“มิ้นต์” คอนเฟิร์ม “เหนือเมฆ” ไม่มีฉากสุ่มเสี่ยง เผยอยากรู้แบนทำไม

“มิ้นต์” นางเอก “เหนือเมฆ 2” คอนเฟิร์ม 3 ตอนที่โดนแบน ไม่มีฉากสุ่มเสี่ยง บอกเคารพการตัดสินใจของช่อง แต่ในฐานะนักแสดงก็เสียดายเหมือนกัน รับอยากรู้เหตุผลแบนทำไม แต่ไม่กล้าถามผู้ใหญ่ พร้อมแจงกรณีโดนจวกเป็นต้นตอปล่อยข่าวเหนือเมฆถูกถอดเพราะพาดพิงการเมือง หลังแฟนคลับโพสต์แฉลงเฟซบุ๊ก

ยังคงอยู่ในความสนใจของสังคม กรณีช่อง 3 สั่งแบนละคร “เหนือเมฆ 2” ฟ้าผ่า ทั้งที่ออกอากาศไปได้แค่ 9 ตอน จากทั้งหมด 12 ตอน จนกลายเป็นละครเรื่องแรกที่ไม่มีตอนจบ แม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางด้านของ “นายบริสุทธิ์ บูรณะสัมฤทธิ์” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังเก็บปากเงียบมานาน ก่อนจะอ้างเหตุผลที่แบนเพราะเหนือเมฆมีเนื้อหาสุ่มเสี่ยง แต่ยอมรับไม่รู้เหมือนกันว่าสุ่มเสี่ยงแบบไหน? เพราะทุกอย่างให้ฝ่ายรายการเป็นคนเซ็นเซอร์ พร้อมวอนอย่าเอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง และยืนยันจะไม่มีการนำกลับมาฉายใหม่อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทางใดเพราะลิขสิทธิ์เป็นของช่อง 3 ไม่ใช่ของผู้จัด “นก ฉัตรชัย”

สำหรับความเคลื่อนไหวทางด้านของ “นก สินจัย” และ “นก ฉัตรชัย” หลังเกิดเรื่องก็ได้พาครอบครัว รวมถึงหนุ่ม “หมาก ปริญ” พระเอกของเรื่องไปเที่ยวทำใจที่ประเทศเลบานอน ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เจอตัวสาว “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” นางเอกเหนือเมฆ ในงาน FamilyMart Asia Collection Bangkok Runway 2013 ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวก็ได้เผยถึงความรู้สึกที่ละครถูกแบนกลางอากาศว่า…

“เราในฐานะนักแสดงเราก็เต็มที่กับการทำงาน ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อีกที ส่วนตัวเรา ความรู้สึกก็เสียดายนิดหนึ่งค่ะ เราก็มีนิดหนึ่ง”

ต่อคำถามที่ว่าอีก 3 ตอนที่ไม่ได้ออกอากาศ มีอะไรที่สุ่มเสี่ยงล่อแหลมตามที่ช่อง 3 บอกหรือไม่? “มิ้นต์” เผยว่า…
“จริงๆ มันก็เป็นแค่การแย่งของ แย่งศาสตราวุธกันเฉยๆ ค่ะ และคือตอนที่เราถ่าย เราไม่ได้คิดถึงว่ามันจะเป็นการสุ่มเสี่ยงหรือมีฉากไม่เหมาะสมอะไร แล้วในส่วนของหนูมันเป็นเกี่ยวกับชันสูตรศพอย่างเดียวไม่ได้มีอะไร ไม่ได้จับโจรผู้ร้ายอยู่แล้วค่ะ (มีข่าวมาว่าฉากสุดท้ายผู้ร้ายโดนยิงตายอยู่ต่างประเทศ?) อ๋อ ไม่ค่ะ แล้วตอนจบหนูเองก็ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ”

เราเสียใจไหมที่เราเหนื่อยถ่ายทำแต่ออนแอร์ไม่จบ?
“ก็ไม่ค่ะ เรื่องพวกนี้หนูไม่ทราบจริงๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขาดีกว่าค่ะ ตั้งแต่มีปัญหาหนูยังไม่ได้คุยกับพี่นกเลยค่ะ เวลาถ่ายละครเราก็คุยกันปกติ คือ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ค่ะ ที่หนูไม่พูดไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่สั่งห้ามค่ะ คือว่าเราไม่กล้าเข้าไปถามพี่นกอยู่แล้วค่ะ แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมละครไม่ได้ออนแอร์ แต่ว่ามันไม่รู้เป็นเพราะอะไรค่ะ เพราะว่าหนูเองก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับผู้ใหญ่เลย”

แจง 2 นก ไปต่างประเทศ ไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่ในช่อง 3 ออกค่าใช้จ่ายให้เพื่อสงบศึก
“พี่เขาแพลนมาตั้งแต่นานแล้วค่ะ พี่นกเขาแพลนไว้นานแล้ว พี่เขาก็ชวน แต่ด้วยความที่หนูไม่ว่างมีก็เลยไม่ได้ไปค่ะ”

เมื่อย้อนถึงเรื่องที่เจ้าตัวโดนจวกว่า เรื่องทั้งหมดเกิดมาจากการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนคลับของ “มิ้นต์” ที่เปิดประเด็นว่า “เหนือเมฆ” ต้องจบเร็วกว่ากำหนดเพราะเกี่ยวกับการเมือง กระทั่งกลายเป็นประเด็นร้อนดังกล่าวนั้น กับเรื่องนี้มิ้นต์ขอชี้แจงว่า…

“อ๋อ อันนั้นเป็นแฟนเพจของแฟนคลับค่ะ ก็คุยกับพี่ๆ เขาก็เข้าใจว่าเป็นแฟนคลับค่ะไม่ใช่หนูโพสต์ แล้วโดยส่วนตัวเราไม่ค่อยได้เล่นเฟซบุ๊กเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะชอบเล่นอินสตาแกรมมากกว่า คือ ถ้าดูจริงๆ ในเฟซบุ๊กมันก็เป็นรูปหน้าหนู เราเลยไม่ได้สนใจอะไร เพราะว่าเราก็ไม่ได้เป็นคนโพสต์ แต่บางคนก็เข้าใจไปในแบบนั้น ก็ต้องฝากพี่ๆ ช่วยด้วยค่ะ เพราะว่าจริงๆ มันคือเฟซบุ๊กแฟนเพจค่ะ”

“ทางช่องก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เพราะว่าเราก็ยังไม่ได้ไปคุยกับผู้ใหญ่ (เห็นบอกว่าผู้ใหญ่ห้ามนักแสดงห้ามพูดเรื่องนี้?) ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ เพราะว่าผู้ใหญ่ยังไม่เคยพูดเรื่องนี้”

เคลียร์เรื่องงานแล้ว ก็อดถามถึงทริปปีใหม่ที่ “มินต์” ไปเที่ยวโบนันซ่า อาณาจักรของหนุ่ม “ภูผา เตชะณรงค์” ยิ่งกระพือข่าวกิ๊กกันเข้าไปอีก
“ไปก็เพิ่งกลับมาค่ะ เป็นการไปเที่ยวปีใหม่ แล้วก็เป็นการเลี้ยงส่งน้องไปต่างประเทศ ตอนแรกแพลนจะไปภูเก็ต แต่ว่าหนูติดถ่ายละครก็เลยไปแค่ใกล้ๆ ไม่มีถ่ายคู่ (ภูผา) เลยค่ะ ส่วนใหญ่จะถ่ายกันเป็นกลุ่มมากกว่า พี่ภูผาก็รู้จักกับครอบครัวหนูค่ะ ก็ไม่ได้แนะนำ ก็แนะนำเป็นเพื่อนธรรมดาค่ะ เป็นทริปงานวันเกิดเพื่อนด้วย เป็นทริปใหญ่ คือเราไปด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วก็ไปกับครอบครัวด้วย ปีใหม่ไม่ได้ไปไหนเลย”

“ความสัมพันธ์ตอนนี้ก็ปกติค่ะ ยังเป็นฐานะที่ยังเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันได้ มีข่าวเรายังไม่ได้คุยเลย ที่ไม่พูดเรื่องความรักไม่เกี่ยวว่ามิ้นต์รอเรียนจบก่อน เพียงแต่ว่ามิ้นท์ว่าต้องศึกษากันให้มากกว่านี้ก่อน คือก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ค่ะ (หรือรอให้ฝ่ายชายออกมาพูดก่อน?) ไม่รู้ค่ะ จะให้เขาพูดอะไร ไม่ได้สนิทที่สุดค่ะ ยังคุยๆ เป็นเพื่อนกันอยู่ ก็ยังไม่ได้ถือเป็นคนพิเศษอะไร”