xs
xsm
sm
md
lg

“ไฮโซแชมป์” งัดหลักฐานโต้เบี้ยวเงิน “ชาย อานันท์ทวีป” เตรียมฟ้องกลับ 100 ล้านขึ้นไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไฮโซแชมป์” พี่ชาย “น้ำหวาน” ที่ตกเป็นข่าวกิ๊กกับสามี “หนิง ปณิตา” หอบหลักฐานโต้เบี้ยวเงินค่าทำพีอาร์ “ชาย อานันท์ทวีป” 1 ล้าน ยันจ่ายไปหมดแล้ว ประกาศฟ้องกลับทั้งแพ่งและอาญา เตรียมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านขึ้นไป แฉชายเสนอตัวช่วยงานเอง แต่กลับทำงานไม่ได้อย่างที่พูด พร้อมแจงน้องสาวน้ำหวานจะแถลงเคลียร์ข่าวกิ๊กสามีหนิงหลังกลับจากอเมริกาอีก 2 วัน



ยังคงไม่จบง่ายๆ สำหรับกรณี “ชาย อานันท์ทวีป ชยางกูร ณ อยุธยา” ได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวน ว่าถูก “แชมป์ จิรัฐฏ์ เพชรนันทวงศ์” นักธุรกิจไฮโซพี่ชาย “น้ำหวาน” ไฮโซสาวที่กำลังตกเป็นข่าวกิ๊กกับสามีของ “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” เบี้ยวเงินค่าทำประชาสัมพันธ์งานคอนเสิร์ต “Sydictive Element Electronic Dance Music Festival” ที่จัด ณ หาดป่าตอง ภูเก็ต จำนวนเงิน 1 ล้านบาท พร้อมแฉเละว่าจัดงานไม่ได้มาตรฐาน ศิลปินดังไม่มาร่วมงานเหมือนที่โฆษณา แถมบัตรที่นั่งวีไอพีราคาที่นั่งละ 1 แสน ก็มีเพียงโต๊ะไม้ให้นั่ง อาหารไม่เพียงพอ ห้องน้ำไม่ดี จนทางด้านของคู่กรณีเองโดมโจมตียับ

หลังจากเก็บตัวเงียบมานาน ล่าสุดเมื่อ วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ไฮโซแชมป์ ได้หอบหลักฐานเด็ดมาเปิดแถลงข่าวโต้กลับขึ้นที่ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ถ.สุขุมวิท โดยมี นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความเดินทางมา โดยไฮโซแชมป์ได้เปิดปากชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า

แชมป์ : “ผมมีหลายเรื่องราวที่อยากจะชี้แจงให้ทราบนะครับ ผมเริ่มโปรเจกต์นี้เพราะว่าชอบชมดนตรี และได้ปรึกษากับทางเพื่อนๆ ผม แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ให้การสนับสนุน และผมเชื่อว่าประเทศไทยสามารถให้ศิลปินใหญ่ๆ เขามาเล่นในเมืองเราได้ครับ ผมขอเริ่มจากว่าผมรู้จักคุณเพ็ญ และคุณชาย อานันท์ทวีป ได้ยังไงนะครับ วันนั้นที่ผมไปแถลงเปิดตัวที่คุณปารีส ฮิลตัน มาแถลงเปิดตัวที่เซ็นทรัลเวิลด์ วันนั้นก็มีพี่ๆ นักข่าวมาให้กำลังใจ ก็มีผู้ใหญ่จากต่างประเทศและก็ประเทศเรา รวมถึงสื่อต่างๆ ผมก็ต้องต้อนรับแขกที่มาในงานผมทุกคน และก็ได้ต้อนรับคุณชายกับคุณเพ็ญนะครับ ปัญหาคือเกิดจากวันงานวันนั้น”

“เขาอ้างว่าผมพยายามไปรู้จักเขาที่งาน ซึ่งผมยังไม่รู้เลยครับว่าเขาเป็นใคร วันนั้นผมขึ้นไปแถลงบนเวที ผมก็ได้สัมภาษณ์กับนักข่าวทุกช่อง ทำไมผมต้องไปคุยกับเขาคนเดียวไม่จำเป็นเลยครับ มาถึงประเด็นหลังจากจบงาน ผมได้เดินทางกลับไปที่โรงแรมอีกเป็นห้องสตาฟฟ์ของผม ผมทิ้งของสัมภาระผมไว้ที่นั่นขึ้นไปกับเพื่อน 8-10 คนครับ แล้วผมก็ได้พบกับคุณเพ็ญ ตอนนั้นประมาณตี 2 ครับ เขาแนะนำให้ผมรู้จักกับทางคุณเพ็ญเขาก็ยื่นมือมาให้มาร่วมงานกับผม ผมก็ยินดีนะครับ ได้รู้จักคนใหม่ๆ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปฉลองหลังจากจัดงานเสร็จ”

“หลังจากนั้นคุณเพ็ญติดต่อผมมา เชิญไปทานข้าวบ้าง เชิญไปออกงานอีเวนต์บ้าง ผมก็งานยุ่งครับเลยไม่ได้ไป แล้วมาถึงว่าพนักงานผมรู้จักกับคุณเพ็ญ ก็พาคุณเพ็ญเขามาบริษัทแล้วก็ได้มานำเสนออีเวนต์ที่ผมจัดไป ว่ามันยังไม่ค่อยถึงนักข่าว นักข่าวมาน้อย ทำไมดาราคนไทยบางคนยังมีคนไทยมามากกว่านี้เลย งานแถลงวันนั้นไม่ดี ผมก็โอเคครับ ผมยอมรับว่ามือใหม่กับงานแบบนี้ ก็เลยจัดรอบสองขึ้นมาที่โรงแรมโซฟิเทล ซึ่งที่โรงแรมนี้เป็นสปอนเซอร์จากทางผม วันนั้นก็มีปัญหาเกิดขึ้นในงานที่คุณชายได้จัดไว้ งานผม บัตรเชิญนักข่าว คืองานเริ่ม 6 โมงเย็น แต่เอาเข้าจริงๆ 3 ทุ่มครึ่ง ผมถามหน่อยว่านั่นคือการทำงานอย่างมืออาชีพหรือเปล่าครับ แขกวีไอพีของผมที่เชิญมาก็ได้กลับไปบางท่าน สปอนเซอร์บางท่านก็ขอถอนออกจากผม”

“ผมถามหน่อยว่ามันตีมูลค่าได้ไหมครับ ผมตีเป็นมูลค่าไม่ได้เลยครับ จากงานที่ผมเปิดตัวมาดีมากที่ได้ ปารีส ฮิลตัน วันนั้นพิธีกรเป็นคุณแหวนแหวน แต่มาบอกก่อนงานจะเริ่ม 10 นาทีว่าไม่มาแล้วนะครับ แล้วผมจะทำยังไง แล้ววันนั้นพี่คลาวเดีย จักรพันธ์ รู้จักกับผม เขามาแต่มาเป็นแขก ก็ได้ขึ้นมาบอกเดี๋ยวพี่ช่วย ก็แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไป แต่ผมขอถามหน่อยทำแบบนี้มันใช่มืออาชีพหรือเปล่าครับ เพราะเขาบอกผมว่าผมต้องจัดอีกครั้งเพื่อขอบคุณนักข่าวนะ ซึ่งเขาบอกว่าจะมีสปอนเซอร์เขามาอีกเยอะเลย เพราะเขาบอกว่าเขาจะหามาให้ผม ผมก็เชื่อเขาเพราะเขาบอกว่าเขาทำพีอาร์มานานแล้ว แต่ผมก็มีพีอาร์ของบริษัทผมอยู่แล้ว แต่เขาบอกว่าเขาทำอีเวนต์ด้วย”

“บิล 1 ล้านบาทที่คุณชายพูดถึง ยอดเต็มพร้อมภาษีอีก 7 หมื่นบาทเต็มครับ จ่ายรับโดยบริษัทคุณชายนะครับ พร้อมใบเสร็จ ชาย อานันท์ทวีป อินเตอร์เนชั่นแนล ครับ แล้วก็ใบภาษีที่ผมจ่าย หลังจากงานวันนั้นเขาก็บอกว่าถ้าเขายื่นมือมาช่วย ผมก็ได้เพื่อนใหม่ ผมก็ดีใจ แต่หลายคนบอกว่าไม่สมควรที่จะทำงานกันต่อ ข้อต่างๆ ที่ผ่านมาผมก็ได้ยืนโนติสต์ไปให้เขา 1 ล้านบาท แล้วก็มีเรื่องของการพีอาร์เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท หรือเลขเจ็ดหลัก ผมโดนกล่าวหา เอกสารมีครับ”

“เขาออกรายการวู้ดดี้บอกว่าผมไปถอนตัวก่อนงานจริง เพราะคิดว่าบริษัทนี้แปลกๆ วันที่ 23 มกราคม ส่งแฟกซ์มาให้ผมเฉยเลย มีสัญญาเต็มไปหมดเลย แต่ตัวเองทำไม่ได้เลยสักข้อ ถ้าเขาเซ็นมา เขาก็คงมีปัญหากับผมเยอะเหมือนกันครับ แต่ว่าในสัญญาหน้าสุดท้ายบอกว่าสัญญาวันสุดท้ายคือวันที่ 31 มกราคม แล้วผมไปถอนตัวเมื่อไหร่ครับ ตอนเช้าไปแจ้งความผม ตอนกลางคืนไปบอกว่าผมไม่จ่ายค่าหนี้เขา แล้วตัวเลขที่ใส่มา 6 แสนครับ อันนี้คือสัญญาของเขาเลยครับ และข้อที่ดีที่สุดของเขาคือเขายังไม่เซ็นมาเลยครับ แล้วผมมีพันธะอะไรกับบริษัทเขาครับ ผมมีหนี้มีสินกับเขาด้วยเหรอครับ ถึงต้องมาโยงถึงน้องสาวผมด้วย ผมไม่เข้าใจว่าผมโดนแบบนี้ว่าถึงพ่อแม่ผม มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรครับ ทุกคนมีพ่อแม่เหมือนพระที่บ้าน คุณแม่ถึงขนาดมาร้องไห้กับผม แล้วถามผมว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกแย่ รู้สึกผิดต่อคุณแม่และก็คุณพ่อครับ”

“แล้วที่คุณชายบอกว่าแอลอีดีไม่มีในงานผมนะครับ ผมก็อยากจะให้ดูว่าจอที่อยู่ในงานใช่แอลอีดีหรือเปล่าครับ ประกอบถึงเรื่องห้องน้ำครับ ห้องน้ำที่ออกจากในรายการก็เป็นเก้าอี้ ผมถามว่าภาพโดยรวมคือเป็นเก้าอี้ธรรมดา ที่บอกว่าห้องน้ำชายหญิงอยู่หน้าเวทีแล้วใครจะไปกล้าทำธุระหน้าเวที ซึ่งมีคนดูกว่า 4 หมื่นคนครับ ผมมีบิลจ่ายค่าห้องน้ำอยู่ครับ แล้วพูดกับคุณวู้ดดี้อีกว่าเป็นงานข้าวสาร เขาว่าข้าวสารหมายถึงอะไรครับ ในมุมของผม ผมมองว่าเป็นคำว่าสนุกสนานของคนฝรั่งที่มาเที่ยวในเมืองไทย แต่คุณวู้ดดี้บอกว่านี่อะไร ข้าวสารเหรอ คุณด่าคนที่เที่ยวข้าวสารและทำธุรกิจตรงนั้นเหรอครับ”

“ไม่ว่าใครจะทำอะไรธุรกิจตรงข้าวสาร ก็เป็นการทำมาหากินเหมือนกับผมทำมาหากินของตัวเอง ผิดด้วยเหรอครับ ข้าวสารคืออะไร ผมอยากให้พี่วู้ดดี้วิเคราะห์ถึงการที่จะพูดข่าวออกมาให้มีความเป็นมืออาชีพ เพราะว่าการที่พูดข่าวคุณไม่ควรฟังความข้างเดียวครับ อย่างวันนั้นผมได้ดูรายการๆ หนึ่ง รายการที่มีพี่พจน์ อานนท์ กับพี่เอิ๊ก พรหมพร พี่พจน์บอกว่าตอนนี้เรายังฟังความอยู่ข้างเดียว ถ้าฟังความอยู่ข้างเดียวมันจะดีเหรอครับ แบบนี้สิครับที่เขาเรียกว่าการทำงานแบบมืออาชีพ”

“ประเด็นต่อไปภาพของสื่อภูเก็ต ที่บอกว่าผมไม่มีพลุ แล้วถ้าบอกว่าผมมารีทัชแล้วเห็นเงาในน้ำไหมครับ ผมมีใบเสร็จเรียบร้อย ผมพูดกี่ประเด็นนั่นคือการหมิ่นประมาทผมครั้งละ 1 ทีนะครับ คดีถูกแยกหมดนะครับ ต่างกันต่างวาระ แล้วบอกว่าผมไม่มีเรือสปีดโบ๊ทรับส่ง ถ้าไม่มีสงสัยต้องว่ายน้ำข้ามเอาครับ ซึ่งน้ำทะเลตอนกลางคืนก็แรงเหมือนกันครับ แล้วผมก็มีบิลครับ แล้วก็ในรายการวู้ดดี้อีกอันหนึ่ง ก็คือดีเจครับซึ่งเขาได้มานะครับ ผมมีเอกสารที่เขาเข้ามาในเมืองไทยครับ ห้องที่เขาเข้าอยู่ก็มีอยู่ใบเสร็จค่าใช้จ่าย ผมเคลียร์เรียบร้อยครับ แล้วมาในเรื่องของแชมเปญ บอกผมไม่มีให้ บิลจากจอห์นนี่วอล์กเกอร์ 3.9 ล้าน นะครับ แล้วบนเรือก็มีขวดแชมเปญอยู่ข้างๆ อีก แล้วก็ร่มชูชีพครับ เป็นร่วมที่ผมบริจาคให้ไปหลังจากงานเสร็จครับ”

“แล้วในเรื่องของศิลปินเอคอน (AKON) ผมได้จ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว ครึ่งหนึ่ง 3.8 ล้าน อันนี้ครึ่งหนึ่งนะครับ ซึ่งปกติราคานี้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเขา แต่ที่ผมยอมซื้อเพราะเข้าใจว่ามันเป็นปีใหม่ ผมยอมจ่ายแพงเป็นพิเศษ แต่ว่าวันที่ 30 เขาส่งสัญญามาคืน แล้วเขาบอกให้ผมแก้สัญญา ให้เอาปากกาขีดแล้วจ่ายเงินอีกครึ่งหนึ่งมา ผมก็บอกไม่ได้ แล้วมันก็เลยมา 2 วันกับวันที่จะจ่ายเงิน”

“ปารีส ฮิลตัน ที่บอกว่าปีใหม่อาจจะมา เพราะว่าวันนั้นเธอได้มางานของผม มาแถลงมาจริง แต่เธอมา 3 วัน เธอบอกเธอมีธุระต้องบินกลับด่วน ซึ่งที่เรเนซองส์เป็นสปอนเซอร์อยู่ เลยต้องเปลี่ยนไปสัมภาษณ์ที่เซ็นทรัลเวิลด์แทน ผมก็ต้องมีค่าอะไรให้เขาหน่อยครับ แต่ผมไม่เข้าใจว่าคุณชายมาเกี่ยวอะไรกับบริษัทผม เห็นบอกว่าปารีส ฮิลตันจะส่งฟ้องผม ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ ผมก็เลยงงว่าต้องการอะไรเหรอ ขาดอะไรเหรอ”

“ที่ผมออกมาพูดช้า เพราะว่าเป็นใครโดนกับตัวด่าถึงพ่อแม่น้องสาวทุกเล่ม ผมถามว่าใครจะเก็บอารมณ์ได้อย่างผมไหมครับ ผมต้องเก็บอารมณ์แล้วมาแถลงโดยที่ไม่ใช้อารมณ์ใช้แต่เหตุผลและเอกสาร การที่พูดปากเปล่ามันไม่ถูกครับ เสียหายถึงพ่อผมแม่ผม น้องสาวผม สองนามสกุลเลยนะครับ บอกถึงนามสกุลพ่อนามสกุลแม่ผมด้วย ซึ่งผมมีคดีฟ้องอยู่แล้วครับ เป็นคดีแยกกันด้วยครับ ต่างกันต่างวาระ”

“อีกเรื่องหนึ่งของคุณเพ็ญครับ จากงานที่เซ็นทรัลเวิลด์ครับ เอาภาพตอนถ่ายรูปมาออก คุณชายเดินขึ้นไปถ่ายรูปแล้วอยู่ๆ เอาไอ้นั่นมาใส่ข้อมือเขาเฉยเลยให้เขาถ่ายรูป ถ่ายรูปเสร็จก็เอามาบอกว่าให้เป็นลูกค้าตัวเองในรายการคุณวู้ดดี้ คุณพูดแบบนี้ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการสื่ออะไร คุณต้องการสื่อโฆษณาของคุณในโปรดักซ์ที่ผมจ้างมาเหรอครับ กฎหมายมีนะครับ ผมจ้างมามันก็คือของผม ไม่ใช่ว่าคุณจะมาเอาของผม แล้วผมก็ได้ยื่นโนติสต์ไปที่คุณปารีส ฮิลตันแล้วครับว่าคุณชายได้เอามาใช้ในงานนี้ มาโฆษณาในโปรดักซ์ตัวเองว่าปารีส ฮิลตัน ใช้โปรดักซ์ของเขา”

ด้านทนายได้เปิดเผยถึงเรื่องการฟ้องว่า จะดำเนินการฟ้องโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ เรื่องการฟ้องหมิ่นประมาท และฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย ซึ่งอาจจะถึง 9 หลักเพราะข่าวดังข่าวทำให้ธุรกิจของลูกความตนเสียหายมาก

“ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีอยู่ 3 ช่วง คือช่วงที่ปารีส ฮิลตันมา เป็นช่วงที่คุณชายกับคุณเพ็ญเขามาเกี่ยวข้องในตอนนั้น แต่ไม่ได้มีการรู้จักเป็นการส่วนตัว การเข้ามาเกี่ยวข้องหลังจากนั้นคือการเสนอตัวเขามาขอร่วมงานกับทางบริษัท บริษัทก็ให้โอกาสกับการที่จะจัดงานขอบคุณสื่อมวลชน ประเด็นที่มีการนำเสนอต่อสื่อมวลชนคือประเด็นค่าจ้าง ซึ่งทางคุณชายเสนอค่าจ้างมาสูงถึง 3 ล้านบาท แต่ทางเราบอกว่าแค่ 5 แสนบาท เพราะทุกอย่างเป็นงานที่เรามีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว คุณแค่เขามาช่วยประชาสัมพันธ์งานในพลอตบางส่วนเท่านั้นเอง”

“แต่ในที่สุดก็มีการตกลงและเจรจากันที่ 1 ล้านบาท ในเอกสารก็มีการรับยอดเต็มไปแล้ว 5 แสนบาท มีการแก้ไขจะจ่ายยอด 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 5 แสนบาท แล้วก็มีงานเจรจาตอนรับเงินก็ขอรับอีก 1 ล้าน แล้วหลังจากนั้นก็มีการส่งสัญญาเขามา ซึ่งเราพิจารณาสัญญาแล้วเนื่องจากสัญญามันเกินระยะเวลาที่เราทำ แล้วก็มีการขอค่าประชาสัมพันธ์มาโดยตลอดจาก 2 แสน แล้วเราก็เลยชี้แจงไปว่างานของเราเสร็จสิ้นที่ 31 ธันวาคม ที่เรายังไม่เซ็นสัญญาในขนาดนั้น เพราะว่าเราต้องการดูงานที่เขามานำเสนอที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเราทำงานไม่สมบูรณ์ แต่ว่างานวันนั้นก็เป็นตัวพิสูจน์ประสบการณ์ฝีมือความรับผิดชอบในงานทำงานนั้นจะผ่านฝ่ายบริหารของเราหรือเปล่า”

“แล้วอีกอย่างคือมันผ่านเวลาไปเยอะมากงานเริ่ม 6 โมง อันนั้นเรามีหลักฐานมีกล้องบันทึกจากโรงแรมโซฟิเทล มีสื่อมวลชนมีพยานยืนยันได้ว่าวันนั้นเขาก็เสียความรู้สึก บริษัทก็รู้สึกเสียหายเหมือนกัน วันนั้นเราก็เลยไม่เห็นด้วยว่าจะให้คุณเพ็ญและคุณชายเข้ามาทำงานในบริษัทอีกต่อไป ซึ่งในประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่คุณชายออกรายการแล้วก็ยอมรับว่า ไม่ได้มาร่วมง่าน อันนี้ก็เลยได้เห็นเจตนาที่จะให้ร้ายเราก่อให้เกิดความเสียหายกับเรา นำภาพงานที่ตนไม่ได้ไปร่วมงานอธิบายเป็นฉากๆ”

“ส่วนคุณวู้ดดี้ก็ไม่มีความระมัดระวังรอบคอบเพียงพอก็นำเสนอสิ่งที่ไม่ให้โอกาสเราหรือสอบถามเราเสียก่อน ลักษณะของคนพวกนี้ผมคิดว่าเราก็ให้โอกาสแต่โอกาสที่เราให้กลับเป็นการถูกฉวยโอกาส สิ่งที่เขาปรึกษากับทางกฎหมายเราก็พยายามให้ทางนี้ลดความรู้สึกที่รุนแรง ความรู้สึกที่รู้สึกเสียใจ แล้วค่อยนำเสนอต่อสาธารณะชนค่อยชี้แจง ในขณะเดียวกันเราก็ค่อยดูท่าทีของคนเหล่านี้ว่าจะทำความเสียหายให้เรามากขนาดไหน จะดิ้นกันไปยังไง อันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี ซึ่งในช่วงอาทิตย์หน้าก็คงจะมีการยื่นฟ้องคดีต่อศาล แต่จะฟ้องใครยังไงเราก็จะเรื่องของความเจตนาเป็นสำคัญ เพราะบางคนที่เข้ามาในโซเชียลมิเดียเข้ามาด่าครอบครัวคุณแชมป์ เรื่องของน้องสาวคุณแชมป์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนการที่ไปแจ้งความที่กองปราบ เราก็จะดำเนินการแจ้งความจับเรากำลังส่งคนไปตรวจสอบการแจ้งความที่กองปราบ ก็จะดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จเอกสารต่างๆ เรารวบรวมไว้แล้ว”

“เรากำลังแยกคนที่ได้รับความเสียหายมีแชมป์ น้องสาว พ่อแม่ แล้วในขณะนี้หุ้นส่วนของบริษัทก็กำลังคุยกัน ส่วนคนที่เราจะฟ้องเรากำลังพิจารณาอยู่ อย่างที่บอกว่าเราจะดูจากเจตนาเป็นสำคัญ คนที่เราจะฟ้องก็คุณชาย อานันท์ทวีป คนหนึ่งครับ ส่วนที่เหลือกำลังพิจารณากำลังดูจากเจตนาเป็นสำคัญ ทุกส่วนนะครับทั้งการนำเสนอข่าวการโพสต์เข้ามาในอินเตอร์เน็ตต่างๆ ตอนนี้เรามีข้อมูลแกะหมดใครใช้ชื่ออะไรยังไง”

“ในเบื้องต้นก็เป็นคดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แล้วก็เรื่องแจ้งความเท็จ การทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยครับ แต่จะพิจารณาเป็นรายๆ ครับ เราไม่อยากที่จะไปใช้สิทธิ์ทางศาลที่มันมากเกินไปทั้งๆ ที่เราทำได้ แต่เราต้องการให้ฟ้องร้องคดีครั้งนี้เป็นบทเรียน เพราะเราให้โอกาสมาแล้ว ที่เราให้บทเรียนเพราะว่าอยากให้คนๆ นั้นพัฒนาตนไปในทางที่ถูกต้องเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น”

แชมป์ : “มันส่งผลกระทบเกี่ยวกับโรงงานที่ผมทำโรงงานไฟฟ้าครับ ก็ได้มีจดหมายที่ทำกับผมคือทางรัฐบาลจีนได้ส่งเข้ามา ปีหนึ่งของผมกำไรอย่างต่ำ 1,900 ล้าน ต่อปีครับ พร้อมความเสียหาย 7 เปอร์เซ็นต์ครับ ทุนในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้เกือบหนึ่งร้อยล้านครับ งานนี้ไม่ได้กำไร เสมอตัวครับ ซึ่งผมเพิ่งรู้มาไม่นานมานี้ว่ามีคนในบริษัทโกงครับเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ผมไม่ได้ว่าเขาโกงนะครับ แต่ว่ามีพนักงานของผมโกงอยู่ข้างในครับ โรงไฟฟ้าผมซื้อที่เป็นพันๆ ไร่ราคาเท่าไหร่ ผมโดนเบรกเพราะคนไม่เข้าใจ ผู้ร่วมหุ้นไม่เข้าใจ ผมถึงต้องออกมาเคลียร์แบบนี้ครับ”

ทนาย : “คือในส่วนของค่าเสียหายอยู่ในระหว่างการคำนวณกันอยู่ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่กระทบต่อชื่อเสียงหน้าที่การงาน และส่วนของธุรกิจ ขนาดนี้การทำงานของแชมป์ถูกตั้งข้อสงสัยในความซื่อสัตย์สุจริตในการทำงานเพราะว่าสิ่งที่นำเสนอคือเหมือนกับทางน้องแชมป์โกง คำว่าโกงในการประกอบธุรกิจมันมีผลกระทบต่อหุ้นส่วนมาก หุ้นส่วนอยากให้แชมป์ออกมาทำเรื่องนี้ให้เสร็จก่อน”

แชมป์ : “ตัวเลขที่จะฟ้องเป็นหลักร้อยล้านขึ้นไปครับ แต่ยังบอกเป็นจำนวนเต็มไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ก็คำนวณจากผลประกอบต่อปีครับ มันต้องคำนวณจากความเสียหายเป็นส่วนๆ ครับ เรายังไม่ได้คำนวณครับ”

ส่วนที่ “ชาย อานันท์ทวีป” บอกว่าเวทีไม่ตรงกับที่โฆษณาไป “แชมป์” เคลียร์ว่า
แชมป์ : "ผมไม่เคยบอกว่ากว้างกี่ไร่ เพียงแต่บอกว่าใหญ่ที่สุด เวทีผมใหญ่ที่สุดในโลก 70 เมตรเป็นเวทีลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกจริงๆ”

ทนาย : “ส่วนที่ทางคุณชายบอกว่าแขกวีไอพีมาแจ้งความด้วย จริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าเป็นแขกวีไอพี แต่ว่าเรามีรายชื่อที่ดีลตรงเองของคุณแชมป์ที่เชิญมาเป็นกรณีพิเศษ แล้วรายชื่อที่เชิญเป็นกรณีพิเศษไม่มีปรากฎว่ามีการฟ้องบริษัท ส่วนคนที่อ้างอิงนั้นเรากำลังตามตัวอยู่ครับ”

แชมป์ : “งานวันที่ 30-31 เราไม่ได้ให้คุณชายทำพีอาร์ให้ เขาถอนตัวไปครับ เราทำงานกันแค่งานอีเวนต์ขอบคุณสื่อวันนั้นครับ หลังจากนั้นก็ไม่เคยร่วมงานกันเลยครับ เพราะทางทีมงานบริษัทเห็นว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ผมได้จ่ายเงินให้คุณชาย 1 ล้านบาท จ่ายไปก่อนที่งานจะเริ่มด้วย พร้อมกับภาษีอีก 7 หมื่นครับ แล้วผมขอโนติสต์เรียกคืนด้วย 5 แสนเพราะว่างานไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลยครับ ผมให้ไปก่อนเพราะผมให้ใจครับ บอกว่าจะขอสปอนเซอร์ให้ผม บอกจะให้เงินสดผมด้วย ที่ผมไม่เอาเพราะว่าเขาให้ผมซื้อของประมาณ 20 กว่าล้านครับ บอกไปติดต่อมาให้ 5 ล้าน บอก20 ล้านจะได้คืน 5 ล้าน แล้วคุณเพ็ญโทรมาบอกว่าขอแบ่งเงิน 30 เปอร์เซ็นต์จากตรงนั้น แล้วขอหุ้นบริษัทผมอีก 30 เปอร์เซ็นต์ นี่คือเจตนาอะไรครับ เขามาช่วยอะไรครับ เข้ามาช่วยเอาหุ้นบริษัทผมเหรอครับ”

ประกาศฟ้องทั้งแพ่งและอาญา “ชาย อานันท์ทวีป” ส่วนครอบครัว “หนิง ปณิตา” ยังไม่ได้พิจารณา
ทนาย : "เรื่องนี้ยังไม่ได้พิจารณาครับ กำลังดูข้อมูลรวบรวมอยู่ครับ"

ฟ้องเยอะคือการแก้แค้นปลายๆ หรือเปล่า?
ทนาย : “คือเรื่องนี้ ถ้าเรานำเสนอข้อมูลตั้งแต่ต้น เราดูจากการกระทำของคนต่างๆ เราไม่ได้ฟ้องเกินเลย เราทำถูกต้อง ในขณะเดียวกันเราก็ดูเจตนาของผู้กระทำ แต่บางท่านเราก็คิดว่าต้องเป็นบทเรียนจึงจะพัฒนาตนเองได้ครับ การเจรจากันนอกรอบ ผมคิดว่าควรเป็นฝ่ายคุณชายที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้น เราพูดคุยได้ตลอดเวลาครับ การให้โอกาสก็เป็นเรื่องดี แต่การให้บทเรียนก็เป็นคุณค่าในการพัฒนาชีวิตเหมือนกัน”

“แชมป์” พร้อมไหมถ้าชายมาเคลียร์?
แชมป์ : “ก็อย่างที่ทนายพูดไปครับ”

เผย “น้ำหวาน” จะกลับจากอเมริกาอีก 2 วัน และจะเปิดแถลงกรณีมีข่าวกิ๊กกับ “จิน” สามี “หนิง ปณิตา” ด้วยตัวเอง
แชมป์ : ตอนนี้น้องสาวอยู่ที่อเมริกาครับ อีก 2 วันเดี๋ยวเธอน่าจะกลับมาครับ แต่เธอก็ได้ขึ้นอินสตาแกรมของเธอว่าจะกลับมาแถลงเองครับ เพราะว่าเป็นเรื่องของเธอแล้ว ผมก็ให้เกียรติกับน้องสาวผมครับ เพราะว่าเขาอยากจะพูดเองก็ให้น้องเขาพูดเอง แต่เท่าที่ผมเห็นน้องเขาก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วครับ ผมก็รู้จักกับทางจิน ผมยังไปขี่เฟอร์รารี่มาด้วยกันแล้วก็เป็นแกงค์กันครับ เรื่องที่เกิดขึ้นผมยังไม่ได้คุยกับจินครับ เพราะว่าผมเพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อสองวันที่แล้วเอง ผมไม่ได้หนีข่าวครับ ที่ไปเพราะผมต้องไปคุยงานครับ”

“สภาพจิตใจน้องก็ดีครับ ก็ชอปปิ้งอยู่ที่อเมริกาครับ เขาไม่ได้หนีไปนะครับ เขาแพลนไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว เขาไปเกือบ 20 คนครับ ส่วนที่ว่าเขาจะฟ้องคุณหนิงอันนี้กรณีที่มาเขียนในอินสตาแกรมก็มีหลักฐานครับ อาจมีการฟ้องร้องในรูปของครอบครัวผมที่ขึ้นกระทะทองแดงไปด้วย น้องกลับมาคงจะมีการแถลงข่าวครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น