xs
xsm
sm
md
lg

เปิดหัวใจเพื่อชีวิต 25 ปี “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ณ ปัจจุบัน...หากพูดถึงศิลปินในแวดวงคนตรีที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นสัญลักษณ์ของวงการเพลงเพื่อชีวิตในบ้านเรานั้น แน่นอนว่า นอกจากพี่ใหญ่อย่าง “หงา (และ) คาราวาน” รวมถึงพี่รองอย่าง “คาราบาว” แล้ว อีกชื่อหนึ่งที่มักจะมาต่อท้ายก็คงจะหนีไม่พ้นน้องเล็กอย่าง “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์”

แม้จะเป็นน้องเล็ก ถูกยกย่องว่า เป็นคนเพื่อชีวิตรุ่นใหม่ที่จะมาแทนรุ่นพี่ๆ ทว่าหากนับระยะเวลาตั้งแต่ผลงานชุดแรก “ถึงเพื่อน” ของเขาออกมาในปี 2530 ถึงวันนี้ ปู พงษ์สิทธิ์ ผ่านร้อน-หนาวในวงการดนตรีมานานถึง 25 ปีเข้าไปแล้ว

“Super บันเทิง” ขอถือโอกาสตัวเลขที่ว่านี้ “นัดคุย” อีกครั้งกับเจ้าของผลงานเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คิดถึง, ตลอดเวลา, ถึงเพื่อน, ผีโรงเย็น, โรงเรียนของหนู, ทองดี ทองเค, หนุ่มน้อย, ไทรโศก, แม่ สุดใจ, ไถ่เธอคืนมา, มาตามสัญญา, หนุ่มน้อย, ยอดชาย, นักแสวงหา, แค่นั้น, เสมอ, สัตว์รักสัตว์ ฯลฯ
...
- 25 ปีที่ผ่านมา มีบทเพลงหลายเพลงซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบของคนฟังเพลง แล้วมีเพลงไหนบ้างที่คนร้องเองชื่นชอบมากที่สุด?
“เพลงแรกเลยคงเป็นเพลงถึงเพื่อน เพราะว่าเป็นเพลงในอัลบั้มแรก ความรู้สึกผมคิดว่ามันไม่มีอะไรดีเท่าครั้งแรกนะ แต่ในแง่ของการค้าขายมันเจ๊งน่ะ เรียกว่าล้มเหลวเลยแหละ แต่มันเป็นเพลงแรกไง แล้วมันก็สร้างชื่อให้ครั้งแรกของเรา แต่เพลงนี้ไม่ใช่เพลงผมแต่งเป็นเพลงแรกนะ”

“ต่อมาเป็นเพลงไถ่เธอคืนมา ด้วยความที่ผมเองชอบแต่งเพลงที่เกี่ยวกับน้องๆ ขายบริการ หลังจากที่แต่งเพลงนี้แล้วก็จะแต่งเพลงนี้อยู่หลายเพลง แล้วก็มีเพลงหนุ่มน้อย เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงที่ประตูของผมไปสู่เด็กรุ่นใหม่ ในความรู้สึกมันเหมือนเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแปะมือกับรุ่นเก่ารุ่นใหม่ เข้าใจง่ายๆ ก็เข้าสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน”

“ต่อมาเป็นเพลงมือปืน ก็จะเป็นเพลงที่เรารู้สึกว่าโชคดีที่เราแต่งมันขึ้นมา เพลงนี้ตอนออกเป็นอัลบั้มนี่ไม่มีใครรู้จักเลยนะ เขาไปชอบเพลงอื่นกัน แต่พอ 10 ปีผ่านไปของอัลบั้มนี้ เด็กรุ่นใหม่ๆ กลับมาชอบเพลงนี้ ไปเล่นที่ไหนต้องร้องทุกที่”

- เป็นเพื่อชีวิตที่เข้ากับแฟนเพลงรุ่นใหม่ๆ ได้
“เราเองเหมือนก็โชคดีนะ 2 เพลงหลังมันเหมือนทำให้ต่อติด ทำให้เรามีแนวทางที่จะไปต่อ”

- แล้วมีเพลงไหนหรือเปล่าที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของ “ปู พงษ์สิทธิ์” มากที่สุด?
“ส่วนใหญ่คนเขานึกถึงผมก็จะนึกถึงเพลงตลอดเวลากันนะ แต่สำหรับผมแล้วผมกลับคิดว่าเพลงที่บ่งบอกตัวตนของผมคือเพลงเสมอมากกว่า”

เห็นบอกว่าชอบแต่เพลงเกี่ยวกับน้องๆ ขายบริการ เพราะอะไร?
“ก็ไม่รู้สินะ ผมสนใจเรื่องอย่างนี้เป็นพิเศษมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ต้องบอกก่อนว่าที่สนใจไม่ใช่ว่าผมเที่ยวผู้หญิงนะ แต่ก็สนใจเรื่องอย่างนี้ สนใจในแง่มุมชีวิตเขา ในเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เรื่องราวในที่ขายบริการที่นึงแต่ละที่ก็จะมีแต่ละคนที่มีเรื่องราวแตกต่างกันออกไป ที่ที่นึงก็มีตั้งหลายเรื่องเขาไปแล้ว”

“ในแต่ละที่ที่ไปมันน่าสนใจ แต่ละที่ที่ไปเราก็ไปหาข้อมูลพูดคุยกับเขา เอาชีวิตเรื่องราวของเขามาเป็นข้อมูล เอาจริงๆ ชีวิตพวกเขากับผมก็ไม่ต่างกัน ผมเองเป็นนักดนตรีก็เป็นอาชีพคนกลางคืน ก็กึ่งๆ จะเป็นอย่างนั้น เวลาออกไปทำมาหากินก็เป็นช่วงเวลาเดียวกัน โอกาสที่จะเจอกันมันก็สูง เราก็เลยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกัน ตราบเท่าที่เราไม่ได้ไปซื้อบริการ มันก็จะมีการแลกเปลี่ยนกัน”

- ตอนนี้ก็ยังลงพื้นที่หาข้อมูลอยู่?
“(หัวเราะ) มันจะเจอของมันเอง อย่างที่บอกเราพวกเดียวกัน เรามันคนกลางคืน เดี๋ยวเราก็มาเจอกัน เราก็ได้พูดคุยกันเป็นเรื่องราวธรรมดา ยิ่งเจอน้องๆ ที่มาจากต่างจังหวัดยิ่งรู้สึกดี คุยกันสนิทใจ”

- ชีวิตในวงการที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?
“ก็มีความสุขเป็นช่วงๆ ลำบากเป็นช่วงๆ มันขึ้นอยู่กับการที่เราสามารถควบคุมตัวเองได้ยังไงในช่วงเวลาแต่ละช่วงมากกว่า อย่างช่วงเริ่มต้นที่เราล้มเหลว ช่วงอัลบั้มถึงเพื่อน แล้วก็มาอยู่ในช่วงที่เราประสบความสำเร็จ มันก็ดูเหมือนจะสบายแต่ก็มีช่วงเวลาที่เราต้องลำบากที่เราจะต้องประคับประคองชื่อเสียง ประคับประคองสถานภาพของเรา”

- ประคับประคองยังไง?
“มันอยู่ที่ตัวเรา แต่มันก็โอเค มีบางครั้งที่เราออกนอกลู่นอกทางไปเป็นช่วงๆ บางทีเราก็ไปประพฤติตัวในสิ่งที่ไม่ควร ช่วงที่เราสบายเรากลับใช้ชีวิตประมาทมาก ช่วงนั้นก็ต้องคอยตบแก้มตัวเองให้กลับมา ผมจะเตือนตัวเองเสมอว่าผมไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากร้องเพลง ทำเพลงดีๆ ออกมา พยายามเล่นดนตรีให้มันดี ที่เหลือไม่มีอะไรให้คนเขาดู หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาเราก็เลือกที่จะยอมรับความจริง ก็ดีที่คิดได้ตั้งแต่ตอนหนุ่มๆ เราคอยเตือนตัวเองว่าเราไม่ใช่ดารา”

- คิดว่าช่วงไหนคือช่วงที่รู้สึกว่าประสบความสำเร็จที่สุด
“ประมาณปี 2534 ไล่ๆ มาเรื่อยๆ เลย เป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลังจากที่ใช้ชีวิตประมาทอยู่ เราสามารถประคองสถานะตัวเองให้อยู่ในวงการมาได้ก็ประมาณ 15 ปีแล้วนะ”

- แล้วตอนนี้ล่ะ?
“เราคิดว่าตอนนี้เรามั่นคงขึ้น เราหาทำเลที่ยืนของเราได้แล้ว ก็สบายใจนะ”

- เนื้อหาและแนวทางของเพลงในระยะหลังๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปพอสมควร?
“คืออย่างเรื่องราวในเพลงแต่ละช่วงมันบอกตัวเราอยู่แล้ว บอกความคิดแต่ละช่วงอายุของเรา แต่ ณ อายุตอนนี้ผมจะกลับไปแต่งเพลงแบบตลอดเวลามันก็ไม่ได้แล้ว มันเลยจุดนั้นมาแล้ว ผมจะไปแต่งเพลงถึงเพื่อนก็คงไม่ได้อีกแล้ว กลายเป็นตอนนี้เราต้องมาหาเรื่องอื่นๆ มาเล่าใหม่”

- ถึงขนาดจะต้องเอาใจเด็กยุคเกาหลีครองเมืองมั้ย?
“ก็พยายามดูว่าปีต่อปีใครที่เดินเข้ามาดูเรา จริงๆ ตอนนี้คนที่เข้ามาดูเราไม่ใช่คนหน้าเก่าๆ นะ เป็นคนหน้าใหม่ๆ ซึ่งเพลงที่เขาชอบก็ยังเป็นเพลงเดิมๆ ของเรา แต่อาจจะไม่ใช่เพลงที่คนรุ่นเก่าๆ เขาชื่นชอบ”

- ใครก็มักจะบอกว่าเพลงเพื่อชีวิตมีแต่จะซบเซาไปเรื่อยๆ
“ผมไม่เห็นจะซบเซาเลย มีแต่พวกเพื่อชีวิตคอยทำอะไรให้คนตื่นเต้น ดูคาราบาวสิ แต่ปัญหาคือยังไม่มีรุ่นใหม่ๆ มาแทนเรา ก็คงมีแหละ แต่ตอนนี้ยังไม่มี ก็คงเหมือนช่วงผม เพราะผมเองกับพวกพี่ๆ คาราบาวก็ห่างกันเยอะครับ คิดว่าอีก 4-5 ปีมันก็คงจะมีมาเองครับ อาจจะมีคนเก่งๆ ขึ้นมา เชื่อว่าเดี๋ยวมันจะมาเอง คนแบบนี้เดี๋ยวมันจะมาของมันเอง มันจะเคี่ยวกรำตัวเองมา เพียงแค่ตอนนี้มันยังไม่โผล่”

- แต่เราก็ถูกยกว่าเป็นรุ่นที่สามต่อจากคาราวาน - คาราบาวมานานแล้วนะ?
“อย่างที่บอกคนใหม่ๆ หลายคนก็พยายามกันอยู่นะ เพียงแต่ว่าเขายังไม่มา แต่เขาก็คงมีความพยายามที่จะทำกันอยู่ ลักษณะเพลงเพื่อชีวิตมันจะมาของเองมันเอง ผมยังเชื่อว่าเดี๋ยวมันก็จะต้องมีคนใหม่ๆ มา ถ้าลองไปถามพี่หงา พี่แอ๊ด พี่พงษ์เทพว่าทำไมไม่ลองทำอะไรใหม่ๆ บ้างก็คงจะมีคำตอบคล้ายๆ กันว่าบางทีเราอยู่มานานแล้ว อายุเราก็เยอะกันแล้ว”

“เพียงแต่พอยิ่งเด็กรุ่นใหม่ใช้เวลาเดินทางมานานมากไปแล้ว พวกพี่ก็เริ่มจะไม่ไหวกันแล้ว คิดดูสิในวงการเพลงเพื่อชีวิตผมนี่เด็กสุดนะ ผมนี่ก็ปาเข้าไป 45 ปีแล้วคิดเอาแล้วกัน พี่หงาก็ 64 ปีเข้าไปแล้ว คิดว่าไงล่ะ พวกเราเองก็ได้แต่รอคอยคนที่เราสามารถเรียกได้ว่ากลุ่มคนใหม่ๆ มา เราก็มีความหวังอยู่ตลอดว่าเดี๋ยวเขาก็คงมา ก็พูดปลอบใจกันไป”

- มั่นใจว่าเราไม่ใช่สัญลักษณ์รุ่นสุดท้าย?
“ไม่แน่นอนครับ ผมเชื่ออย่างนั้น”

- เตรียมฉลอง 25 ปีด้วยคอนเสิร์ตใหญ่ “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เปิดหัวใจเพื่อชีวิต 25 ปี คำภีร์ มิวสิค เฟสติวัล” วันเสาร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ ที่ลานแอ็คทีฟ สแควร์ ด้านหน้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมศิลปินร่วมคอนเสิร์ตมากมาย อาทิ หงา คาราวาน, Blackhead, Ebola, เป้ อารักษ์, สิงโต นำโชค และวงมายด์

“ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันใหญ่โตขนาดนี้ ก็น่าจะดีสำหรับคนดู ก็น่าจะได้กำไรกันไป ก็จะมี 2 เวทีให้น้องๆ ที่กำลังทะเยอทะยานได้มาร่วมในคอนเสิร์ตด้วย ครั้งนี้ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตผมตลอด 25 ปีวงการเพื่อชีวิต แต่ก็อยู่มาป่านนี้แล้วเวทีจะใหญ่จะเล็กเราก็อยากให้ทุกคนมีความสุข อยากให้โชว์เราออกมาดี”

- ศิลปินรุ่นน้องทั้ง Blackhead, Ebola, เป้ อารักษ์, สิงโต นำโชค, มายด์ ดูเหมือนจะคนละสายกับเราเลย?
“น้องๆ เขาอยากจะมาเล่นกับพวกเรา แต่ผมก็ยังมี น้องหงา คาราวานไง (หัวเราะ)”

- หลายๆ ศิลปินมักจะจั่วหัวทัวร์คอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ แล้วออกไปต่างจังหวัด แต่นี่ดูเหมือนจะตรงข้าม?
“ผมคิดว่าฐานส่วนใหญ่ของผมน่าจะเป็นพี่น้องต่างจังหวัดมากกว่า เขาค่อนข้างที่จะแน่นแฟ้นกว่าคนกรุงเทพฯ ก็เลยอยากจะเริ่มแบบนี้ล่ะ”

- ลองๆ เลือกๆ เพลงไว้บ้างหรือยัง?
“ก็ต้องดูก่อน คงจะร้องทั้งหมดคงไม่ได้ ก็คงดูว่าใครที่เขามาดูเรา ถ้าส่วนใหญ่เป็นคนใหม่ๆ เพลงก็อาจจะอีกแนวนึง แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าๆ ก็อาจจะอีกแนวนึง อย่างเด็กรุ่นใหม่ๆ มาร้องผีโรงเย็นให้เขาฟังมันก็อาจจะเฉา”

- อายุมาถึงขนาดนี้แล้ว คิดจะหาธุรกิจอะไรอย่างอื่นเพื่อความมั่นคงในบั้นปลายมั้ย?
“ผมคงทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว คงจะอยู่ตรงนี้จนแก่เฒ่า จนเราทำไม่ไหว คงไม่ไปทำธุรกิจธุรกรรมอะไร อย่างห้องซ้อมนี่เราทำเพื่อเราไว้ซ้อมของเราเอง ไม่ได้เอามาทำธุรกิจอะไรเลย”

- ไม่มีแผนอะไรตรงนี้เลย?
“ไม่เลย ผมไม่มีแผนอะไรเลย ถ้ามีผมก็คงทำไปแล้ว อย่างที่บอกผมก็อายุ 45 ปีแล้ว มันมาครึ่งชีวิตแล้ว ผมกลับคิดว่าถ้าเราทำงานตรงนี้แล้วเรามีวินัยของเราอาชีพนักดนตรีก็สามารถเป็นอาชีพที่มั่นคงยั่งยืนเลี้ยงครอบครัวได้ มีความสามารถที่จะส่งลูกเท่าที่เขาพอจะมีภูมิปัญญาไปได้”

- เห็นว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่ ไม่คิดจะพักบ้าง?
“พูดไปเดี๋ยวได้พัก ก็ไม่พูดดีกว่า มันก็เป็นโรคตามวัยอ่ะนะ ที่ผ่านมาเราดูแลตัวเองไม่ดี ระบบขับถ่าย ลำไส้มันก็ไม่ดีสักอย่าง นี่ขนาดว่าผมไม่สูบบุหรี่ ดื่มก็ดื่มเหมือนคนปกติเขาดื่มกัน ก็ไม่รู้สิ (หัวเราะ) ผมเองก็ไม่ได้ตรวจสุขภาพอะไรด้วย แต่รู้ว่ามันไม่ค่อยดีแล้ว"

“ก็ตั้งใจจะพยายามไปหาหมอ ว่าจะให้เขาดูทวารทั้ง 9 เราหน่อย แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ไม่ได้ไปหาหมอนานหลายปีมากแล้ว เรารู้ว่ามันจำเป็นนะ ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีไปแต่ถ้ามันเป็นอะไรก็ควรจะทำให้มันหายซะ ที่ไม่ไปเราไม่มีเวลา แล้วเราก็ไม่คิดถึงหมอว่าเราจะอยากไปพบ ก็คงรอให้มันเป็นจริงๆ ก่อนแหละมั้ง”

- พูดถึงครอบครัว มีเวลาดูแลครอบครัวอย่างไร เพราะดูเหมือนแทบจะไม่มีเวลาให้เลย?
“สำคัญที่สุด คือ ต้องเข้าใจกันว่าเวลาของเราไม่ปกติ เดือนนึงได้อยู่บ้านแค่ 1-2 วัน ฉะนั้นคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเราต้องเข้าใจผมมากๆ ซึ่งก็เป็นไปด้วยดี”

- ทำงานกลางคืนแน่นอนสาวๆ ต้องมีมาเกาะแกะบ้าง จัดการตรงนี้ยังไง?
“ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ครับ”

- ถึงวันนี้นักร้องที่ชื่อ “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” ยังคงเนื้อหอมอยู่ไหม?
“ก็นะ...เราก็ต้องควบคุมตัวเอง ต้องเตือนตัวเองให้คิดยาวๆ มองไปก็รู้มันเป็นปัญหา ก็ต้องควบคุมตัวเองครับ”





กำลังโหลดความคิดเห็น