"หว่องกาไว" รับเกียรติเป็นประธานกรรมการเทศกาลหนังเบอร์ลิน

เอเอฟพี - ผู้กำกับมือรางวัลแห่งวงการหนังจีนและฮ่องกง "หว่องกาไว" ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการ สำหรับการมอบรางวัลในเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลินประจำปี 2013 ซึ่งจะเป็นปีที่เบอร์ลินจะให้ความสำคัญไปที่หนังเอเชียเป็นพิเศษ

ผู้รับผิดชอบการจัดเทศการภาพยนตร์เมืองเบอร์ลินครั้งที่ 63 ที่จะมีขึ้นระหว่างวัน 7 - 17 ก.พ. ปีหน้า ได้ยืนยันว่า หว่องกาไว จะมานั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อมอบรางวัลหมีทองคำ และหมีเงิน สำหรับภาพยนตร์ที่จะเข้าร่วมประกวด

ดีเตอร์ กอสสลิก ผู้อำนวยการเทศกาลยังกล่าวถึง หว่องกาไว ผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดกับหนังดราม่าเล่าเรื่องเชื่องช้าอ้อยอิ่ง In the Mood for Love เมื่อปี 2000 ว่า "หว่องกาไว คือผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดผู้หนึ่งในยุคสมัยของเรา เอกลักษณ์เฉพาะตัว และเรื่องราวในแบบบทกวีของเขา ทำให้เราทุกคนลุ่มหลงกันมาแล้ว"

"การได้เขามาเป็นประธานกรรมการ เรียกได้ว่าคือความฝันที่เป็นความจริง นับตั้งแต่ยุค 80s เป็นต้นมา เบอร์ลิน ได้รับการยอมรับในบทบาทเวทีสำหรับภาพยนตร์จีนร่วมสมัย ซึ่งนับเป็นอีกเหตุผลที่ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่หว่องกาไว จะมาทำหน้าที่ในปี 2013" กอสสลิก กล่าว ขณะที่ตัวของคนทำหนังคนดังแห่งวงการภาพยนตร์ฮ่องกง ก็กล่าวว่าการได้รับคำเชิญจากเทศกาลหนังเบอร์ลิน ก็ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับเขาเช่นเดียวกัน "มันคือประสบการณ์ที่สามารถเติมเต็มให้กับคนทำหนังได้ทุกคน"

Chungking Express เมื่อปี 1994 คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้เขาได้รับความสนใจจากแวดวงหนังระดับโลก ต่อมาในปี 2006 หว่องกาไว คือผู้กำกับชาวจีนคนแรก ที่ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการของเทศกาลหนังเมืองคานส์ หลังจากเขาเคยรับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วยผลงาน Happy Together จากเทศกาลแห่งนี้เมื่อปี 1997 มาแล้ว

ยอดคนทำหนังชาวฮ่องกงยังมีผลงานอย่าง 2046 เรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจาก In the Mood for Love ซึ่งก็สามารถไปไกลถึงรางวัล European Film ในปี 2004 ส่วนหนังปี 2007 My Blueberry Nights ของเขาที่มี จู๊ด ลอว์ และนอราห์ โจนส์ แสดงนำ ก็เคยเป็นหนังเปิดเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 2007

โดยงานลำดับต่อไปของ หว่องกาไว ก็คือ The Grandmasters หนังกังฟูที่มี เหลียงเฉาเหว่ย และจางจื่ออี๋ รับบทนำ

สำหรับเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลินในปีนี้ ที่เพิ่งจะผ่านไปมีผู้กำกับชาวอังกฤษ ไม ลีห์ เป็นประธานคณะกรรมการ และรางวัลหมีทองคำตกอยู่กับคนทำหนังรุ่นใหญ่ชาวอิตาลี เปาโล และ วิตตาริโอ ทาวิอานี เจ้าของผลงานเรื่อง Caesar Must Die หนังกึ่งสารคดีที่เล่าเรื่องการแสดงละครเชคสเปียร์สของคนคุก ในเรือนจำ