ช่วงนี้ถ้าใครเห็นนักธุรกิจหนุ่ม “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” แฟนตัวจริงของ “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” นั่งชนแก้วอยู่กับสาวแปลกหน้าที่ผับดังย่านทองหล่อก็อย่าเพิ่งนำไปเม้าท์กันสนุกปากว่าความรักของ “น็อต-ชม” เดินมาถึงตอนอวสานแล้ว เพราะเรื่องการตระเวนราตรีของหนุ่มน็อตนั้นอยู่ในสายตาของสาวชมตลอด และนางเอกสาวก็สปอร์ตพอที่จะปล่อยให้แฟนหนุ่มออกไประเริงกับสาวๆ โดยให้เหตุผลว่าตัวเองต้องทำงานแต่เช้าจึงไม่สามารถใช้ร่างกายหนักได้อย่างแฟนหนุ่ม
ใครก็ตามที่ได้เจอน็อตในสถานบันเทิงยามราตรีแล้วเข้าไปถามถึงสาวชมพู่ ก็มักจะได้รับคำตอบสั้นๆ ห้วนๆ ว่า “เค้ายุ่ง” แล้วหนุ่มน็อตก็หันไปดื่มกินกับกลุ่มเพื่อนฝูงและสาวๆ ข้างกายต่อ สถานการณ์แบบนี้แมงเมาท์ก็อดคิดไม่ได้ว่าหรือความรักที่เคยหวานจะจืดจางลงไปเสียแล้ว
ชมพู่บอกว่าต่างคนต่างโตกันแล้วสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ซึ่งเธอไม่เคยห้ามแฟนหนุ่มออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ โดยเธอไม่อยากไปด้วยเพราะต้องทำงานแต่เช้าจึงเลือกที่จะพักผ่อนมากกว่า
“ถามว่าคุณน็อตปาร์ตี้บ่อยไหม ก็ไม่หรอก สัปดาห์นึงออก 1 วัน เป็นลักษณะงานวันเกิดเพื่อนมากกว่า ถามว่ากังวลไหมที่ผู้ชายออกไปเที่ยวกลางคืนแล้วมีสาวๆ ห้อมล้อม ชมไม่กังวล ถ้ามองว่าเค้าน่ากังวล เราก็น่ากังวลเหมือนกัน ถ้าว่างและไม่เหนื่อยชมก็จะไปด้วยนะคะ” ชมพู่พูดถึงการเที่ยวกลางคืนของแฟนหนุ่มเอาไว้เช่นนี้
ชมพู่ปล่อยให้น็อตเป็นอิสระอย่างเต็มที่ จะไปเที่ยวที่ไหนกับใครไม่จำเป็นต้องเล่าหมด และไม่มีการโทร.ตาม กติกามีเพียงข้อเดียวนั่นคือถ้ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่ต้องส่งข้อความในไลน์มาบอกกันก็พอ
เกือบ 4 ปีของการคบหากันระหว่างนางเอกสาวสุดฮอตของเมืองไทยอย่าง “ชมพู่” กับนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจอุปกรณ์ให้แสงสว่างเป็นไปอย่างราบเรียบ แทบจะไม่มีภาพหลุดหรือข่าวลือใดๆเกี่ยวกับการคบหาของคนคู่นี้เล็ดลอดออกมาเลย ตรงกันข้ามกับคู่ของ “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” น้องชายของหนุ่มน็อตกับนางเอกสาว “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ”ที่เริ่มต้นคบหาในเวลาไล่เลี่ยกันแต่เต็มไปด้วยภาพคู่ ข่าวหลุด ทั้งรักกันหวานเวอร์ไปจนถึงทะเลาะกันอย่างรุนแรงและตามมาด้วยการเลิกรากันในที่สุด แต่คู่ของ “น็อต-ชม” ก็ยังคงรักษาสถานะความสัมพันธ์เอาไว้ได้จนใกล้ถึงปีที่ 4 แล้ว
ถ้าถามถึงเคล็ดลับในการครองรักของชมพู่กับน็อตก็คงต้องบอกว่าการไม่สวีตหวานจนโอเวอร์ การให้อิสระแก่กัน และการค่อยเป็นค่อยไปนี่แหละที่ทำให้ทั้งสองยังคงสถานการณ์เป็นแฟนที่ดีต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นทั้งชมและน็อตต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน โดยต่างฝ่ายมักจะยกย่องชมเชยอีกฝ่ายต่อหน้าคนอื่นเสมอๆ
“ชมเป็นคนละเอียดอ่อน เขาจะคอยช่วยคิด ช่วยแนะนำ ให้ความเห็น ผมว่าเขาเป็นคนฉลาด มีวิสัยทัศน์ คิดเรื่องการลงทุน มีหัวทางธุรกิจ ชมเป็นคนที่ทำทุกวันให้ดีขึ้นตลอดเวลา” น็อตพูดถึงแฟนสาวด้วยความภาคภูมิใจ
จากจุดเริ่มต้นในความสัมพันธ์ที่รู้จักผ่านเพื่อนฝูง โดยที่เริ่มแรกน็อตผู้ซึ่งขลุกตัวอยู่แต่ในโลกธุรกิจเห็นหน้าชมพู่แล้วยังไม่รู้ว่าเธอคือนางเอกชื่อดัง แต่ติดใจตรงอัธยาศัยและความมีน้ำใจของเธอ น็อตใช้กลยุทธ์ ‘น้ำซึมบ่อทราย’ ค่อยๆ จีบแบบซึมลงไปในใจชมพู่ทีละนิดๆ ตามประสาหนุ่มขี้อาย ทุกวันเขาจะให้แมสเซนเจอร์ที่บริษัทนำโจ๊กร้อนๆ ไปให้ชมพู่กินตอนตื่นนอน โดยเขาจะบอกชมพู่เสมอว่าสุขภาพต้องมาก่อนและมื้อเช้าก็ถือเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด
ตลอดเวลาที่ผ่านมาน็อตพยายามวางตัวให้เงียบที่สุด ตรงกันข้ามกับน้องชายที่ขยันสร้างข่าวกับดาราไม่เว้นแต่ละวัน น็อตเคยบอกว่าสมัยนี้มีคนครหาว่าดาราเป็นของเล่นของไฮโซ แต่เขารักชมพู่จริงๆ ไม่คิดแค่เพียงเป็นของเล่น ดังนั้นเขาจึงต้องพิสูจน์ตัวเองว่ารักจริงหวังแต่ง
หลังจากคบหากันได้ประมาณปีเศษ ชมพู่ก็เริ่มมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของน็อต และด้วยความเป็นคนคุยเก่งมีสัมมาคารวะทำให้คุณแม่อุไรวรรณปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้ถึงขนาดกดสัญญาณไฟเขียวผ่านตลอดให้ชมพู่เข้านอกออกในได้เต็มที่
ที่ผ่านมาชมพู่ก็เคยไปร่วมงานวันเกิดคุณพ่อวินัยของน็อตถึงบ้านของตระกูลรังษีสิงห์พิพัฒน์มาแล้ว ถ่ายรูปคู่กับคุณแม่อุไรวรรณและคนในครอบครัวรังษีสิงห์พิพัฒน์แบบสนิทสนมกลมเกลียว และคุณแม่วารีของชมพู่ก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับคุณแม่อุไรวรรณของน็อต ถึงขนาดควงแขนกันไปทำบุญไหว้พระมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา “ชม-น็อต” ก็จัดทริปสานสัมพันธ์รักให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วยการเชิญสองครอบครัวไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน ก่อนจะมาเคานต์ดาวน์กันต่อที่ประเทศเกาหลี ถือเป็นทริปสานสัมพันธ์สองครอบครัวสุดยิ่งใหญ่ในช่วงต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา แม้จะไม่มีรูปคู่ระหว่างชมพู่กับน็อตลงอินสตาแกรม เพราะชมพู่อ้างว่าให้ผู้ใหญ่ถ่ายรูปแล้วไม่ค่อยชัด อีกทั้งเธอยังอยากคอยดูแลเทกแคร์คุณแม่มากกว่าจะมาคอยสวีตหวานกับแฟนหนุ่มสองต่อสอง
ความรักสี่ปีของสาวชมกับหนุ่มน็อตนั้นเป็นรักที่ต่างก็ให้อิสระกันและกัน ฝ่ายชายเป็นนักธุรกิจที่ทำงานกลางวัน ปาร์ตี้กลางคืนส่วนฝ่ายหญิงเป็นนักแสดงคิวทองที่บอกเวลาว่างที่แน่นอนไม่ได้ น็อตอยากดูหนังแต่ชมไม่ว่างเขาก็ไม่เคยบ่น เช่นนี้มีหรือที่ฝ่ายชายจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้างแล้วสาวชมจะออกอาการงี่เง่าใส่
ความรักที่ไม่ต้องตัวติดกันเช่นนี้แถมยังอยู่ด้วยกันมานานถึงสี่ปีแล้วความหวานย่อมไม่เข้มข้นเหมือนช่วงแรกๆ เหลือแต่ลุ้นให้ทุกอย่างลงตัวเพื่อที่น็อตในวัย 36 ปีจะได้จูงมือชมพู่ในวัยย่าง31 เข้าสู่ประตูวิวาห์สักที แต่ที่แน่ๆ ชมพู่ยืนยันหนักแน่นว่ายังไม่ใช่ปีนี้ เพราะถึงจะอยากแต่งแค่ไหนแต่ช่วงน้ำกำลังขึ้นก็ขอกอบโกยให้หนำใจก่อน ฝ่ายชายก็ยังสนุกกับชีวิตโสด(แต่ไม่สนิท) แบบนี้ เรื่องแต่งงานคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วล่ะ
.........................................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 172 วันที่ 19-25 มกราคม 2556