โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
“อาการเส้นเสีย” ได้เกิดขึ้นกับคนไทยจำนวนมากในตอนนี้ ที่ไม่ได้ดู “เหนือเมฆ 2 จอมขมังเวทย์” ก่อนที่จะกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ก่นด่าอำนาจมืดที่อยู่เหนือเมฆกันขรมชนิดที่เสียงด่าดังไกลไปถึงดูไบ
ส่วน“อาการเส้นเสียง” เป็นโรคที่เคยเกิดขึ้นกับ“เท็น”นักร้องนำวง“มัสคีเทียร์”(Musketeers) ที่ทำเอาแฟนเพลงใจแป้วไปพอสมควร เพราะกลัวเท็นจะรักษาไม่หาย ไม่ได้กลับมาร้องเพลงให้ฟัง เนื่องจากในอัลบั้มแรก (Left Right And Something) วงมัสคีเทียร์สร้างสรรค์ผลงานไว้ดีทีเดียว มีแนวทางดนตรีที่เป็นตัวของตัวเอง มีซาวนด์ที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์โมเดิร์นร็อกแบบอังกฤษ กับบทเพลงที่มีเมโลดี้สวยงาม ฟังติดหูง่าย และมีมุมมองในการนำเสนอเนื้อหาที่แตกต่าง ไม่โหล โดยมีเพลงฮิต(ในชุดแรก) อย่าง ของขวัญ,แค่บางคำ,ความทรงจำ,ไกล และพริบตา
อย่างไรก็ดีฟ้าหลังฝนมักสดใส เพราะหลังจากการเข้ารับการรักษา พักฟื้น เท็นสามารถกลับมาร้องเพลงได้ตามปกติ ซึ่งหลังจากทางวงตกผลึกก็ได้ส่งอัลบั้มชุดที่ 2 ออกมาเมื่อช่วงใกล้สิ้นปี 55 ในชื่อชุด “Uprising”
มัสคีเทียร์ชุดนี้มี 4 (ใน 5)ทหารเสือที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ชุดแรกนำโดย เท็น - ชาครีย์ ลาภบุญเรือง : ร้องนำ,ด๋อย - สรรพวิชญ์ หวานสนิท : เบส, ภู - ภาคภูมิ : กีตาร์ และนิ่มละมัย, บิ๊ก - รวิน มิตรจิตรานนท์ : กีตาร์ (ส่วน “โจ้ - เอกพจน์ อิ่มสำราญ” มือกลองที่เคยเป็นสมาชิกวงมัสคีเทียร์ไม่ปรากฏในชุดนี้) นอกจากนี้ยังมีนักดนตรีสตูดิโอสมทบได้แก่ กลอง : Brett Clark คีย์บอร์ด : ไพบูลย์ แซ่ก้วย และ คอรัส จาก Alarm 9 Group
อัลบั้ม Uprising (สังกัดบีลีฟ เรคคอร์ด) ได้ “ดุสิต ตันสกุล” ผู้เคยผลักดันให้ Singular โด่งดังมาเป็นโปรดิวซ์เซอร์ บทเพลงทั้งหมดแต่งเนื้อร้องและทำนองโดยเท็น(บางเพลงแต่งเนื้อร่วมกับคนอื่น) ทำให้ทิศทางของตัวงานในอัลบั้มชุดนี้ออกมาชัดเจน
Uprising เปิดตัวด้วยแทรค อินเทอร์ลูดสั้นๆในซาวนด์ซินธ์อิเล็คโทรนิคลอยๆนำส่งเข้าสู่เพลงแรกอย่างกลมกลืนกับ “Dancing” ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกที่ทางวงปล่อยออกมา
เพลงนี้ขึ้นต้นมาด้วยเสียงกลองโจ๊ะๆแน่นๆ กีตาร์เล่นตามมาด้วยทางโน้ตที่มีกลิ่นไทยๆแฝงอยู่ แดนซ์ซิ่งเป็นเพลงจังหวะสนุกๆ เนื้อหาหลักแม้จะให้พักใจจากความวุ่นวายของปัญหาต่างๆ แล้วปล่อยใจผ่อนคลายไปกับเสียงเพลง แต่ก็มีวลีคมๆโดนๆ ให้ขบคิดตามกัน ไม่ว่าจะเป็น “...เงินซื้อได้ทุกอย่าง ความรักไม่มีค่ามากกว่าทอง...”, “...ข้างนอกยังมีรถเต็มถนน ไม่ต่างอะไรกับคนที่ดิ้นรนด้วยความฝัน...”
ต่ออารมณ์เพลงมันๆกันด้วย “หมื่นล้าน” ที่แหมชื่อเพลงนี้ชวนให้ผมนึกถึงนักโทษบางคนจังเลย แต่เพลงนี้เขาว่าด้วยความรักกับการทุ่มเงินทุ่มทองไปเพื่อความรัก ซึ่งเป็นการสะท้อนเรื่องราวความรักแห่งยุคสมัยของหนุ่ม-สาว หลายๆคู่ได้ดีทีเดียว เพราะสาวๆหลายๆคนในสมัยนี้เลือกรักเงินมากกว่าเลือกอยู่กับความรักที่แท้จริง นับเป็นมุมมองความรักที่น่าสนใจ ไม่โหล เพลงนี้กีตาร์มันทีเดียว ทั้งลูกโซโลแนวบริชร็อก และลูกสับคอร์ดแตกๆหยาบๆ
จากนั้นสลับมากเบรกอารมณ์กับบัลลาดหวานๆกับเพลง “แค่คุณ” กีตาร์ 2 ตัวเล่นโน้ตกับคอร์ดเดิน 2 ไลน์ ประสานกันเข้ามา ฟังไพเราะและเท่ไม่เบา จากนั้นดีกรีของเพลงค่อยๆเติมเสริมซาวนด์ให้เข้มข้นขึ้น ทั้ง เบส กลอง มีเปียโนเล่นคอร์ดเสียงใสๆคลอคุมไป รวมไปถึงไลน์คีย์บอร์ดนั้นก็มีลูกหยอด ลูกฟิลล์อินน์ เติมสีสันเพิ่มมิติให้ตัวเพลงอยู่ตลอด เสียงร้องของเท็นที่ติดลูกแหบๆสูงๆในเพลงนี้ฟังทรงเสน่ห์ แถมมีการร้องอิมโพร์ไวซ์ประสานไปลูกโซโลกีตาร์ที่เท่ๆมาก
ด้านภาคเนื้อร้อง มีการใช้คำเปรียบเปรยได้อย่างน่าฟัง ไม่ว่าจะเป็น “...ให้ดวงดาวดั่งเป็นพยานว่า ขอสัญญา ว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ...” หรือเนื้อร้องในท่อนจบที่ร้องว่า “...คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจ เมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้ ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว”
แค่คุณ เป็นเพลงที่ผมยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของอัลบั้มนี้ เพราะลงตัวทั้งภาคดนตรีและเนื้อร้อง โดยเฉพาะการคำว่า “คุณ” แทน “เธอ” นี่ถือเป็นการให้เกียรติคนรักมากๆ
เร่งอารมณ์ขึ้นมาหน่อยกับ “อยากให้เธอลอง” ที่มาในจังหวะปานกลาง เป็นป็อบร็อกเพราะๆเท่ๆ เมโลดี้สวย ไลน์กีตาร์มีสีสันน่าฟัง ซาวนด์ติดหูง่ายดีทีเดียว
ถัดมาเป็น“นิทาน”อีกหนึ่งบทเพลงที่มีสีสันกับซาวนด์ร็อกมันๆ เนื้อเพลงหยิบตำนาน นิทาน กระต่ายหมายจันทร์ มาเปรียบเปรยกับความรัก ซึ่งกระต่ายต้องทน ต้องปีน ต้องป่าย ต้องหาวิธีทำทุกวิธีเพื่อไปให้ถึงดวงจันทร์ที่ตนรักและใฝ่ฝันหมายปอง เพลงนี้แม้เป็นเพลงรัก แต่เนื้อหาที่นำเสนอนั้นมีมุมมองที่ลึกซึ้ง สามารถนำไปเปรียบเปรยกับความพยายาม ความมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตได้
จากนั้น “งานเต้นรำ” มาในอารมณ์อาร์แอนด์บี ช้า เนิบ เหงา มีไลน์เครื่องสายหนาๆมาช่วยตอกย้ำอารมณ์เพลงให้ฟังเศร้าขึ้นไปอีก นับเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ลงตัวมากและแสดงให้เป็นถึงกึ๋นในการทำเพลงของมัสคีเทียร์
“เช้าวันจันทร์” บทเพลงรักผิดหวัง อะคูสติกกีตาร์เล่นเป็นแบ็คกราวน์รองพื้น มีเสียงคีย์บอร์ดคอยหยอดซาวนด์แปลกๆเติมสีสัน ส่วน “ร้อนฝนหนาว” เร่งดีกรีขึ้นมาเป็นร็อกมันๆ เปรียบเทียบความรักกับฤดู ที่มีทั้งสุขและทุกข์ดังฤดูหนาว-ฝน-ร้อนที่แตกต่าง
ปิดท้ายกันด้วย “วัลลภ” ที่พูดถึงเพื่อนที่คอยเคียงคู่อยู่ด้วยกัน แม้ในยามล้ม ยาม ท้อ เพื่อนคนนี้ก็ยังอยู่เคยข้างไม่ทอดทิ้ง เพลงนี้มีทางดนตรีที่น่าฟังมาก เป็นบริชร็อก กีตาร์เล่นเป็นพระเอก ช่วงท้ายมีเสียงเปียโนใสๆกับซินธ์ลอยๆเล่นส่งท้ายปิดเพลงและปิดอัลบั้มกันแบบเหงานิดๆ
และนั่นก็เป็น 10 แทรคกับ 9 เพลง (ใน Deluxe Edition มี 3 เพลงพิเศษเพิ่มเข้ามา) นับว่าอัลบั้มนี้มีเพลงไม่มากแต่เป็นประเภทเนื้อๆเน้นๆ นับเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่มีความลงตัวทั้งภาคดนตรีและภาคเนื้อหา การเข้ารับการรักษาอาการเส้นเสียงของเท็นดูจะไม่เป็นปัญหาต่อการร้องเพลง น้ำเสียงของเท็นเด่นด้วยเสียงแหลมสูงติดแหบนิดๆ ฟังมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ขณะที่ภาคดนตรีโทนโดยรวมฟังโดดเด่นไปด้วยกลิ่นอายบริชร็อกเจือความเป็นป็อบเท่ๆ หลายเพลงมีเมโลดี้สวยงาม ฟังติดหูง่าย และมีความหลากหลาย ทั้งสนุก โจ๊ะ มัน หวาน เศร้า รวมถึงล่องลอยในบางเพลง ส่วนเนื้อเพลงแม้มุ่งนำเสนอเรื่องราวของความรักเป็นหลักแต่ก็เขียนได้มีลีลา ไม่โหลเหมือนเพลงรัก อกหัก ผิดหวัง แบบพิมพ์นิยมร่วมสมัย หลายเพลงซ่อนนัยยะให้คิดตาม
สำหรับ Uprising แล้วนับเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับผู้ที่เบื่อบทเพลงตามกระแสตลาด ซ้ำซาก จำเจ
“อาการเส้นเสีย” ได้เกิดขึ้นกับคนไทยจำนวนมากในตอนนี้ ที่ไม่ได้ดู “เหนือเมฆ 2 จอมขมังเวทย์” ก่อนที่จะกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ก่นด่าอำนาจมืดที่อยู่เหนือเมฆกันขรมชนิดที่เสียงด่าดังไกลไปถึงดูไบ
ส่วน“อาการเส้นเสียง” เป็นโรคที่เคยเกิดขึ้นกับ“เท็น”นักร้องนำวง“มัสคีเทียร์”(Musketeers) ที่ทำเอาแฟนเพลงใจแป้วไปพอสมควร เพราะกลัวเท็นจะรักษาไม่หาย ไม่ได้กลับมาร้องเพลงให้ฟัง เนื่องจากในอัลบั้มแรก (Left Right And Something) วงมัสคีเทียร์สร้างสรรค์ผลงานไว้ดีทีเดียว มีแนวทางดนตรีที่เป็นตัวของตัวเอง มีซาวนด์ที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์โมเดิร์นร็อกแบบอังกฤษ กับบทเพลงที่มีเมโลดี้สวยงาม ฟังติดหูง่าย และมีมุมมองในการนำเสนอเนื้อหาที่แตกต่าง ไม่โหล โดยมีเพลงฮิต(ในชุดแรก) อย่าง ของขวัญ,แค่บางคำ,ความทรงจำ,ไกล และพริบตา
อย่างไรก็ดีฟ้าหลังฝนมักสดใส เพราะหลังจากการเข้ารับการรักษา พักฟื้น เท็นสามารถกลับมาร้องเพลงได้ตามปกติ ซึ่งหลังจากทางวงตกผลึกก็ได้ส่งอัลบั้มชุดที่ 2 ออกมาเมื่อช่วงใกล้สิ้นปี 55 ในชื่อชุด “Uprising”
มัสคีเทียร์ชุดนี้มี 4 (ใน 5)ทหารเสือที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ชุดแรกนำโดย เท็น - ชาครีย์ ลาภบุญเรือง : ร้องนำ,ด๋อย - สรรพวิชญ์ หวานสนิท : เบส, ภู - ภาคภูมิ : กีตาร์ และนิ่มละมัย, บิ๊ก - รวิน มิตรจิตรานนท์ : กีตาร์ (ส่วน “โจ้ - เอกพจน์ อิ่มสำราญ” มือกลองที่เคยเป็นสมาชิกวงมัสคีเทียร์ไม่ปรากฏในชุดนี้) นอกจากนี้ยังมีนักดนตรีสตูดิโอสมทบได้แก่ กลอง : Brett Clark คีย์บอร์ด : ไพบูลย์ แซ่ก้วย และ คอรัส จาก Alarm 9 Group
อัลบั้ม Uprising (สังกัดบีลีฟ เรคคอร์ด) ได้ “ดุสิต ตันสกุล” ผู้เคยผลักดันให้ Singular โด่งดังมาเป็นโปรดิวซ์เซอร์ บทเพลงทั้งหมดแต่งเนื้อร้องและทำนองโดยเท็น(บางเพลงแต่งเนื้อร่วมกับคนอื่น) ทำให้ทิศทางของตัวงานในอัลบั้มชุดนี้ออกมาชัดเจน
Uprising เปิดตัวด้วยแทรค อินเทอร์ลูดสั้นๆในซาวนด์ซินธ์อิเล็คโทรนิคลอยๆนำส่งเข้าสู่เพลงแรกอย่างกลมกลืนกับ “Dancing” ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกที่ทางวงปล่อยออกมา
เพลงนี้ขึ้นต้นมาด้วยเสียงกลองโจ๊ะๆแน่นๆ กีตาร์เล่นตามมาด้วยทางโน้ตที่มีกลิ่นไทยๆแฝงอยู่ แดนซ์ซิ่งเป็นเพลงจังหวะสนุกๆ เนื้อหาหลักแม้จะให้พักใจจากความวุ่นวายของปัญหาต่างๆ แล้วปล่อยใจผ่อนคลายไปกับเสียงเพลง แต่ก็มีวลีคมๆโดนๆ ให้ขบคิดตามกัน ไม่ว่าจะเป็น “...เงินซื้อได้ทุกอย่าง ความรักไม่มีค่ามากกว่าทอง...”, “...ข้างนอกยังมีรถเต็มถนน ไม่ต่างอะไรกับคนที่ดิ้นรนด้วยความฝัน...”
ต่ออารมณ์เพลงมันๆกันด้วย “หมื่นล้าน” ที่แหมชื่อเพลงนี้ชวนให้ผมนึกถึงนักโทษบางคนจังเลย แต่เพลงนี้เขาว่าด้วยความรักกับการทุ่มเงินทุ่มทองไปเพื่อความรัก ซึ่งเป็นการสะท้อนเรื่องราวความรักแห่งยุคสมัยของหนุ่ม-สาว หลายๆคู่ได้ดีทีเดียว เพราะสาวๆหลายๆคนในสมัยนี้เลือกรักเงินมากกว่าเลือกอยู่กับความรักที่แท้จริง นับเป็นมุมมองความรักที่น่าสนใจ ไม่โหล เพลงนี้กีตาร์มันทีเดียว ทั้งลูกโซโลแนวบริชร็อก และลูกสับคอร์ดแตกๆหยาบๆ
จากนั้นสลับมากเบรกอารมณ์กับบัลลาดหวานๆกับเพลง “แค่คุณ” กีตาร์ 2 ตัวเล่นโน้ตกับคอร์ดเดิน 2 ไลน์ ประสานกันเข้ามา ฟังไพเราะและเท่ไม่เบา จากนั้นดีกรีของเพลงค่อยๆเติมเสริมซาวนด์ให้เข้มข้นขึ้น ทั้ง เบส กลอง มีเปียโนเล่นคอร์ดเสียงใสๆคลอคุมไป รวมไปถึงไลน์คีย์บอร์ดนั้นก็มีลูกหยอด ลูกฟิลล์อินน์ เติมสีสันเพิ่มมิติให้ตัวเพลงอยู่ตลอด เสียงร้องของเท็นที่ติดลูกแหบๆสูงๆในเพลงนี้ฟังทรงเสน่ห์ แถมมีการร้องอิมโพร์ไวซ์ประสานไปลูกโซโลกีตาร์ที่เท่ๆมาก
ด้านภาคเนื้อร้อง มีการใช้คำเปรียบเปรยได้อย่างน่าฟัง ไม่ว่าจะเป็น “...ให้ดวงดาวดั่งเป็นพยานว่า ขอสัญญา ว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ...” หรือเนื้อร้องในท่อนจบที่ร้องว่า “...คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจ เมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้ ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว”
แค่คุณ เป็นเพลงที่ผมยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของอัลบั้มนี้ เพราะลงตัวทั้งภาคดนตรีและเนื้อร้อง โดยเฉพาะการคำว่า “คุณ” แทน “เธอ” นี่ถือเป็นการให้เกียรติคนรักมากๆ
เร่งอารมณ์ขึ้นมาหน่อยกับ “อยากให้เธอลอง” ที่มาในจังหวะปานกลาง เป็นป็อบร็อกเพราะๆเท่ๆ เมโลดี้สวย ไลน์กีตาร์มีสีสันน่าฟัง ซาวนด์ติดหูง่ายดีทีเดียว
ถัดมาเป็น“นิทาน”อีกหนึ่งบทเพลงที่มีสีสันกับซาวนด์ร็อกมันๆ เนื้อเพลงหยิบตำนาน นิทาน กระต่ายหมายจันทร์ มาเปรียบเปรยกับความรัก ซึ่งกระต่ายต้องทน ต้องปีน ต้องป่าย ต้องหาวิธีทำทุกวิธีเพื่อไปให้ถึงดวงจันทร์ที่ตนรักและใฝ่ฝันหมายปอง เพลงนี้แม้เป็นเพลงรัก แต่เนื้อหาที่นำเสนอนั้นมีมุมมองที่ลึกซึ้ง สามารถนำไปเปรียบเปรยกับความพยายาม ความมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตได้
จากนั้น “งานเต้นรำ” มาในอารมณ์อาร์แอนด์บี ช้า เนิบ เหงา มีไลน์เครื่องสายหนาๆมาช่วยตอกย้ำอารมณ์เพลงให้ฟังเศร้าขึ้นไปอีก นับเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ลงตัวมากและแสดงให้เป็นถึงกึ๋นในการทำเพลงของมัสคีเทียร์
“เช้าวันจันทร์” บทเพลงรักผิดหวัง อะคูสติกกีตาร์เล่นเป็นแบ็คกราวน์รองพื้น มีเสียงคีย์บอร์ดคอยหยอดซาวนด์แปลกๆเติมสีสัน ส่วน “ร้อนฝนหนาว” เร่งดีกรีขึ้นมาเป็นร็อกมันๆ เปรียบเทียบความรักกับฤดู ที่มีทั้งสุขและทุกข์ดังฤดูหนาว-ฝน-ร้อนที่แตกต่าง
ปิดท้ายกันด้วย “วัลลภ” ที่พูดถึงเพื่อนที่คอยเคียงคู่อยู่ด้วยกัน แม้ในยามล้ม ยาม ท้อ เพื่อนคนนี้ก็ยังอยู่เคยข้างไม่ทอดทิ้ง เพลงนี้มีทางดนตรีที่น่าฟังมาก เป็นบริชร็อก กีตาร์เล่นเป็นพระเอก ช่วงท้ายมีเสียงเปียโนใสๆกับซินธ์ลอยๆเล่นส่งท้ายปิดเพลงและปิดอัลบั้มกันแบบเหงานิดๆ
และนั่นก็เป็น 10 แทรคกับ 9 เพลง (ใน Deluxe Edition มี 3 เพลงพิเศษเพิ่มเข้ามา) นับว่าอัลบั้มนี้มีเพลงไม่มากแต่เป็นประเภทเนื้อๆเน้นๆ นับเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่มีความลงตัวทั้งภาคดนตรีและภาคเนื้อหา การเข้ารับการรักษาอาการเส้นเสียงของเท็นดูจะไม่เป็นปัญหาต่อการร้องเพลง น้ำเสียงของเท็นเด่นด้วยเสียงแหลมสูงติดแหบนิดๆ ฟังมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ขณะที่ภาคดนตรีโทนโดยรวมฟังโดดเด่นไปด้วยกลิ่นอายบริชร็อกเจือความเป็นป็อบเท่ๆ หลายเพลงมีเมโลดี้สวยงาม ฟังติดหูง่าย และมีความหลากหลาย ทั้งสนุก โจ๊ะ มัน หวาน เศร้า รวมถึงล่องลอยในบางเพลง ส่วนเนื้อเพลงแม้มุ่งนำเสนอเรื่องราวของความรักเป็นหลักแต่ก็เขียนได้มีลีลา ไม่โหลเหมือนเพลงรัก อกหัก ผิดหวัง แบบพิมพ์นิยมร่วมสมัย หลายเพลงซ่อนนัยยะให้คิดตาม
สำหรับ Uprising แล้วนับเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกับผู้ที่เบื่อบทเพลงตามกระแสตลาด ซ้ำซาก จำเจ