เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียวกับงาน Sensation : The Ocean of White ที่จัดขึ้นในบ้านเราเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่งานนี้รวมเหล่าปาร์ตี้แอนิมอลทั่วฟ้าเมืองไทยมาไว้ในงานเดียวนับหมื่นชีวิต
คอนเสิร์ต Sensation : The Ocean of White ที่จัดขึ้นโดย ไฮเนเกน นับเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีที่เกิดขึ้นในรูปแบบใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งปรากฏการณ์นี้เคยสร้างความประทับใจมาแล้วให้กับผู้ร่วมงานกว่าล้านคนจาก 20 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยเป็นเพียง 1 ใน 3 ประเทศของเอเชียที่เปิดการแสดง (เกาหลีใต้, ไทย, ไต้หวัน) ซึ่งงาน Sensation : The Ocean of White ครั้งนี้ได้มีการเนรมิตอิมแพ็ค อารีนา ให้กลายเป็นมิวสิกฟลอร์ขนาดใหญ่ด้วยไอเดีย “มหาสมุทรสีขาว” โดยพาผู้ร่วมงานที่มาในชุดสีขาวกว่าหนึ่งหมื่นคนร่วมดำดิ่งไปกับโปรดักชันสุดอลังการทั้งแสง สี เสียง และการแสดงบนเวที
ต้องบอกว่า Sensation ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีครั้งสำคัญ ซึ่งเพียงแค่มีการโฆษณาเกี่ยวกับงานดังกล่าว บัตรจำนวน 10,000 ใบ ก็ถูกขายหมดเกลี้ยงเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเห็นได้ชัดจากที่งานนี้มีชาวต่างชาติร่วมงานเป็นจำนวนมาก ที่แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวทางด้านวัฒนธรรมดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ที่กำลังมาแรงในบ้านเราขณะนี้
ความน่าสนใจของงานต้องบอกว่าอยู่ที่การสร้างธีมต่างๆ ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วมไปกับงานครั้งนี้แบบเต็มตัว โดยเห็นชัดจากที่ทุกคนพร้อมใจกันใส่ชุดสีขาว ตามสโลแกนของงานที่ระบุว่า Be part of the night - dress in white พร้อมลงรายละเอียดชัดเจนว่าต้องสีขาวล้วนทั้งท่อนบนและท่อนล่างเท่านั้น การสร้างความมีส่วนร่วมจึงเป็นตัวดึงดูดที่ดีต่อเหล่าปาร์ตี้แอนิมอลที่แม้บางคนจะไม่ได้ชื่นชอบดนตรีแนวนี้แต่ก็อยากมีส่วนร่วม และอยากสนุกไปกับการสรรหาแฟชั่นชุดขาวมาใส่ประชันกันในวันงาน แม้ว่าความรู้สึกแรกที่ไปถึงงานจะเหมือนไปโรงเจ หรืองานถือศีลก็ตาม
แรกเริ่มเดิมที Sensation ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2000 ครั้งแรกจัดขึ้นที่อัมสเตอร์ดัมอารีนา ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลของทีมอาแจ็กซ์โดยมีผู้เข้า ร่วมงาน 20,000 คน ในปีต่อมา Sensation ในแบบที่เรารู้จักจึงถือกำเนิดขึ้น เมื่อ ดันแคน สตัทเทอร์ไฮม์ ที่เป็นประธานจัดงาน Sensation ขอให้ผู้ร่วมงานแต่งกายใน “ชุดสีขาว” เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่น้องชายของเขาที่ชื่อไมลส์ ที่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเป็นสีที่ผู้ร่วมพิธีศพสวมในงานศพไมลส์ ซึ่งครั้งนั้น 80% ของผู้ร่วมงาน 40,000 คน ได้ทำตามคำขอของดันแคน จึงเกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นการแต่งกายด้วยสีนี้จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของงานนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ ธีม ในการจัดงานของแต่ละปีจะมีความแตกต่างกันไป โดยในปี 2007 เกิดธีม The Oak of Love ปี 2008 ธีม The Ocean of White ปี 2009 ธีม Wicked Wonderland ในปี 2010 ธีม Celebrate Life และปี 2011 กับธีม Inner Space
นอกจากธีมการแต่งตัวที่สร้างความน่าสนใจให้กับงานได้แล้ว ความน่าสนใจยังมาตกอยู่ที่การแสดงต่างๆ ทั้งการแสดงบนเวที การแสดงผาดโผน การแสดงพลุ การโชว์แสงสี เลเซอร์ ที่เมื่อประกอบกับน้ำพุบนเวทีเกิดเป็นภาพคนกำลังเต้นด้วยท่าทางต่างๆ ประกอบเพลง ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก และที่เรียกเสียงฮือฮาอีกอย่างของผู้ร่วมงาน คือ ผู้ร่วมงานทุกคนก่อนเข้างานต้องแสดงบัตรของตนเองทั้งบัตรร่วมงานและบัตรประชาชน (เพราะงานได้กำหนดอายุผู้ร่วมงานว่าต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปี) เพื่อแลกกับสายรัดข้อมือที่นำมาใส่ให้ทั้งซ้าย-ขวา เพียงข้างเดียวยังพอเข้าใจแต่การให้ใส่ถึงสองข้างจึงทำให้รู้สึกแปลกใจตั้งแต่แรกเริ่มว่าทำไมต้องใส่เยอะแยะขนาดนั้น จนกระทั่งเข้าไปในงานได้สักพัก ดีเจ บอกให้ทุกคนชูมือขึ้นจึงถึงบางอ้อว่า สายรัดข้อมือด้านซ้ายของไฮเนเก้น ถูกทางงานปล่อยเซ็นเซอร์ออกมาเพื่อให้ข้อมือมีไฟขึ้นเป็นสีเขียวเรืองแสงรอบข้อมือนับว่าสร้างวามสวยงาม ความประหลาดใจและความมีส่วนร่วมให้กับผู้ร่วมงงานได้ไม่น้อย
นอกจากนั้น Sensation ยังเป็นเวทีที่สุดยอดเวทีหนึ่งสำหรับเหล่าดีเจมือฉมัง ซึ่งครั้งนี้มีทั้ง Mr.White, Riva Starr, Fedde le Grand, The Man With No Shadow และ Deniz Koyu โดยหลายๆคนยืนยันว่า Sensation เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของชีวิตการทำงานของพวกเขาเลยทีเดียว เพราะภาระหน้าที่หลักๆของดีเจบนเวทีคือ ไม่ใช่แค่การเปิดเพลงให้คนเต้นไปมาเท่านั้น แต่ดีเจมีหน้าที่ทำให้ Sensation เป็นปรากฏการณ์ทางดนตรีที่ดีที่สุดและเปิดเพลงล้ำยุคที่สุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต ส่งให้งานนี้พระเอกของงานจึงตกอยู่ที่ดนตรี ซึ่งช่วงไคลแม็กซ์อยู่ที่ "เดอะ มิกซ์" โดยไฮไลท์จะเกิดขึ้นในช่วงการแสดงของทุกๆ ชุด มีการมิกซ์เพลงที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวผสมผสานระหว่างเพลงเก่าและใหม่เปิดไปพร้อมกับการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ
งานครั้งนี้ ความน่าสนใจอีกอย่างที่อดนึกถึงไม่ได้เห็นจะเป็นเรื่องของไอเดีย และการต่อยอดทางธุรกิจของผู้จัดงานเพราะส่วนมากในบ้านเรา งานที่จัดขึ้นที่อิมแพ็ค อารีนา ส่วนใหญ่จะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ของศิลปินทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ครั้งนี้รูปแบบกลับแตกต่างออกไป โดยเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบการปาร์ตี้ และบรรดาขาแดนซ์ทั้งหลาย เรียกได้ว่าบรรดาแหล่งที่เที่ยวในบ้านเราเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แทบจะร้างไปเลยทีเดียว
ธุรกิจเช่นนี้เกิดขึ้นจากนักธุรกิจ 3 คน ผู้ก่อตั้งบริษัท ID&T บริษัทออแกไนเซอร์ที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับดนตรี ที่เล็งเห็นถึงปรากฏการณ์ใหม่ของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในแวดวงดนตรีเมื่อต้นทศวรรษ 1990 บริษัทดังกล่าวเริ่มก่อตั้งและขยายธุรกิจจัดปาร์ตี้สุดฮิตมากมาย จนกระทั่งมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่จะมาลุยด้านการจัดงานดนตรีสำหรับผู้ชื่นชอบแนวอิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มตัว รวมถึงงาน Sensation อีเวนท์ระดับโลกที่กลายเป็นงานสร้างชื่อให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้จัดมือฉมัง จนมีผู้คนนับล้านรอต่อคิวซื้อบัตรที่จัดโดยบริษัทดังกล่าวเลยทีเดียว
| เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |
