก็เรียกตุ๊ดตู๋ เพราะมันน่ารักดี บางทีเขาก็เรียกเราว่าตุ๊ดบ้าง”

“ถึงผมเคยมีแต่แฟนผู้หญิง แต่พี่นกเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ผมก็ไม่รู้สึกต่อต้าน ความรู้สึกมิติของผมที่คบกะเขาคือเป็นผู้หญิงคนนึงทั่วไปเลย เชื่อเหอะครับว่าเขาไม่มีอะไรที่เหมือนผู้ชายสักอย่าง รูปลักษณ์ ความคิด การกระทำ คำพูด น้ำเสียงก็ยังเป็นผู้หญิง แล้วเขาก็มองผมในฐานะที่เป็นผู้ชายคนนึงเหมือนกัน เค้าก็บอกไม่เชื่อหรอกว่าเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน คุณก็เป็นผู้ชายคนนึง เขายอมรับผมเป็นผู้ชายคนนึง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พี่นกมีแฟนเป็นผู้ชายข้ามเพศ ที่ผ่านมาพี่นกก็คบกับผู้ชายมาตลอด ผมก็คบกับผู้หญิงจริงๆ มาตลอด”

“ส่วนแม่ผมพอคบกับพี่นกท่านก็ไม่ว่า แม่รู้ แม่พี่นกก็รู้ คบกันปกติ แต่แม่ก็งง บอกว่าผู้หญิงข้ามเพศนี่คืออะไร ตอนแรกเราก็ค่อยๆ ชี้นำ ค่อยๆ ซึมจนตอนนี้เค้าเข้าใจแล้ว”

เผยเรื่องเซ็กซ์ “นก ยลดา” ไม่สนใจ “แซม” จะมีอวัยวะเพศชายหรือไม่ แต่แซมยังไงก็อยากมีถึงจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ก็ตาม
“เรื่องเซ็กซ์ผมก็ให้ความสำคัญนะ ถามว่ามันสำคัญมากมั้ย คือตอนนี้เราคบกัน เราแค่จับมือ แค่นอนกอดกันก็มีความสุขแล้ว แต่สำหรับผู้ชายฮอร์โมนมันก็พลุ่งพล่าน มันก็มีอารมณ์ มันก็มีครับ เราก็ปฏิบัติให้กันในฐานะผู้หญิงกะผู้ชายนั่นแหละ (เราก็เป็นผู้ชายทำให้ผู้หญิง?) ใช่ ตอนนี้ผมก็รออย่างเดียวคือรอผ่าตัดทางเพศให้สมบูรณ์มากกว่า เรื่องเพศมันก็สำคัญ แต่ว่าผมก็ยืนยันว่าสุดท้ายแล้วจิตใจของเราสำคัญมากที่สุด ยังไงถ้าเกิดเราปฏิบัติกับเขาเป็นผู้หญิง เขาก็ปฏิบัติกับเราเป็นผู้ชาย เค้าก็คิดว่าเราเป็นผู้ชาย มันไม่ได้เกี่ยวกับแค่เรื่องเซ็กซ์”

“โอเคสำหรับผมมันก็ขาด เพราะฉะนั้นเนี่ยมันยังไม่สมบูรณ์ ผมก็รอเวลาอย่างเดียวที่จะได้ผ่าตัดทางเพศ ซึ่งพี่นกก็จะเป็นคนคอยให้กำลังใจผม และก็จะเป็นห่วงผม ว่าผ่าตัดจะเป็นยังไง เขาก็จะคอยบอกเธอๆ จะคิดใหม่ก็ได้นะ เขาก็เป็นห่วง ปัจจุบันนี้ถามว่าพี่นกรับได้มั้ย พี่นกก็รับได้ แต่ปัญหาคือเรื่องสุขภาพของตัวผม เรื่องผลจากการผ่าตัดมากกว่า ผมว่าถ้าผมผ่าตัด ถึงมันจะใช้งานได้ ใช้งานไม่ได้ผมก็มีความสุขและพอใจ ผมอยากมี ผมว่าเปอร์เซ็นต์ที่มันจะใช้ได้ก็น่าจะประมาณ 80 อัป ผมมีความหวังว่ามันต้องใช้งานได้ แล้วมันก็ต้องดี เชื่อว่าพลังความหวังตรงนั้นจะทำให้จิตใจแล้วก็เรื่องกายภาพเนี่ยไปด้วยกัน”

“แต่ถึงผมมีแล้วก็ไม่ได้คิดว่ามันจะทำให้ความรักเราเพอร์เฟกต์ ถ้าเพอร์เฟกต์ของผมก็เป็นเพอร์เฟกต์ในตัวผมมากกว่า ผมว่าตอนนี้ผมกับพี่นกคบกันในความเข้าใจมาก บางทีเราทำอะไรเราไม่ต้องบอกเลย คือเรามองตากันก็รู้แล้วว่าเราคิดยังไง ผมให้คำนิยามความรักของผมกับพี่นกเป็นความเข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า โดยผู้ชายที่เข้าใจผู้หญิง แล้วก็ผู้หญิงที่เข้าใจผู้ชาย เออ มันเป็นอย่างนี้มากกว่า”

หวังอยากจะมีลูกร่วมกัน แต่ติดในแง่กฏหมาย
“ผมก็อยากมีลูก พี่นกเค้าก็อยากมี แต่ว่ามันมีไม่ได้ คราวนี้มันก็ถึงเกี่ยวโยงกับเรื่องกฎหมายไง เรื่องแต่งงานเขาก็คงมอง แต่เขาก็คงเลิกฝันไปแล้วแหละ เพราะว่าเค้า 30 แล้วครับ แล้วผมก็ยังคิดว่าผมเพิ่งอายุ 20 กว่า ผมจบแล้วผมก็ต้องทำงานเก็บเงินเพื่อที่จะเอาเงินมาซัพพอร์ตครอบครัว ผมต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 5 ปี เขก็คงไม่ได้ซีเรียสอะไรแล้วตรงนั้น แต่ถามว่าอยากมีลูกมั้ยก็อยากมี แต่ตอนนี้สิทธิ์ทางกฎหมายไม่ให้เรา เราจะไปรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมมันก็ไม่ได้อยู่ดี อย่างเมืองนอกเขาไปรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงได้ โดยที่ผมเป็นพ่อ แล้วพี่นกเป็นแม่ แต่ตอนนี้สิทธิ์ทางกฎหมายมันยังเป็นนายกะนางสาวอยู่เลย คำนำหน้ามันก็ยังไม่ได้ เราก็เลยเลี่ยงที่จะไม่สนใจเรื่องนั้นดีกว่า”

“เรื่องมองถึงอนาคต ว่าจะได้อยู่ด้วยกันมั้ย ผมเชื่อว่าถ้าเรายังให้เกียรติกัน ยังให้ความสำคัญ แล้วก็เห็นคุณค่าของกันและกัน ผมว่า 10 ปี 20 ปี มิตรภาพมันก็ไม่แปรเปลี่ยน ถึงมันจะแปรเปลี่ยนมันก็จะแปรเปลี่ยนเป็นพี่กับน้องที่ดี แล้วผมว่าถ้าผมคุมจิตใจได้ มิตรภาพความรักผมกับเขาคงจะเป็นอะไรที่จีรังยั่งยืน ผมเป็นคนไม่เจ้าชู้อยู่แล้วด้วย”











ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

กำลังโหลดความคิดเห็น