แฟนคอลัมน์ถามมาทางเฟซบุ๊คถึงปริศนาในความเก่งกาจของเตียบ่อกี้หรือจางอู๋จี้พระเอกจากเรื่องดาบมังกรหยก ซึ่งตอนนี้ดีวีดีผี ในฉบับปี 2009 ที่ “เติ้งเชา”เล่นกำลังขายดิบขายดีในตลาดมืด ผมเองชอบเวอร์ชั่นนี้มากครับ แถมยังมีลีลาการต่อสู้ที่สวยงามเอามากๆ ครับ ใครที่ไม่เคยดูก็ลองหามาดูกัน เห็นว่ามีคนปล่อยโหลดแล้วด้วย
แต่คำถามก็มีหลังจากที่แฟนคอลัมน์ได้ชมซีรี่ส์นี้ก็คือ “เตียบ่อกี้” เก่งที่สุดในบรรดาจอมยุทธของกิมย้งเลยหรือเปล่า เพราะเห็นว่าฝึกมากวิชาอยู่…เขาอยากให้ลองวิเคราะห์ดู เอาแค่ในจักรวาลมังกรหยกที่มีงักฮุยไปเกี่ยวก็พอแล้ว
ถ้าเอาจากทรรศนะผม เตียบ่อกี้ไม่มีทางถึงจุดสูงสุดหรือเก่งที่สุดเลยนะครับ แกยังขาดอะไรต่อมิอะไรอยู่มาก
ผมเชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูดาบมังกรหยกฉบับนี้ หรือเคยอ่านดาบมังกรหยกมาจะต้องรู้สึกเหมือนกันว่า ไอ้เจ้าเตียบ่อกี้พระเอกเราเนี่ยมันขาดคาแรกเตอร์ของความเป็นพระเอกอย่างสิ้นเชิง ลองนึกถึงก๋วยเจ๋งผุ้รักประชาชนและยึดมั่นจนคร่ำครึในเรื่องชาติต่อให้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการปกป้องชาติ แกก็พร้อมจะพาคนรอบข้างให้เสียสละไปพร้อมกับแก หรือตามมาด้วยเอี้ยก้วยผู้ซึ่งก็ยึดมั่นในความรักและเรื่องส่วนตัวจนกระทั่งเรื่องของชาติเป็นเรื่องรองลงมา เพราะด้วยฝีมือขนาดนั้นแกยังควงคู่เซียงเล้งนึ้งกลับเข้าสุสานไปได้อย่างไม่ยี่หระต่อโลกภายนอก
แต่เตียบ่อกี้นั้นเป็นคาแรกเตอร์ที่มีความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงมากกว่านั้นเยอะ เขาไม่มีอุดมการณ์และยึดมั่นถือมั่นมากเท่าเทียมก๊วยเจ๋งหรือเอี้ยก้วย เตียบ่อกี้เป็นเพียง “วัยรุ่นคงแก่เรียน” คนหนึ่งที่โลดแล่นไปตามกระแสของสังคมและเข้าใจในความต้องการของตัวเองอย่างถ่องแท้ จะว่าไปเขาก็เหมือนนักวิชาการในยุทธภพที่ศึกษามากมากและมีความสุขกับการตามหาโลกภายในของตัวเองมากกว่าจะฝ่าฟันต่อสู้กับโลกภายนอกเพื่ออำนาจและความต้องการพื้นฐานของมนุษย์อย่างความมั่งคั่ง
จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อเตียบ่อกี้ต้องศึกษาอะไรเขาก็จะศึกษามันและทำมันอีกจนช่ำชองและพอใจ เหมือนที่เขาศึกษาเรื่องของวิชาแพทย์และวิชาพิษก็เพราะสนุกที่ได้เรียนรู้มัน เขาได้คัมภีร์วิชาพิชัยสงครามของงักฮุยมาก็ศึกษาและอ่านมันจนเข้าใจแต่ถ้าให้เอาไปใช้เขาก็ยอมรับว่าน่าจะมีคนที่ใช้แล้วมีประโยชน์มากกว่าเขา คัมภีร์ที่ใครๆใฝ่ฝันมาตลอดสองร้อยปีตั้งแต่สมัยก๊วยเจ๋งยังมีชีวิตอยู่จึงถูกส่งมอบให้ฉื่อตั๊กที่เตียบ่อกี้เล็งเห็นแล้วว่าน่าจะใช้ประโยชน์และออกไปรบทัพจับศึกได้จริงๆ ส่วนตัวเขาศึกษาแค่นั้นก็อิ่มใจแล้ว
เอาจริงๆ นะครับ ตัวเตียบ่อกี้นั้นเหมือนพวกพรตเต๋าแบบบริสุทธิ์ที่แสวงหาความสมบูรณ์พร้อมในธรรมชาติและการหลุดพ้นมากกว่าครับ
เพราะอ่านใจและความเป็นมนุษย์ของเตียบ่อกี้ไปทางนี้แล้ว เมื่อหันมาดูเนื้อหาในเรื่องวิทยายุทธของตัวละครตัวนี้ ก็ทำให้ผมค่อนที่จะมีความเห็นที่แตกต่างจากนักอ่านหลายคนที่เห็นว่าเตียบ่อกี้เก่งที่สุด แม้ว่าตัวของเตียบ่อกี้เองจะสามารถที่จะฝึกคัมภีร์เก้าสุริยัน ( Nine Yang Manual) ฉบับเต็มจนสะสมกำลังภายในไว้เยอะสุดขีด ยังตามด้วยการศึกษาวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล( The Heaven and Earth Great Shift (
กรณีเรื่องวิชาฝีมือของเตียบ่อกี้นี้กิมย้งเขียนเอาไว้ค่อนข้างเนียนนะครับ คือ ยอดวิชาต่างๆ ที่เขาได้เรียนและฝึกฝนนั้นมากันเป็นคอร์สเป็นขั้นเป็นตอนดีอย่างเหลือเชื่อ บางวิชานั้นไม่มีใครสามารถฝึกได้ หรือถ้าฝืนฝึกก็จะกระอักโลหิตธาตุไฟเข้าแทรกตายแบบวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลเป็นต้น
กิมย้งเริ่มต้นเพาะวิชาความรู้เรื่องอ่านออกเขียนได้แบบดีเยี่ยมจากการที่เตียบ่อกี้ไปติดเกาะไฟน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ เพราะเตียชุ่ยซัวพ่อของเตียบ่อกี้ก็เป็นจอมยุทธที่มช้พู่กันเป็นอาวุธซึ่งหมายถึงเป็นบัณฑิต ขณะที่ฮึงซู่ซุ่แม่ของเขาก็เป็นนักเล่าเรื่องผู้ชาญฉลาดอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นคุณสมบัติด้านการเรียนรู้และพื้นฐานการศึกษาจึงแน่นหนามาก เพราะฉะนั้นเมื่อต้องมาเผชิญโลกในแผ่นดินใหญ่ในระยะแรก เขาถึงไม่มีปัญหาที่จะเข้ากับนักวิทยาศาสตร์อย่างหมอยาปีศาจและภรรยาที่เก็บตำหรับตำราเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร และถ่ายทอดความรู้เรื่องยา ไปจนกระท่งเรื่องของพิษต่างๆ
ถ้าอ่านถึงเรื่อราวที่ว่าจะเห็นได้ว่า ช่วงเวลานี้พระเอกของเราแกมีความสุขที่สุด เพราะวันๆอ่านหนังสือ คอยรักษาผู้คนกันเรื่อยไป ต่อมาเมื่อตกระกำลำบากหนีภัยที่ชายแดนจนไปรักษาพยาบาลค่างท้องนูนในหุบเขาคนเดียวและได้ฝึกคัมภีร์เก้าสุริยันของจริง เก็บผลไม้ ทานปลาบ้าง คุยเล่นกับฝูงลิงฝูงค่างบ้าง ก็ดูว่าแกก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่
ย้ำว่าวิชาลมปราณเก้าสุริยันนี่ไม่ใช่ตำราการต่อสู้นะครับ แต่เป็นตำราสุดยอดของการฝึกพลังลมปราณ ถ้าฝึกสำเร็จก็จะทำให้คนฝึกมีความสามารถด้านพลังงาน และการต่อต้านความหนาว การรักษาตัวเอง รวมถึงการขจัดพิษในร่างกาย
หลังจากทำให้ตัวเองมีพลังภายในอย่างที่สุดรวมถึงการเข้าใจถึงการเดินพลังในร่างกายของคนจากเส้นสายในวิชาแพทย์รวมกันแล้ว เขาก็ได้มีโอกาสฝึกยอดวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลที่สามารถบังคับให้พลังของตนเองและของคนอื่นเคลื่อนไหวไปได้ตามปรารถนา วิชานี้ก็คือการนำเอาพลังที่เตียบ่อกี้สะสมไว้จากลมปราณเก้าสุริยันต์มาใช้งานให้ได้ประโยชน์สูงสุด พลังงานที่สะสมก็เลยทำให้แกไปไกลกว่าหัวหน้าพรรคเม้งก่าทุกๆคน กลายเป็นคนแรกของยุทธจักรเลยที่เรียนวิชาฝีมือสายพรต วิชาฝีมือสายเต๋า วิชาฝีมือสายบัณฑิต และ วิชาฝีมือสายเปอร์เชียไปพร้อมๆ กันและประสบความสำเร็จตามสายวิชานั้นด้วยระดับปริญญาเอก
วิชาหมัดมวยนั้นส่วนใหญ่เตียบ่อกี้ได้มาจากบู๊ตึ้งซึ่งก็นำพลัง การใช้พลัง มาผสานกับท่าร่างและเพลงกระบี่ของบู๊ตึ๊งนั่นเอง…
จากที่ประมวลมานี้ ทำให้ผมก็ยังไม่เชื่อว่าเตียบ่อกี้จะเก่งที่สุดเมื่อเทียบกับจอมยุทธคนอื่นๆ เพราะในจักรวาลแห่งนักสู้นั้นไม่ได้วัดกันตรงใครมีความรู้มากที่สุด หรือ ใครเรียนอะไรมามากที่สุด เรื่องนี้จริงนะครับ ตัวอย่างก็เช่นหลวงจีนกั๊กเอี๊ยงเรียนรู้ลมปราณเก้าสุริยันเพียงอย่างเดียวก็ประสบความสำเร็จจนปราบ 3 ศักดิ์สิทธิ์คุนหลุนได้ หรือพระเอกเราขนาดรู้มากแบบนี้เวลาเจอการจัดการกับคนของเม้งก่าเปอร์เชียพระเอกของเราก็ยังลิ้นห้อยเลย หรือไปเจอสามไต้ซือเส้าหลินก็ย่ำแย่อยู่เหมือนกัน ที่แย่กว่านั้นก็คือโดนจิวจื้อเยียกสาวที่ตัวเองหลงแทงเอาเฉยเลย
สิ่งแรกที่เตียบ่อกี้ขาดก็คือ ประสบการณ์ในการณ์หลั่งเลือดจริงๆในสนามต่อสู้ การโผล่ออกมาจากถ้ำแล้วมียอดวิชาติดตัวเลยเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่มันก็ทำให้เขาขาดการสั่งสมประสบการณ์ในการต่อสู้ตัวๆหรือสู้แบบตะลุมบอน ประการต่อมาก็คือเรื่องของใจ คนที่จะเป็นหนึ่งได้มันต้องเหี้ยม ซึ่งเตียบ่อกี้ที่เป็นนักวิชาการมากกว่านักบู๊ก็ไม่มีวันเข้าถึงเรื่องราวแบบนี้ได้แน่
เตียบ่อกี้ที่โดนหลอกบ่อยโดยเฉพาะจากผู้หญิงก็ไม่ใช่ว่าแกไม่ฉลาด แต่แกชอบปลีกวิเวกและไม่ชอบช่วงชิง สังเกตุช่วงท้ายที่โดนจูหยวนจางหลอก ผมว่าถ้าเป็นคนอื่นที่รู้ความจริงคงกลับมาล้างแค้นจูหยวนจางปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์หมิงเป็นแน่ แต่เตียบ่อกี้ก็ปล่อยไปโดยไม่ได้มาปรากฏให้เห็นอีกเลย การต่อสู้ช่วงชิงไปจนกระทั่งการเป็นจอมยุทธที่เก่งที่สุดในยุทธจักรจึงไม่ใช่สิ่งที่แกอยากจะเป็นแน่ๆ ครับ
คำถามเรื่องใครเก่งจริงๆ ในจักรวาลแห่งดาบมังกรหยกยังไม่จบครับ ขอมาวิเคราะห์กันต่อในสัปดาห์หน้าครับ