“พี ปรเมศวร์” โผล่รับทราบข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาแล้ว ขอโทษเสียงสั่น บอกหากย้อนเวลากลับไปได้ ขอตายเอง! พร้อมแจกแถลงการณ์ ระบุ ตนจะถูกหรือผิดศาลต้องเป็นผู้วินิจฉัย ไม่ใช่สังคมเป็นผู้ตัดสิน บอกเสียใจและขอผู้ตายอโหสิกรรมให้ โปรดอย่าจองเวรจองกรรมกันไม่ว่าชาติไหน
หลังจากดาราช่อง 3 “พี ปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์” ก่อคดีสยองขวัญใช้ปืนยิงศีรษะ “นายนพปฎล อธิบาย” หุ้นส่วนร้าน Muse ทองหล่อ เสียชีวิต หลังผู้ตายเข้าไปห้ามขณะเจ้าตัวทะเลาะกับแฟนสาว ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด บ่ายวันนี้ (21 ม.ค.) “พี ปรเมศวร์” ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาแล้ว โดยทันทีที่มาถึงสถานีตำรวจ เจ้าตัวได้เดินเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งทางทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 5 แสนบาท ในการประกันตัว โดยพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ จากนั้น นายปรเมศวร์ได้ยกมือไหว้ พร้อมให้สัมภาษณ์เสียงสั่นเครือ ว่า “ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดอะไร ถ้ามันย้อนเวลาหรือว่าเปลี่ยนอะไรได้ ผมขอเป็นผู้ตายเอง ขอโทษจริงๆ ครับพี่” ก่อนจะเดินทางกลับในทันที
ทั้งนี้ เจ้าตัวได้แจกใบแถลงการณ์ให้กับผู้สื่อข่าว โดยมีเนื้อหาใจความดังนี้
คำแถลงข่าวของ นายปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์
วันที่ 21 มกราคม 2556
ณ วันนี้ผมได้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และข้าพเจ้าทราบว่าสื่อมวลชนทั้งหลายจะมารอทำข่าวในเรื่องที่เกิดขึ้น ที่ข้าพเจ้าเองก็เกิดความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อย่างจริงใจ ในเหตุการณ์ของการสูญเสียบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคมและเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่ต้องเกิดเหตุอันไม่น่าจะมีเหตุต้องเกิดขึ้น แต่ก็ได้เกิดไปแล้ว ข้าพเจ้าขอให้วิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของนายนพปฎล อธิบาย โปรดเมตตา กรุณา อโหสิกรรมเรื่องที่เกิดขึ้น ที่เราจะไม่จองเวรจองกรรมในภพนี้และในชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป ในส่วนที่ท่านต้องละสังขารนั้นไป และในส่วนของข้าพเจ้าก็จะมีทุกข์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อันเกี่ยวกับการต้องเผชิญการถูกกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหาไปจนถึงที่สุดแห่งขบวนการยุติธรรม ซึ่ง ณ เวลานี้ข้าพเจ้าเป็นจำเลยของสังคมซึ่งถือเป็นความทุกข์ยิ่งกว่าการเป็นจำเลยในขวบการยุติธรรม ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงไม่ขอให้ข่าวด้วยวาจาใดๆ ต่อสื่อมวลชน ด้วยเหตุผลและหลักการตามที่จะแจ้งต่อสื่อมวลชนที่มีความมุ่งหวังดี ที่จะให้มีข่าวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม แต่ข้าพเจ้าก็ยังต้องยอมรับขบวนการยุติธรรมเป็นประการสำคัญ ดังนั้นข้าพเจ้าขอให้เหตุผลต่อสื่อมวลชนดังนี้
การจะให้ข่าวใดๆ เป็นข้อเท็จจริงทางคดี บุคคลที่ไม่ควรพูดต่อสาธารณชน คือ เจ้าพนักงานตำรวจ, ผู้ต้องหา ส่วนผู้เสียหาย เขาเสียหายคือถึงแก่ความตาย เป็นสิทธิที่ญาติหรือสังคมจะมีสิทธิในการพูดให้ข่าว เป็นสิทธิของเขา
แต่การวินิจฉัยถูกหรือผิดในคดีว่าจะเป็นพยายามฆ่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา ประมาทป้องกันตัว ไม่เจตนาฆ่า หรือบันดาลโทสะ ศาลเป็นผู้วินิจฉัย ไม่ใช่สังคมเป็นผู้วินิจฉัย
การที่สังคมเรียกตำรวจไปให้ข้อเท็จจริงทางคดีต่อสาธารณชนและมีผู้ถาม และวินิจฉัยและให้เหตุผลทางคดีเสมือนเช่นอยู่ในขบวนการพิจารณาของศาล และชี้ขาดให้เหตุผลถูกหรือผิดทางคดี ตรงนี้สังคมควรพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงเช่นนั้นกับสิทธิและอำนาจหน้าที่ในขบวนการยุติธรรมนั้นสื่อควรจะมีขอบเขตอย่างไร
จึงเรียนแถลงข่าวเป็นหนังสือแทนวาจาต่อสื่อมวลชนเพียงเท่านี้ ขอขอบพระคุณ
ลงชื่อ ปรเมศวร์ สิงห์โพธิ์