xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็ดดี เมอร์ฟีย์” ครองแชมป์ดาราค่าตัวแพงโอเวอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวตลกผิวหมึก “เอ็ดดี เมอร์ฟีย์” อาจจะเคยเป็นซูเปอร์สตาร์เจ้าของหนังทำเงินในยุค 80s ด้วยหนังชุด Beverly Hills Cop ก่อนจะกลับมาคืนชีพในยุค 90s ด้วย The Nutty Professor แต่ตอนนี้เขากลายเป็นนักแสดงค่าตัวแพงแบบไม่สมเหตุสมผลที่สุดของวงการไปเรียบร้อยแล้ว

จากข้อมูลประจำปีของนิตยสาร์ทางการเงินชื่อดัง เอ็ดดี เมอร์ฟีย์ กลายเป็นแชมป์ในการจัดอันดับที่คงไม่มีดาราคนไหนต้องการเข้าไปติดแน่ ๆ กับการเป็นดาราค่าตัวแพงโดยใช่เหตุ ตัวอัตราที่ทุก ๆ 1 เหรียญฯ ที่สตูดิโอลงทุนกับเขาไป จะได้เงินกลับมาเพียงแค่ 2.30 เหรียญฯ เท่านั้น

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เอ็ดดี เมอร์ฟีย์ มีผลงานในหนัง 2 เรื่องได้แก่ Tower Heist ที่เขารวมพลังกับ เบน สติลเลอร์ แต่หนังกลับทำเงินได้ไม่ฮือฮาเก็บรายได้ในสหรัฐฯ ไปเพียง 78 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น ส่วนหนังตลก A Thousand Words นั้นเข้าขั้นหายนะกับรายได้แค่ 18 ล้านเหรียญฯ โดยเขาจะมีค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 7.5 - 10 ล้านเหรียญฯ สำหรับหนังแต่ละเรื่อง ถือว่าลดลงมาจากช่วงรุ่งเรืองสุด ๆ เมื่อปลายยุค 90s ถึงต้น 2000s ที่เคยทำเงินได้ถึง 20 ล้านเหรียญฯ ต่อเรื่องสำหรับหนัง Nutty Professor II: The Klumps และ Dr. Dolittle 2

สำหรับรายชื่อ 10 อันดับดาราค่าตัวแพงเกิดเหตุของ Forbes จะคำนวณออกมาจากข้อมูลในรอบ 5 ปี โดยมียอดเงินที่ผู้สร้างเก็บได้จากหนังของนักแสดงคนนั้น ๆ ครอบคลุมทั้งการฉายโรง, ออกอากาศทางโทรทัศน์, เคเบิล และยอดขายแผ่น DVD หารด้วยค่าตัวทั้งหมด โดยจะนับเฉพาะผลงานที่เป็นการรับบทนำเท่านั้น ซึ่งเมื่อปี 2011 ดาราสาว ดรู แบร์ลิมอร์ เป็นคนครองตำแหน่งนี้ ส่วน เอ็ดดี เมอร์ฟีย์ อยู่อันดับ 2

แม้ชื่อเสียงจะการันตีรายได้หนังไม่ได้แล้ว แต่ เมอร์ฟีย์ ก็ยังมีงานรอให้แสดงอยู่อีกหลายเรื่อง รวมถึงการถูกวางตัวให้รับบทแฝดคนละฝาของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนคเกอร์ และ แดนนี เดอวีโต ในหนัง Triplets ภาคต่อของ Twins หนังตลกดังยุค 80s ที่กำลังเตรียมสร้างเร็ว ๆ นี้

สำหรับรองแชมป์ในปี 2012 กลายเป็นดาราสาว แคทเธอรีน ไฮเกล ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่หนังตลกโรแมนติกคนใหม่เมื่อ 2 - 3 ปีก่อน แต่ระยะหลังหนังเริ่มทำเงินน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ One For The Money ผลงานเรื่องล่าสุด ที่ทำเงินไปได้แค่ 26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ ไฮเกล ได้เงินจากหนังเรื่องนี้ทั้งในฐานะนักแสดง และผู้อำนวยการสร้างไปถึง 15 ล้านเหรียญฯ เลยทีเดียว

อดีตเจ้าแม่โรแมนติกคอมเมอร์ดีอีกคนอย่าง รีส วิทเธอร์สปูน ก็ดูเหมือนว่าชื่อเสียงจะค่อย ๆ ลดระดับลงในช่วงปีสองปีหลัง โดยเฉพาะเมื่อเธอคว้าออสการ์มาได้ และพยายามขยับขยายไปหางานในแนวอื่น ๆ นอกเหนือจากแบบที่เคยสร้างชื่อให้กับตัวเอง และเมื่อดาราวัย 36 ปี ลองหันกลับไปหาหนังแนวตลกโรแมนติก (และผสมแอ็กชั่นเข้าไปด้วย) This Means War ก็ดูจะไม่ค่อยเป็นที่ฮือฮาเหมือนเดิมแล้ว

โดยอันดับ 4 ก็คือ ซานดรา บุลล็อค ที่หลังรับรางวัลออสการ์ไปเมื่อปี 2009 เธอต้องเจอกับปัญหาใหญ่ด้านครอบครัวถึงขั้นลงเอ่ยด้วยการหย่าขาดกับสามี และตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีผลงานเพียงเรื่องเดียวคือหนังดราม่า Extremely Loud & Incredibly Close ที่แม้จะมี ทอม แฮงค์ส ร่วมแสดงด้วย แต่ก็ไม่ค่อยฮือฮาอะไรเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามปีหน้า บุลล็อค จะกลับมาอย่างน่าจับตามอง ด้วยการรับบทนำใน Gravity หนังไซไฟฟอร์มใหญ่ของ อัลฟองโซ กัวรอง ที่เธอจะมาแสดงนำคู่กับพระเอกคนดัง จอร์จ คลูนีย์

เป็นที่น่าสังเกตว่าอันดับ 2 - 4 ล้วนเป็นดาราสาวขวัญใจคอหนังโรแมนติกคอเมอร์ดีทั้งหมด นอกจากนั้นยังมี ซาราห์ เจสซิกา ปาร์เกอร์ แห่งหนังชุด Sex and the City ที่ติดเข้ามาในอันดับ 10 ด้วย เป็นข้อพิสูจน์ว่าแม้หนังแนว "รอม-คอม" จะทำให้ดาราสาว ๆ โด่งดังขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ แต่พวกเธอก็มีโอกาสถูกลืมเมื่อตัวเลขอายุเพิ่มขึ้น และโดนคนใหม่แซงได้ง่าย ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

มาที่อันดับ 5 เป็นดาราผิวหมึกฝีมือดี เดนเซล วอชิงตัน ที่สตูดิโอจะได้เงินคืน 6.30 เหรียญฯ ต่อ 1 เหรียญฯ ที่จ่ายเป็นค่าตัวของเขา ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะค่าตัวของ เดนเซล ค่อนข้างจะสูงราว ๆ 12 ล้านเหรียญฯ ต่อเรื่อง ส่วนหนังที่เขาเล่นก็ไม่ได้ทำเงินหวือหวาอะไรมากมาย แม้เกือบทุกเรื่องจะไม่ถึงขั้นล้มเหลวก็ตาม

ยังมีดาราตลกอีกหลายคนที่ติดอันดับไม่ว่าจะเป็น แจ็ค แบล็ค, อดัม แซนเลอร์ และ เบน สติลเลอร์ ซึ่งเคยเป็นชื่อที่การันตีว่าหากมีพวกเขามารับบทนำแล้วหนังแต่ละเรื่องก็น่าจะไปได้สวยแน่ ๆ แต่ตอนนี้ประสิทธิภาพในฐานะดาราทำเงินเริ่มเสื่อมคลายลงไปตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น

แน่นอนว่า นิโคลัส เคจ ก็ไม่พลาดติดอันดับเข้ามาด้วยอย่างที่หลาย ๆ คนคงไม่แปลกใจ เพราะระยะหลังพักใหญ่มาแล้วที่อดีตซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดเจ้าของรางวัลออสการ์รายนี้เริ่มรับงานแบบไม่ค่อยเลือกเท่าไหร่

ตั้งแต่มีข่าวว่า เคจ เริ่มประสบปัญหาทางการเงิน เขาก็มีหนังเข้าฉายถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ให้แฟน ๆ ได้เห็นหน้ากันปีละหลาย ๆ ครั้ง จากที่เคยมีค่าตัวระดับ 20 ล้านเหรียญฯ ต่อเรื่อง ตอนนี้ เคจ จะมีรายได้ต่อหนังหนึ่งเรื่องที่ประมาณ 5 - 7.5 ล้านเหรียญฯ (อาจพุ่งขึ้นไปถึงเกินระดับ 10 ล้านในบางเรื่อง) และหนังแต่ละเรื่องของ เคจ ก็ทำเงินน้อยลงไปมากด้วย ที่แย่ก็คือบางเรื่องไม่ได้เข้าฉายในวงกว้างที่สหรัฐฯ ด้วยซ้ำ

10 อันดับดาราค่าตัวแพงโอเวอร์

เอ็ดดี เมอร์ฟรีย์ (สตูดิโอจะได้เงิน $2.30 ต่อการจ่ายค่าตัวเขา 1 เหรียญฯ)
แคทเธอรีน ไฮเกล ($3.40)
รีส วิทเธอร์สปูน ($3.90)
ซานดรา บุลล็อค ($5)
แจ็ค แบล็ค ($5.20)
นิโคลาส เคจ ($6)
อดัม แซนเลอร์ ($6.30)
เดนเซล วอชิงตัน ($6.30)
เบน สติลเลอร์ ($6.50)
ซาราห์ เจสซิกา ปาร์เกอร์ ($7)

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก




ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
A Thousand Words ทำเงินได้แค่ 18 ล้าน จากทุนสร้าง 40 ล้าน ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่ของทุนสร้างเป็นค่าตัวของ เมอร์ฟี
ดูท่าจะหมดยุคเจ้าแม่หนัง รอม-คอม คนใหม่แล้ว One for the Money จึงทำเงินไปได้แค่ 26 ล้านจากทุนสร้าง 40 ล้านฯ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นค่าตัวของ แคทเธอรีน ไฮเกล ทั้งในฐานะนักแสดง และผู้อำนวยการสร้างถึง 15 ล้าน
รีส วิทเธอร์สปูน ไม่เปรี้ยงเหมือนเดิม
หนังเรื่องเดียวในรอบ 3 ปีของ บุลล็อค ที่แม้ไม่ถึงขั้นล้มเหลวแต่ก็ไม่ฮือฮา
ถึงหนังจะไม่ขาดทุน แต่ด้วยค่าตัวที่แพงเอาการ เดนเซล จึงต้องติดอันดับดาราค่าตัวโอเวอร์แบบช่วยไมได้
หมดยุค แซนด์เลอร์ แล้ว? Thats My Boy ทำเงินได้แค่ 57 ล้านเท่านั้น จากที่เมื่อก่อนหนังของเขาสามารถผ่านหลัก 100 ล้านฯ ได้สบาย ๆ
2011 - 2012 นิโคลัส เคจ เล่นหนังไปถึง 7 เรื่อง ที่ย่ำแย่สุดเห็นจะเป็น Trespass ที่แสดงคู่กับ นิโคล คิดแมน ที่ทำเงินในสหรัฐฯ ไปได้แค่ 24,094 เหรียญฯ เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น