xs
xsm
sm
md
lg

“ต่าย-ทิม” ถือฤกษ์ดีวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 ฉลองแต่งสุดหวาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ต่าย ซีซั่นเชนจ์” จูงมือสามีนักธุรกิจพันล้าน “ทิม พิธา” ถือฤกษ์ดีวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 จัดงานฉลองวิวาห์สุดหวาน ชมเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบ ด้านทิมสัญญาจะยึดมั่นใน 3 ส. คือ เสียสละ สม่ำเสมอ และ ซื่อสัตย์ ไปตลอดชีวิต ตั้งใจอยากมีลูก 4 คน เตรียมไปฮันนีมูนอิตาลี

หวานชื่นส่งท้ายปี สำหรับ “ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ” อดีตนางเอกชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง “ซีซั่นเชนจ์” หลังจากที่เจ้าตัวจัดพิธีหมั้นและจดทะเบียนสมรสกับแฟนหนุ่มดีกรีนักธุรกิจพันล้าน “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไปตั้งแต่วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555 ล่าสุดทั้งคู่ก็ได้ถือฤกษ์ดีวันที่ 12 เดือน 12 ปี 2012 จัดงานฉลองวิวาห์สุดหวานขึ้นที่ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ท่ามกล่างแขกเหรื่อทั้งในวงการ และในแวดวงธุรกิจเดินทางมาร่วมอวยพร โดยก่อนที่พิธีการต่างๆ จะเริ่มขึ้น เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน พร้อมโชว์หวานแลกกันหอมแก้มทำเอาอิจฉากันไปตามๆ กัน

ทิม : “ที่ต้องแต่งเดือนธันวาฯ เพราะว่าน้องชายผมเรียนต่างประเทศ และก็เพื่อนสนิทอยู่อเมริกากัน ก็ต้องรอให้คริสต์มาสถึงจะบินลากลับมาได้ ถึงจะหยุดเรียนได้ และก็สามารถหยุดงานมางานได้ ตอนแรกจะเอาวันที่ 18 ธันวาฯ เพราะ 4 ปีที่แล้ววันที่ 18 ธันวาฯ คือวันที่เราเจอกันครั้งแรกที่เวนิส ที่ประเทศอิตาลี ตอนที่ต่ายถ่ายหนังหนีตามกาลิเลโออยู่ที่นั่น และผมก็เป็นนักเรียนอยู่ที่อเมริกา จะกลับมาที่เมืองไทยและก็แวะที่อิตาลีทำให้เจอกันวันนั้น”

“ก็เหมือนเป็นวันแรกที่เราเจอกัน แต่พอวันที่ 18 ธันวาฯ มันใกล้กับวันคริสต์มาสมากเกินไป ฝรั่งเขาก็เลยขอร้องว่าล่นลงมาหน่อยได้ไหม ผมเลยถามพี่ๆ ที่โอเรียนเต็ลว่าวันที่ 17 ได้ไหม ก็บอกไม่ได้ เต็ม 16 ก็ไม่ได้ 15 ก็ไม่ได้ 14 กับ 13 ก็ไม่ได้ ก็เลยถามว่าแล้วที่โอเรียนเต็ลว่างวันไหน เขาบอกว่าวันที่ 12-12-12 ก็เลยตกลงเป็นวันนี้ครับ ก็แฮปปี้กับวันนี้ครับ เพราะเลขสวย จำง่าย ต่อไปนี้ไม่มีโดนเขาดุเรื่องจำวันแต่งงานไม่ได้แน่นอน เพราะว่าอยู่ในหัว ทั้งวันจดทะเบียน 5-5-55 และก็ฉลองวันที่ 12-12-12 ผมคงโดนดุหลายเรื่อง แต่คงไม่โดนดุเรื่องนี้ (หัวเราะ) จำไม่ได้ก็แย่”

ด้าน “ต่าย” เผยอยู่ด้วยกันแบบสามี-ภรรยามาหลายเดือนแล้ว ทำให้รู้จักกันมากขึ้น

ต่าย : “ก็คิดว่าเวลาคนเรามาอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีปรับตัวบ้าง แต่อันนี้ก็รู้สึกว่าไม่เยอะมาก แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เข้าใจกันมากขึ้น รู้นิสัยมากขึ้นเรื่อยๆ”

ทิม : “เขาเป็นแม่บ้านแม่เรือนครับ คือ 4 ปี ที่ผ่านมาเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด ผมก็ต้องกลับไปเรียนหนังสือที่เมืองนอก กลับเมืองไทย ปีหนึงก็แค่เดือนสองเดือน ก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่พอเรียนหนังสือจบแล้ว กลับมาแต่งงานด้วยกัน ก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตื่นมาก็เห็นเขา ก่อนนอนก็เห็นเขา ก็เลยรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมาก มีอาหารเช้าทาน ตอนเช้าเขาก็ตื่นก่อน นอนทีหลัง ไม่รู้เพราะว่าผมกรนดังหรือเปล่าเขาเลยตื่นก่อน (หัวเราะ) แต่ก็ไม่มีวันไหนที่เขาไม่มีอาหารเช้าให้ผมทาน แค่นี้ก็โอเคครับ ก็มีตั้งแต่ไข่ต้ม คอนเฟล็กซ์ บางที่ก็เป็นโซบะญี่ปุ่นก็มี ก็คือแล้วแต่ว่ามีเวลามากน้อยแค่ไหน เพราะบางทีผมก็ต้องไปทำงาน ก็จะกินง่ายๆ”

ต่าย : “ก็พอทำได้อยู่แล้วค่ะ และก็พอลองฝึกทำ แล้วเหมือนกับมีคนชม แต่ไม่รู้ชมจริงหรือเปล่า (ยิ้มมองไปที่ทิม) เราก็เลยมีกำลังใจ ก็เลยฝึกทำไปเรื่อยๆ ก็เป็นแม่บ้านเต็มตัว เต็มเวลาเลยค่ะ”

ส่วนเรื่องการดูแลภรรยาสาว “ทิม” เผยว่า…

ทิม : “พอได้อยู่ด้วยกัน มันก็ได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำด้วยกัน เช่นได้ไปเที่ยว ได้พาเขาไปกินของอร่อยๆ และก็สำคัญที่จิตใจมากกว่า เขาเองก็มีพร้อมทุกอย่าง แต่ว่าอยากให้เวลาเขา ให้ความใส่ใจ และก็พยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น ตอนแรกๆ ก็พอรู้ว่าคนสองคนอยู่ด้วยกันมันไม่ค่อยเข้าใจกัน มันก็มีปัญหา ตอนหลังๆ ก็รู้ว่าคนที่เรารัก อย่าไปคิดเล็กคิดน้อย คนที่ไม่รัก ก็อย่าไปคิดอะไรมากมาย เราปรับจูนความคาดหวังเข้าหากัน ผมก็เสียสละความเป็นผมครึ่งหนึ่ง เขาก็เสียสละความเป็นเขาครึ่งหนึ่ง พอเอามารวมกันก็เพอร์เฟ็ค คิดว่าจะทำต่อไป ถึงจะทำงานแต่ผมไม่มีปัญหาเรื่องเวลาครับ ทุกอย่างเริ่มลงตัว ก็มีน้องชายและทีมงานที่บริษัทคอยมาช่วยเหลือกัน ก็พอมีเวลามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เติมเต็มแน่นอนครับ แน่นอน (ยิ้ม)”

ต่าย : “ชีวิตครอบครัวก็คิดว่าสมบูรณ์แล้วค่ะ แต่ในอนาคตถ้าพี่ทิมอยากมีน้อง ก็อาจจะเรียกว่าสมบูรณ์สำหรับเขาหรือเปล่า”

ทิม : “ตอนแรกอยากมีเลย 4 คน แต่พอมาตอนหลังๆ เพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเขาเริ่มมีลูกกันแล้ว ก็เล่นกับลูกเขาแล้วน่ารักดี แต่ถ้าถึงตอนเลี้ยง ก็คิดว่าตามใจเขาครับ บ้านนี้ประชาธิปไตยครับ ก็แล้วแต่ ถ้าเจ้าสาวยังไม่พร้อม ก็ 9 เดือน มันเป็นของเขามากกว่าของผม (หัวเราะ) เขายังไม่พร้อมก็เที่ยวเล่นซัก 2 ปีก่อนก็ได้ เขาก็เพิ่ง 25 เอง ยังมีเวลา”

ต่าย : “คือจริงๆ แล้ว ตอนแรกก็อยากมีนะคะ พอเริ่มศึกษามากขึ้น มันก็เริ่มกลัว ก็ถามเพื่อนคนที่เขามีลูกแล้ว ว่าตอนท้องเป็นยังไง เพิ่งคลอดเป็นยังไง พอคิดไปก็เลยคิดว่าก็เดี๋ยวซักพัก ถามว่า 4 คนไหวมั้ย ก็ลองดูคนแรกก่อน (หัวเราะ)”

แพลนหลังแต่งงานก็ยังรับงานบันเทิงอยู่

ต่าย : “คือจริงๆ ก็รับอยู่บ้าง แต่ว่าอย่างพวกละครที่ใช้เวลาเยอะ ก็เลยไม่ค่อยได้รับตรงนั้น เพราะว่าจะทำให้เราทำงานไม่เป็นเวลาด้วย อย่างพี่ทิม เขาไปทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว แล้วถ้าเราต้องออกจากบ้านตีสาม ก็รู้สึกว่าควรจะรับงานกลางวัน หรือว่างานสั้นๆ ดีกว่า จะได้ดูแลเขาได้”

ทิม : “ต่ายเขาก็เพิ่งเล่นหนัง เฉลิมพระเกียรติเทิดเกล้า และก็เห็นยังมีงานพรีเซ็นเตอร์สินค้า คือให้เขาทำที่เขาชอบ ที่เขาอยากทำ ถ้าเกิดเหนื่อยมากเกินไป ผมก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดประจำ เพราะผมทำธุรกิจน้ำมันรำข้าว มันเกี่ยวกับโรงสี ต้องเดินทางออกทั่วประเทศ ถ้าเขายังต้องเดินทางอีก ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ก็เลยอยากให้ใช้เวลาอยู่กับผมมากกว่า เรื่องธุรกิจคนที่เชื่อใจได้ก็มีอยู่ไม่มีคน เขาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไว้ใจได้ และคอยทั้งให้กำลังใจ เรื่องที่ยากๆ ที่ต้องเอาไปปรึกษาคนอื่น ก็เล่าให้ฟัง เขาก็ฟัง เขาก็ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง บางทีก็หลับบ้าง แล้วแต่ (หัวเราะ) แต่แค่ให้ได้พูดออกมาก็จบแล้ว”

แต่งเสร็จเตรียมบินไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีเลย

ทิม : “เราจะไปแคว้นทัสกานีครับ (เป็นหนึ่งใน 20 แคว้นของสาธารณรัฐอิตาลี) วันที่ 17-18 ธันวาฯก็บินแล้วครับ นี่เสร็จก็ไปเลย มีเพื่อนที่มาจากอเมริกาที่เรียนกับผม เขาอุตส่าห์บินมาจากที่นู่น ผมก็เลยพาเขาไปเที่ยว เป็นกลุ่ม 20 คน เพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาว เราก็พาไปเที่ยวด้วยกัน พลัดกันเที่ยว เขาก็พาผมไปเที่ยวกลับ”

อากาศเป็นใจปั้มลูกเลยมั้ย?
ต่าย : “ยังๆ (หัวเราะ)”

ทิม : “อากาศหนาวๆ ก็กอดกันเฉยๆ ก็โอเคแล้ว (ยิ้ม)”

เผยเรือนหออยู่แถวสุขุมวิท

ทิม : “สุขุมวิทครับ ตรงทองหล่อ เป็นคอนโดมีเนี่ยม ยังไม่อยากสร้างบ้านครับ เพราะว่าคุณพ่อผมเสียชีวิตแล้ว คุณพ่อไม่อยู่ เหลือแค่คุณแม่ ผม และก็น้องชาย อยู่คอนโดก็สะดวก แต่ไม่สบาย ให้คุณแม่อยู่ในชั้นเดียวกัน ปลอดภัย และก็ไปมาหาสู่กันง่ายดี และก็รอให้น้องชายเรียนหนังสือให้จบกลับมาก่อน เป็นครอบครัวใหญ่แล้วค่อยว่ากัน เพราะถ้าผมไปทำงาน คุณแม่ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว ก็ไม่อยากให้อยู่กับคนสวน หรือคนที่เราไม่รู้จัก”

ช่วงท้ายทั้งคู่ได้เผยถึงความประทับใจที่มีต่อกันชนิดหวานจนน่าอิจฉา

ต่าย : “พี่เขาเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบ ตั้งใจทำงาน บางทีก็เป็นพ่อบ้านด้วย กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ถ้าวันไหนมีประชุมที่บริษัท ก็จะบอกแล้วเราก็ไปหาได้ ไม่มีมุ๊บมิ๊บไปไหนไม่บอก รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ รู้สึกว่าฝากชีวิตไว้กับเขาได้”

ทิม : “ก็ยังสัญญาคำเดิมที่ให้ไว้ว่าจะเสียสละ สม่ำเสมอ และก็จะซื่อสัตย์ เป็น 3 ส. ที่อยู่ในหัวผมตลอดเวลา ถ้าชีวิตคนเราจะเดินไปด้วยกันได้ มันก็ต้องเสียสละ คือมันจะต้องมีสิ่งที่ผมรัก ที่ผมชอบ บางทีก็ต้องเอาเวลาออกมาให้อยู่กับเขาบ้าง ต้องสม่ำเสมอ เหมือนว่าตอนที่เราเจอกันยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าพอแต่งงานกันแล้วก็เปลี่ยน และก็ซื่อสัตย์ ก็คือซื่อสัตย์ครับ พยายามจะใช้ชีวิตอย่างนั้น”















กำลังโหลดความคิดเห็น