xs
xsm
sm
md
lg

ปรากฏการณ์ “พี่มากฯ ฟีเวอร์” GTH รวยมาก4 วันฟัน 100 ล้าน!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทยไปแล้วสำหรับ “พี่มาก พระโขนง” หนังเรื่องใหม่ล่าสุดของค่ายหนังอารมณ์ดี GTH ที่ฉายเพียง 4 วันแต่ฟันไปแล้ว 100 ล้าน ล่าสุดผ่านไปแค่หนึ่งสัปดาห์หนังพี่มากฯ กระโดดเข้าสู่ 180 ล้านเป็นที่เรียบร้อย ผู้กำกับ “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกุล” แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์แถมยังกลายเป็นผู้กำกับอันดับต้นๆ ที่ GTH วางตัวเป็นนัมเบอร์วันเสนอโปรเจกต์ไหนมีโอกาสผ่านฉลุยอย่างแน่นอน

ต้องถือว่า “พี่มาก พระโขนง” เป็นหนังที่สร้างความคึกคักให้กับวงการภาพยนตร์ไทยในปัจจุบันจริงๆ เพราะลงโรงฉายมาเพียงแค่ไม่กี่วันก็ทำยอดทะลุร้อยล้านเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางกระแสบอกต่อว่าฮาจริง ซึ้งจริง เข้าฉายเพียงไม่กี่วันแต่ผู้ชมบางคนดูซ้ำรอบที่สอง ที่สามกันไปเรียบร้อย บางคนดูเสร็จออกมาชักชวนพ่อแม่พี่น้องและคนในครอบครัวกลับไปดูอีกรอบ

ทุกคนที่ไปเยือนโรงภาพยนตร์ในช่วงตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมมาจนถึงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศคึกคักมากเป็นพิเศษ บางแห่งมีคนต่อแถวซื้อบัตรเข้าชมภาพยนตร์ยาวไปจนถึงบันไดเลื่อน โดยคนกว่า 70% ที่มาชมภาพยนตร์ในช่วงนี้เลือกชมหนังเรื่อง “พี่มาก พระโขนง” ทำให้รอบการฉายหนังไทยเรื่องนี้เบียดหนังต่างประเทศฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉายในสัปดาห์เดียวกันอย่าง G.I. Joe: Retaliation ไปจนเหลือรอบฉายแค่เพียง 1 ใน 3 ของพี่มากพระโขนงเลยทีเดียว

บางคนบอกว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่จะทำให้หนังไทยกลับมาสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง หลังจากเงียบเหงามานานหลายปี และจะตอกย้ำให้ GTH เป็นค่ายหนังไทยอันดับหนึ่งของประเทศเหนือค่ายอื่นๆ อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ทุกเสียงบอก “พี่มากฯ” ยอดเยี่ยม
ผู้บริหารคนหนึ่งของค่ายหนัง GTH เคยแง้มถึงสูตรสำเร็จของค่ายนี้เอาไว้ว่า GTH จะทำหนังเอาเงินสลับกับหนังเอากล่องไปเรื่อยๆ โดยแบ่งสัดส่วนให้พอเหมาะพอดีกัน และหาก “มหา’ลัย เหมืองแร่” คือหนังที่เอากล่อง หนังเรื่อง “พี่มาก พระโขนง” ก็คือหนังที่ทำออกมาเพื่อเอาเงินโดยตรงอย่างปฏิเสธไม่ได้

ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังของ GTH ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้นั้นคงต้องยกความดีความชอบให้กับฝ่ายการตลาดของค่ายที่ “รู้ใจ” คนดูหนังยุคใหม่ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานในช่วงสิบปีแรกเป็นพิเศษ เพราะทำแคมเปญต่างๆ ออกมาได้โดนใจผู้ชมเป็นอย่างมาก แต่หากตัวหนังไม่มีคุณภาพจริงเสียแล้วต่อให้โปรโมตเทพขนาดไหนก็มีสิทธิแป๊กง่ายๆ เพราะหากจะว่าไปหน้าหนังของพี่มาก พระโขนงก็ไม่ใช่หนังที่ใครหลายคนจะควักกระเป๋าซื้อบัตรเข้าไปชมโดยง่าย แต่เมื่อได้ยินได้ฟังกระแสบอกต่อว่าของเขาดีจริง หลายคนก็ชักคล้อยตาม บางคนก็อยากพิสูจน์ให้เห็นเองกับตาจึงยอมสละเวลาเพื่อไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงด้วยตัวเอง

ซึ่งผลที่ออกมากว่า 90% ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่มากพระโขนงเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของหนังผีคอมเมดี้ โดยเฉพาะกระแสในโลกอินเทอร์เน็ตทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บบอร์ดต่างๆ ที่ออกมาชื่นชมในความฮาแบบไม่มีขีดจำกัดของหนังเรื่องนี้กันทั้งนั้น

ส่วนหนึ่งของความคิดเห็นที่แสดงเอาไว้ในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์พันทิป ดอท คอม มีดังนี้
“หนังเรื่องนี้ มันมีมากกว่าคำว่าการแสดงค่ะ ต้องดูจริงๆ เราดูมาแล้วสองรอบกับแฟน นั่งขำ นั่งร้องไห้ นั่งเช็ดน้ำตาให้กัน ขอบคุณหนังเรื่องนี้จริงๆ” จากคุณ joblevel

“ฮาดีครับ ผกก มืออาชีพแบบนี้ผมชอบครับ ชอบการนำเสนอมุมกล้อง เวลาผีจะมาจะไป ดูมีศิลปะดีครับเข้าขั้นอินเตอร์” จากคุณ FYOUAREWITHUSTHENBEWITHUS

“หนังสนุกมากจริงๆ เราไปดูเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รอบ 3 ทุ่มครึ่ง (รอบสุดท้าย คนยังเยอะมากๆ) ได้ความสนุกกลับไปนอนฝันดีที่บ้านเลย ไปอย่างคาดหวังพอสมควร กลับออกมาเกินกว่าที่คาดหวังจริงๆ ถ้ามีเวลา จะไปดูอีกนะคะ พี่มากขาาาา” จากคุณเพราะเข้าใจ จึงเข้าใจ

เสียงของผู้ชมส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ “พี่มาก พระโขนง” เป็นหนังตลกที่ทำออกมาเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ ซึ่งมีฉากซาบซึ้งในความรักระหว่างพี่มากกับนากสอดแทรกอยู่ในตอนท้ายของเรื่องให้บางคนได้บ่อน้ำตาแตกกันอีกด้วย

ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ซึ่งได้เข้าไปนั่งชมภาพยนตร์เรื่องนี้กับภรรยาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้โพสต์ลงอินสตาแกรมของเขาว่า “นานแล้วที่ภรรยาไม่ได้กอดเราแน่นๆ + นานๆ จนเมื่อกี้นี่แหล่ะ...ช่วงดู “พี่มาก พระโขนง” 555555” แล้วยังเขียนกำกับเอาไว้ด้วยว่า “หนังสนุกนากๆ”

ในมุมมองของนักวิจารณ์ภาพยนตร์อย่าง “อภินันท์ บุญเรืองพะเนา” เขามองว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมของภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของตำนานแม่นาก พระโขนง เรื่องนี้คือการกล้าที่จะริเริ่มอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากตัวนากมาเป็นมาก ซึ่งผู้สร้างก็กล้าฉีกขนบตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่องเลยทีเดียว

“ความดีงามของแม่นากเวอร์ชันนี้ คือผลพวงแห่งการกล้าคิดใหม่อีกหนึ่งครั้งของหนังไทย มันคือการคิดใหม่ที่ทำให้เรื่องราวของแม่นาก ดูแตกต่างและน่าสนใจมากขึ้นนับเท่าทวีคูณ เพราะเมื่อก่อน พอพูดถึงแม่นาก ทุกคนก็จะนึกถึงผีที่ไม่ไปผุดไปเกิดเพราะความรักความผูกผันที่มีต่อสามี แต่โต้ง-บรรจง สลับมุมเพียงเล็กน้อย ด้วยการปรับเปลี่ยนมุมมองเรื่องของแม่นาก ให้เป็นมุมมองที่มองผ่านคนรักของแม่นาก ซึ่งก็คือ พ่อมาก ตั้งแต่ชื่อเรื่องที่เดินออกจากกรอบเดิมๆ ที่มักจะใช้ชื่อคนรักฝ่ายหญิงเป็นตัวนำ ก็เปลี่ยนตำแหน่งมาใช้คำว่า “พี่มาก” แทน เอาแค่ข้อมูลพื้นฐานเท่านี้ ก็น่าจะทำให้คนหันมาสนใจได้แล้ว”

สำหรับ “วิสูตร พูลวรลักษณ์” CEO ใหญ่ของค่าย GTH เองก็ยอมรับว่าปรากฏการณ์โกยรายได้ในวันจันทร์ หลังจากสุดสัปดาห์ที่หนังเรื่องนั้นๆ เข้าฉายไปแล้วแบบที่พี่มาก พระโขนงทำเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งเคยเห็นจริงๆ

“ผมอยู่ในวงการนี้มา 30 ปี ก็เพิ่งเคยเห็นตัวเลขแบบนี้เป็นครั้งแรก ปกติรายได้วันจันทร์จะตกจากวันพฤหัสบดีประมาณ 30 -40% แต่พี่มาก พระโขนง นอกจากรายได้จะไม่ตกแล้ว ยังเพิ่มขึ้นอีก กลายเป็นสถิติใหม่ของหนังวันจันทร์ ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ กระแสปากต่อปากของเรื่องนี้ แรงและเร็วมากๆ การบอกต่อขยายวงกว้าง ทั้งกลุ่มคนที่เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก และไม่ได้เล่น ทำให้เราคาดการณ์ใหม่ว่า รายได้สุดท้ายน่าจะเกิน 200 ล้านบาทครับ ”

ปรากฏการณ์พี่มาก พระโขนงดูเหมือนว่าจะไม่ได้หยุดอยู่เฉพาะที่ประเทศไทยเสียแล้ว เพราะล่าสุดหนังเรื่องนี้ก็ได้เริ่มออกไปบุกตลาดหนังต่างประเทศโดยเริ่มที่ประเทศอินโดนีเซีย แหล่งข่าวรายงานว่ารอบกาลาพรีเมียร์ซึ่งถือเป็นรอบแรกของหนังเรื่องพี่มาก พระโขนงที่ฉายในประเทศอินโดนีเซียที่จะฉายพร้อมกับการได้ Meet & Greet ทีมนักแสดงและผู้กำกับในวันที่ 7 เมษายนนั้นบัตรถูกจองเต็มทุกใบตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ทำการจองเลยทีเดียว

ความแรงของพี่มาก พระโขนงทำให้เกิดข่าวกรณีแผ่น VCD เถื่อนของหนังเรื่องนี้มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาการมีแผ่น VCD หรือ DVD เถื่อนของหนังที่กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ออกมาวางจำหน่ายนั้นถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนังแทบทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่พอเป็นหนังไทยทำเงินร้อยล้านอย่างพี่มาก พระโขนง เลยกลายเป็นข่าวออกตามสื่อต่างๆ เช่นนี้

ส่วนผสมที่ลงตัว
“พี่มาก พระโขนง” อาจจะถือได้ว่าเป็นบ้านผีปอบในยุค 2013 ด้วยความที่มันเป็นหนังที่มีผีเป็นตัวดำเนินเรื่องแต่ไม่ใช่หนังผีตามที่หลายคนนิยามว่าต้องเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาท แต่กลับเป็นหนังคอมเมดี้ที่ฮาแบบไม่มีขีดจำกัด ในแง่ของการเป็นหนังตลกที่มีผีเป็นตัวเดินเรื่องก็ต้องถือว่าคล้ายหนังบ้านผีปอบเป็นอย่างมาก แต่ในด้านของมุก จังหวะของหนัง มุมกล้อง ตลอดจนโปรดักชันต่างๆ ต้องบอกว่า “พี่มาก พระโขนง” ทำได้ถึงแก่นกว่าหลายเท่าตัว

หากใครที่เคยได้ชมหนังของผู้กำกับ “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกุล” ทั้งเรื่องคนกลางและเรื่องคนกองที่เขาเคยกำกับเอาไว้ในหนังเรื่องสี่แพร่งและห้าแพร่งเมื่อ 3 - 4 ปีก่อนก็คงจะพอจับทางของเขาได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะทำหนังผีโดยตรง ซึ่งโต้งเองก็เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าหนังที่ถือว่าเป็นแนวทางของเขาจริงๆ คือหนังตลกร้าย (Black Comedy) ไม่ใช่หนังผีแต่อย่างใด แม้ว่าเขาจะเคยร่วมกำกับภาพยนตร์สุดหลอนเรื่อง “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” มาแล้วก็ตาม

ในหนังสั้นๆ เรื่องคนกลางและคนกองจึงเป็นก้าวย่างสู่ความเป็นผู้กำกับหนังตลกร้ายอย่างเต็มตัวของโต้ง เพราะเขาค่อยๆ กร่อนภาพจำที่หลายคนมองว่าเขาคือผู้กำกับหนังผีออกไปแล้วเติมความเป็นผู้กำกับหนังตลกเข้ามาแทนที่ ซึ่งในหนังพี่มาก พระโขนง โต้งก็เรียกใช้งานแก๊งสี่เกลอ ซึ่งกลายเป็นดาราคู่บุญของเขาให้กลับมาทำหน้าที่คล้ายเดิมนั่นคือร่วมกันกวน ร่วมกันกลัว และวิ่งหนีผีไปพร้อมกันนั่นเอง

นอกจากความเข้าขากันของเพื่อนซี้ทั้งสี่คนแล้ว การได้ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ” กับ ดาราสาวหน้าหวาน “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” มารับบทพี่มากและน้องนาก แห่งทุ่งพระโขนงก็ทำให้หนังเรื่องนี้ครบเครื่องเต็มร้อย ทั้งตัวละครที่ทำหน้าที่ตลกเถิดเทิงอย่างไม่มีขีดจำกัดและตัวละครสวยหล่อที่มาเรียกเรตติ้งจากแฟนคลับ

กลวิธีในการเล่นกับการ “ตีความไปเอง” ของโต้งยังคงเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะชอบการเสียดสีการทึกทักไปเองของผู้คนในสังคมมากเป็นพิเศษจึงวางบทให้สี่เกลอเป็นคนกระต่ายตื่นตูมและคิดเหมาอะไรกันไปเองตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเราจะเห็นมุกคิดเหมาเอาเองแบบนี้จากในหนังทั้งคนกลางและคนกองมาแล้วและมันก็กลายเป็นยี่ห้อประจำตัวของผู้กำกับไปโดยปริยาย

ด้วยมุกตลกที่ไม่ต้องยืมพรสวรรค์ของนักแสดงตลกคาเฟ่คนไหน แถมยังไม่ยัดเยียดมุกตลกลามกและหยาบคายจนมากเกินพอดีทำให้ “พี่มาก พระโขนง” กลายเป็นหนังที่ดูได้ทั้งครอบครัว และความ Mass ของหนังเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้มันประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เพราะเราจะเห็นกรณีที่หนุ่มสาวไปดูกับแฟนแล้วกลับมาชวนพ่อแม่เข้าไปดูอีกครั้งเกิดขึ้นบ่อยมากสำหรับหนังเรื่องนี้

นอกจากจังหวะของมุกต่างๆ ที่ลงตัวแล้ว “พี่มาก พระโขนง” ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่มาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก...มาก อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทของนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี “เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” ที่เขียนร่วมกับผู้กำกับ เพลงประกอบที่เป็นการนำเอาบทเพลงเก่าๆ มาขับร้องใหม่ทั้งเพลงอยากหยุดเวลา ของ “ ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์” ที่ขับร้องโดย อีฟ ปานเจริญ(ปาล์มมี่) และเพลงขอมือเธอหน่อยของ “นันทิดา แก้วบัวสาย” ที่ขับร้องโดย มาริโอ้/บอมบ์/ฟรอยด์/เชน/เผือก (ทีมนักแสดงนำในเรื่อง)และดนตรีประกอบจากค่ายเพลงที่คว้ารางวัลจากการทำดนตรีประกอบหนังมาแล้วมากมายอย่าง “หัวลำโพงริดดิม”

“ใหม่ ดาวิกา” แจ้งเกิดแล้วจ้า
แม้จะเคยประสบกับข่าวฉาวในเรื่องภาพหลุดทำให้ “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” กลายเป็นนางเอกสุดแรง ทำเอาภาพลักษณ์นางเอกน้องใหม่ใสแบ๊วที่ช่อง 7 พยายามสร้างให้พังทลายในคืนเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไป “ใหม่ ดาวิกา” ก็พิสูจน์ตัวเองด้วยฝีมือการแสดงละครตลอดจนมาถึงการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธออย่าง “พี่มาก พระโขนง” เรื่องนี้

หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งดวงตากลมโตที่หม่นเศร้า ผิวขาวดั่งหยวกกล้วย ตลอดจนผมยาวดำขลับเป็นเงาใครหลายคนก็คงยอมรับว่าใหม่เหมาะสมกับคาแร็กเตอร์นางนาก พระโขนงเป็นอย่างมาก แต่ใหม่ก็พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์ภายนอก เพราะฝีไม้ลายมือในการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอนั้นผ่านฉลุย ทั้งฉากทำหน้านิ่งๆ ชวนให้ผู้ชมขนหัวลุก ตลอดจนฉากดรามาเรียกน้ำตาตอนที่เธอออกมาเรียกหาชายคนรัก ใหม่ทำได้ดีทั้งสิ้น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่เมื่อใครได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบไปจะต้องหลงรักผู้หญิงคนนี้ไปตามๆ กัน

ถึงตอนนี้ “ใหม่ ดาวิกา” มีแฟนคลับทั้งผู้ชายผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และหลังจากภาพยนตร์พี่มาก พระโขนง ลาโรงไป ใหม่จะมีผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง “ปิตุภูมิ พรมแดนแห่งรัก” ที่แสดงคู่กับ “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ” และ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ออกมาอีก เรียกได้ว่าเธอกำลังโชว์ฝีมือการแสดงให้ทุกคนประจักษ์อย่างเต็มที่อย่างแน่นอนในปีนี้

“เต๋อ ฉันทวิชช์” กับฝีมือเขียนบทสุดเจ๋ง

นอกจากฝีไม้ลายมือในการแสดงภาพยนตร์ในบทกวนๆ แล้ว นักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี “เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี“ ยังใช้วิชาที่ร่ำเรียนจบเอกภาพยนตร์และภาพนิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเขียนบทภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ซึ่งเป็นที่ประทับใจผู้ชมมาแล้วทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่ “พี่มาก พระโขนง” ที่เป็นผลงานเขียนบทเรื่องล่าสุดของเต๋อซึ่งทำรายได้กว่า 150 ล้านบาทเท่านั้น แต่ยังมีผลงานภาพยนตร์อีกมากมายที่เต๋อใช้ฝีมือเขียนบทจนประสบความสำเร็จทั้งด้านคำชื่นชมและรายได้มาแล้วทุกเรื่อง

เริ่มตั้งแต่ “เก๋า...เก๋า” หนังคอมเมดี้เกี่ยวกับวงดนตรีและเสียงเพลงที่ฉายในปี พ.ศ. 2549 ที่เต๋อมีส่วนเป็นหนึ่งในทีมเขียนบท ซึ่งถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขากระโดดลงมาเขียนบทอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ซึ่งก็เป็นภาพยนตร์แนวตลกเฮฮาตามความถนัดและบุคลิกส่วนตัวของเต๋อนั่นเอง

ถัดจาก “เก๋า...เก๋า” เต๋อก็มาเขียนบทภาพยนตร์ให้กับผู้กำกับซึ่งกลายมาเป็นผู้กำกับคู่บุญของเขาในเวลาต่อมาอย่าง “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกุล” ซึ่งต้องการกำกับหนังผีแนวคอมเมดี้ หรือหนังคอมเมดี้ที่มีผีเป็นตัวเดินเรื่อง ทำให้เกิดโปรเจกต์หนังสั้นเรื่อง “คนกลาง” ซึ่งเป็นหนังลำดับที่สามในจำนวนสี่เรื่องของภาพยนตร์ชุดสี่แพร่ง ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ. 2551 และนับว่าเป็นหนังผีแนวใหม่ที่บัญญัตินิยามของคำว่า “เขย่าขวัญปนขำขัน” ภายในเรื่องเดียวกันได้อย่างลงตัวอีกด้วย

“คนกอง” ในภาพยนตร์ชุด “ห้าแพร่ง” ซึ่งเป็นหนังผีแนวเดียวกันกับ “คนกลาง” ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2552 เป็นหนังลำดับถัดมาที่เอเป็นส่วนหนึ่งของทีมเขียนบท โดยเรื่องนี้เขาได้ร่วมงานกับ “โต้ง บรรจง” อีกครั้ง และตอกย้ำความเป็นเจ้าพ่อหนังเขย่าขวัญและขำขันให้กับทั้งเต๋อและโต้งได้อย่างสวยงาม

แต่หนังที่ทำให้เต๋อแจ้งเกิดอย่างสวยงามในฐานะคนเขียนบทคือภาพยนตร์เรื่อง “กวน มึน โฮ” ซึ่งฉายในปี พ.ศ. 2553 ที่เขารับบทนำด้วย สำหรับเรื่องนี้เต๋อใช้ความถนัดในการเขียนบทภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ผนวกกับการใส่บทตัวละครที่มีคาแร็กเตอร์ใกล้เคียงกับเขาจึงทำให้ “กวน มึน โฮ” กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในด้านรายได้และเสียงชื่นชม

ตามมาติดๆ ด้วยภาพยนตร์แนวคอมเมดี้แบบสุดขั้วอย่าง “ATM เออรัก เออเร่อ” ที่ฉายในปี พ.ศ. 2554 ที่เต๋อรับหน้าที่ทั้งเขียนบท ทั้งแสดงนำอีกเช่นเคย ซึ่งก็เป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ประสบความสำเร็จในหลัก 150 ล้านเลยทีเดียว
 
......................................................

ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 183 วันที่ 6 - 12 เมษายน 2556




เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
กำลังโหลดความคิดเห็น