คราวที่แล้วได้รีวิวระดับวิทยายุทธของเตียบ่อกี้พระเอกจากเรื่องดาบมังกรหยกซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของชุดมังกรหยกซึ่งผลจากการรีวิวนั้นได้ความออกมาว่า เตียบ่อกี้เรียนรู้ยอดวิชาที่ตกมาในสมัยหลังครบทั้งสามสายคือสายพรต(จากบู๊ตึ๊ง) สายพระ(คัมภีร์เก้าเอี๊ยง) และสายต่างชาติอาหรับ(พลังเคลื่อนย้ายจักรวาลของเม้งก่า)
โดยรวมแล้ว ถ้าเอาเฉพาะจำนวนวิทยายุทธที่ฝึกสำเร็จ เตียบ่อกี้ก็น่าจะมีวรยุทธสูงสุด
แต่หลักฐานที่ปรากฏโดยกิมย้งเขียนเองบอกเราว่า เตียบ่อกี้นั้นแม้จะเรียบจบในวิชาเหล่านั้นมา แต่เพราะประสบการณ์หรือการคุมสติแบบไม่ค่อยอยู่หรือการไม่ใช่ยอดนักสู้โดยธรรมชาติ ก็เลยทำให้แกพลาดอยู่บ่อยๆ ต่อคนที่ดูเหมือนจะมีวิทยายุทธต่ำกว่า ซึ่งไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้
ความจริงนั้นการประเมินเรื่องของคนฝึกวรยุทธและระดับของพลังในดาบมังกรหยกนั้นค่อนข้างจะยาก เหตุใหญ่ใจความก็คือ คนที่มีวิทยายุทธเก่งกาจ รวมถึงยอดวิชาต่างๆที่เคยโดดเด่นมาตั้งแต่สมัยซ่งเหนือใน 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ในมังกรหยกภาคมังกรเจ้ายุทธจักร และภาคอินทรีคู่เทพยดานั้น พอมาถึงยุคของดาบมังกรหยกนั้นก็สูญสิ้นไปเสียเกือบหมดด้วยฝีมือในการทำลายล้างของมองโกลเป็นประการที่หนึ่ง เพราะ จากคำบอกเล่าของกิมย้ง จอมยุทธมีชื่อทั้งหลายพลีชีพกันไล่มาตั้งแต่ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง สายวิชาของอิดเต้งไต้ซือ สายวิชาของมารบูรพา ล้วนแล้วแต่ตายคาเมืองเซียงหยางทั้งสิ้น จะเหลือสืบทอดมาก็ดันห่วยแตกและมีลูกหลานไม่ได้เรื่องอย่างลูกหลานของตระกูลจูและตระกูลบู๊ที่หนีไปอยู่ชายแดนและเหลือยอดวิชาอยู่จิ๋วเดียวเท่านั้น
ประการที่สองยอดวิชาเหล่านั้นสาบสูญไปเนื่องจากรูปแบบของการถ่ายทอดซึ่งไม่ส่งเสริมให้วิชานี้อยู่ในโลก ยกตัวอย่างง่ายๆ วิชาไม้เท้าตีสุนัขอันเกรียงไกรของพรรคกระยาจก พอถึงรุ่นลู่อู่คาซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคสืบต่อจากอึ้งย้งก็ดูจะไม่เหลือพลานุภาพอะไรแล้ว เพราะวิชานี้สืบทอดกันที่ทักษะและความจำและการแอพพลายในขณะที่สู้กัน คนซื่อๆ ก็รับสืบทอดวิชาไม่ได้เต็มร้อยแล้วก็คงหายไปเกือบทั้งหมดในรุ่นหลัง เพราะ พรรคกระยาจกในรุ่นดาบมังกรหยกนั้นต่อให้มีวิชาไม้เท้าตีสุนัขอยู่ก็กระจอกเหลือเกิน ขณะที่วิชาสายช่วนจินและสุสานโบราณก็หายไปพร้อมกับการถอนตัวจากยุทธจักรของเอี้ยก้วยและเซี่ยวเล้งนึ้ง
ประการที่สามรูปแบบของการฝึกวิทยายุทธในสายวิชานั้นๆ อันเป็นเอกเทศจนคนทั่วไปไม่อาจจะฝึกได้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ยกตัวอย่างก็เช่น หัตถ์รันทดวิญญานสลาย ของเอี้ยก้วยก็เป็นวิชาเฉพาะตัว แถมต้องนึกถึงคนรักที่พรากจากจึงจะแสดงพลังออกมาได้เต็มที่ หรือฝ่ามือพิชิตมังกรก็ต้องอาศัยคนที่มีกำลังและโครงสร้างของตัวใหญ่มากๆ ถึงจะใช้ได้ผล หรือวิชาในสายมารบูรพาก็เข้าใจว่าจะหายไปพร้อมกับตัวอึ้งเอี๊ยะซือ เหตุเพราะว่าไม่มีใครฉลาดพอจะรับยอดวิชาเหล่านั้นได้
จากเหตุผลและเหตุการณ์เหล่านี้ก็เลยทำให้ยอดวิชาและระดับของวิทยายุทธ์ในเรื่องดาบมังกรหยกนั้นอยู่ในระดับขั้นต่ำกว่าในยุคแปดเทพ มังกรหยก และ อินทรีเจ้ายุทธจักรมากมาย อาจจะกล่าวได้ว่า ระดับวิทยายุทธนั้นถอยมาอยู่ที่การเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ก็อาจจะไม่ผิดนัก เพราะ รายวิชาที่สืบทอดมาก็ไม่เต็มร้อย ไม่ประติดประต่อ หรือไปเน้นเรื่องเทคนิคของการกลุ้มรุม เทคนิคของการใช้อาวุธที่เหมาะกับบ้านเมืองในยุคสมัยที่ชาวจีนฮั่นตกเป็นทาสก็เป็นได้
ที่ยากต่อการประเมินมากที่สุดก็คือ ไม่มีหลักฐานไหนที่เกิดจากปะทะหรือประลองกันตัวต่อตัวจนเป็นที่น่าจดจำกันเลย กิมย้งไม่ได้สร้างฉากการประลองดังกล่าวเหมือนในมังกรหยกหรืออินทรีเจ้ายุทธจักรที่มีการประลองเพื่อหาผู้ที่มีวิทยายุทธอันดับหนึ่ง หรือในแปดเทพอสูรมังกรฟ้าที่จะทำให้เราได้เห็นความเหนือชั้นของจอมยุทธผู้นั้นเช่นเฉียวฟงบุกฆ่าคนเกือบสี่ร้อยด้วยฝ่ามือพิชิตมังกร เช่นเดียวกับการฝึกวิทยายุทธของเอี้ยก๊วยและการปะทะกับในฉากสุดท้าย กับพลังนาคคชสารปัญญาบารมีของราชครูจักรทองก็มีข้อสรุปที่ชัดเจน
การต่อสู้ในดาบมังกรหยกนั้นเอาเข้าจริงก็ดูเกลี่ยๆสูสีๆกันหมดไม่ว่าจะเป็นทั้งฝ่ายพรรคเม้งก่าหรือฝ่ายหกสำนักใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น มิกจ้อซือไท่เจ้าสำนักง้อไบ๊ซึ่งเป็นหนึ่งในเสาค้ำยุทธจักรแค่เจอกับค้างคาวปีกเขียวหนึ่งในสี่ผุ้คุ้มกฏของเม้งก่ายังหมดปัญญาที่จะทำอะไรนอกจากจะใช้กระบี่อิงฟ้าเข้าสู้ เอี้ยเซียวฑูตซ้ายก็ยังดูเหนือกว่าพวกจอมยุทธเหล่านี้ ขณะที่ฉากประลองจริงๆก็ดูจะเป็นประลองแบบปาหี่ยังไงไม่ทราบ หนักกว่านั้นในงานประหารราชสีห์ที่เส้าหลินซึ่งดูเหมือนจะเป็นงานประลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังมีการใช้ทั้งระเบิด ปืน เข้าร่วมในการประลองกันด้วย
เพราะฉะนั้นถ้านับจริงๆ สุดยอดวรยุทธในจักรวาลดาบมังกรหยกคงเหลืออยู่แค่ เตียบ่อกี้ จางซานฟง สามไต้ซือผู้เส้าหลินแห่งหอตั๊กม้อซึ่งคุมตัวราชสีห์ขนทองขังไว้ และที่เซอร์ไพรซ์คือแม่นางชุดเหลือง เราลองมาไล่กันดูนะครับ
วิทยายุทธของแม่นางชุดเหลือง
ส่วนตัวผมเชื่อว่าเอาเข้าจริงคนที่มีพลังยุทธและวรยุทธมากที่สุดในจักรวาลดาบมังกรหยกนี้คงไม่แคล้ว “เตียบ่อกี้” พระเอกของเรื่องที่ฝึกยอดวิชาเป็นแน่แท้ เพราะได้วิชามาครบถ้วนตามกระบวน และสามารถที่จะสู้เอาชนะคู่ต่อสู้ที่ดูน่ากลัวๆทั้งหลายได้เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือฝ่ายมองโกล หรือ ยอดฝีมือฝ่ายธรรมมะ (เว้นแต่โดนจิวจื้อเยี้ยกแห่งง้อไบ๊เสียบเอาง่ายๆ) แต่กระนั้นคำถามก็ต้องเกิดว่า ถ้าเตียบ่อกี้เจอกับแม่นางลึกลับชุดเหลืองที่คอยแก้ปัญหาให้แก่เขาสองครั้งเตียบ่อกี้จะสู้ได้ไหม?
กิมย้งไม่ได้ให้รายละเอียดที่มากพอสำหรับตัวแม่นางชุดเหลือง แต่ให้ความคลุมเครือเอาไว้แก่ผู้อ่านว่า เธอคงเป็นคนรุ่นหลานของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ้งเป็นแน่ การบรรยายรูปร่างหน้าตา ยกเว้นชุดนั้นมีความละม้ายคล้ายเซียวเล้งนึงคู่รักของจอมยุทธอินทรีคู่เทพยดาอย่างยิ่ง
ยอดวิชาของแม่นางชุดเหลืองนั้นเธอก็คงฝึกและได้รับการถ่ายทอดมาจากเอี้ยก้วยและเซียงเล้งนึ้งแบบสายตรง แถมวิชาที่อยู่ในสุสานโบราณแห่งเขาจงน้ำนั้นก็ยังถูกจารึกเอาไว้เต็มไปหมด ซึ่งมีทั้งวิทยายุทธสุดยอดของของสำนักช่วนจินที่จารึกไว้โดยเฮ้ยงเต็งเอี๊ยงเอง และตัวเจ้าสำนักสุสานโบราณคือลิ้มเจียวเอ็ง นี่ยังไม่นับว่าเธอจะฝึกวิชากระบี่ดรุณีใจหยกเย็นแบบแยกสองใจในหนึ่งร่างได้หรือเปล่า
แต่แค่การบุกเข้าไปสยบวิชากรงเล็บกระดูกขาวที่จิวจื้อเยี้ยกฝึกจากคัมภีร์เก้าอิมฉบับย่อที่ซ่อนไว้อยู่ในกระบี่อิงฟ้าชนิดที่คนทั้งบู๊ลิ้มแม้กระทั่งตัวเตียบ่อกี้เองต้องอึ้งเพราะความเร็วในการลงมือนั้นสุดยอดจริงๆ แสดงให้เห็นความสามารถที่แท้จริงและการเรียนรู้หลักวิชาอย่างแท้จริงนั้น ผมว่าชัดเจนว่าวิชาฝีมือของเธออยู่ในระดับไหน
เพราะในจักรวาลมังกรหยกนั้น “คัมภีร์เก้าอิม” เป็นสุดยอดวิชาแขนงหนึ่งที่ถ้าฝึกแบบถูกต้องแล้ว สามารถจะทำให้คุณกลายเป็นหนึ่งในยุทธจักรได้เลย เอาง่ายๆ ว่าอาวเอี้ยงฮงฝึกวิชานี้แบบย้อนทวนหรือฝึกแบบไม่ถูกต้อง ยังสามารถเอาชนะทุกคนที่เป็นสุดยอดจอมยุทธในขณะนั้นได้ ขณะที่สองมารลมมหากาฬฝึกแบบครึ่งเดียวก็สามารถป่วนยุทธภพสมัยก๊วยเจ๋งได้เลย เพราะฉะนั้นเมื่อสตรีชุดเหลืองเธอสามารถใช้วิชาในคัมภีร์ฉบับนี้ได้แบบเต็มรูปแบบและถูกต้องเราก็เชื่อได้เหมือนกันว่าเธอจะต้องเจ๋งสุดๆ ทีเดียว
เผลอๆ นางอาจจะเก่งที่สุดในเรื่องก็เป็นได้!!(ยังมีต่อ)