xs
xsm
sm
md
lg

“ปิ่น ทีวีซีน” เคลียร์ละคร “หงส์สะบัดลาย” พูดถึงนายกฯในฝัน แต่ไม่ได้พาดพิงใคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปิ่น ทีวีซีน” ยันละคร “หงส์สะบัดลาย” ไม่อิงการเมืองเหมือนในบทประพันธ์เก่า ยันในละครแค่พูดถึงนายกฯในฝัน แต่ไม่ได้พาดพิงใคร รับกลัวไม่ได้ฉาย ลั่นเป็นผู้จัดละครสมัยนี้ทำงานยาก บอกไม่ประมาทช่องเคเบิลที่เริ่มทำละครเองเหมือนฟรีทีวีแล้ว

ประสบความสำเร็จจากการปลุกกระแสคนไทยรักชาติในละคร “ขุนศึก” ด้วยเรตติ้งถล่มทลายไปแล้ว ล่าสุด เจ้าแม่แห่งค่ายทีวีซีน “ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์” ยังหันมาจับบทประพันธ์ที่เล่าเรื่องราวชีวิตนักการเมืองอย่าง “หงส์สะบัดลาย” ที่ได้พระเอก “ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” เล่นประกบนางเอก “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” แต่งานนี้ผู้จัดคนดัง เผยว่า ตนไม่กล้าแตะเรื่องของการเมือง แค่เอาชื่อเรื่องกับโครงเรื่องมาเฉยๆ ส่วนเรื่องราวนั้นแต่งใหม่หมด โดยในเรื่องพูดถึงเพียงนายกฯในฝันที่ปรารถนาของตน และประชาชนเท่านั้นเอง

“ไม่นะ เรื่องนี้เราไม่ได้นำเรื่องในบทประพันธ์มาใช้ เราแค่เอาชื่อเรื่องมา กับแกนเรื่องมา แต่จะเล่าเรื่องนักการเมืองน้อยมาก เพราะเราไม่อยากจะไปแตะ ในเรื่องที่เกี่ยวก็จะเป็นแค่นายกฯ ซึ่งเราก็จะให้นายกฯเป็นอย่างในฝันของเรา ไม่ได้ไปอ้างอิงใครอะไรเลย เรามีวิธีเล่า แต่ถ้านั่นก็ไม่รู้จะมีคำสั่งให้หยุดฉายรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็คงไม่หรอก คือไม่ว่าจะวงการไหนมันก็มีทั้งดีและไม่ดี เราไม่ชอบนักการเมืองคนไหนเลย ที่เราเล่าจะเป็นนายกฯในฝันของเรา และของประชาชนแค่นั้นเอง”

“แล้วเรื่องราวที่เราเล่าก็เป็นเรื่องความรัก ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น นายกฯในเรื่องเป็นนายกฯรุ่นใหม่ไฟแรงทำอะไรก็คิดถึงแต่ประชาชน ถึงแม้ว่าในเรื่องเขาจะถูกพ่อเขาบงการ แต่สุดท้ายเขาก็ยืนยันว่า ถ้าจะให้เขาเป็นอย่างนั้นเขาก็จะลาออก ในเรื่องพ่อไม่ได้บอกให้ทำไม่ดีนะ แต่มันพูดถึงเรื่องที่มันเกี่ยวกับธุรกิจอะไรมากกว่า”

“ช่องสกรีนเรียบร้อย ยังก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก อย่างที่บอกในเรื่องเน้นความรัก กุ๊กกิ๊ก โรแมนติก ดรามา แอกชัน เรื่องการเมืองเป็นแบ็กกราวนด์ห่างๆ เรารู้ว่าเราควรพูดหรือไม่พูดเรื่องอะไร เดี๋ยวก็ออกอากาศแล้ววันที่ 14 สิงหาฯนี้ ลองดูกัน”

ลั่นการทำงานเป็นผู้จัดสมัยนี้ต่างจากเดิมมาก บอกไม่ประมาทช่องเคเบิลเริ่มทำละครแล้ว ขอทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดไม่คิดแข่งกับใคร

“มากมายมหาศาลเลยทีเดียว ต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ตอนนั้นที่เราป่วยเหมือนเรานิ่ง แล้วเราถอยหลังทันที ตอนนี้เราหายแล้วโอเคเรากลับมาลุยเต็มที่ ตั้งแต่ขุนศึก ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องภาพ เสื้อผ้าหน้าผม วิธีการเล่าเรื่อง แสดง ภาพการถ่ายทำต่างๆ เปลี่ยนหมด สมัยก่อนการเป็นผู้จัดก็คือการอ่านละคร แล้วเราชอบเรื่องนี้ เราก็เอามาเขียนบทแล้วก็ทำไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ เดี๋ยวนี้ต้องครีเอททุกอย่าง แค่ทำงานละครอย่างเดียวไม่ได้”

“เหมือนเราต้องทำงานโฆษณาเลย คิดว่าฉากนี้ควรจะทำยังไง แสงจะเป็นยังไง เสื้อผ้าถึงขั้นต้องดูก่อนเลยว่าสถานที่ต้องเป็นยังไง สีอะไรถึงจะตัดสินใจ แต่ก่อนนี้ไม่ขนาดนี้ด้วย บทอีกจะต้องปรับทุกอย่างให้เข้ากับยุคสมัยคนปัจจุบัน มีอะไรที่เขากำลังพูดถึง หรือกำลังทำกันอยู่ เรียกว่าเหนื่อยเป็น 10 เท่ามากกว่าเดิม แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้ดั่งใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ถึงเราจะพยายามยังไง แต่เราก็พยายามอย่างมากที่สุดกับงานของเรา”

“อย่างช่วงนี้ช่องเคเบิลเขาก็หันมาทำละครกันแล้ว แล้วเขาก็ไม่มีข้อจำกัดอะไรด้วย ตรงนี้เราต้องอย่าไปกังวล เราต้องดูรอบๆ ตัวเรา เราต้องทำยังไงเพื่อให้เราทำงานของเราออกมาดีที่สุด ซึ่งเราเองไม่ใช่ว่าเราจะไม่มองใคร เราเองก็ดูคนอื่นนะ แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องมองตัวเราเองว่าเรามีคุณภาพไหม เราทำได้ดีที่สุดขนาดไหน ถ้าเราไปตื่นตัวว่าคนนั้นก็ทำคนนี้ก็ทำมันก็จะไม่มีประโยชน์”

“ผลกระทบมันก็ได้รับนะ มันเลยทำให้เราต้องถีบตัวเอง ข้อสำคัญคือเราต้องทำละครสนุก ดี และมีคุณภาพ แค่นี้ก็คิดว่ายังไงคนดูก็ยังอยู่เพราะเราได้เปรียบที่เราเกิด เราทำมาก่อนเขา เรามีแฟนๆ ของเราอยู่ เรามีนักแสดงในสถานีมากมาย ไม่ใช่ว่าเราอยู่แล้วจะยิ่งแย่ลงมันก็คงไม่ใช่”

“แล้วเราเชื่อว่า ช่อง 3 ทันสมัยกว่าใครเพื่อนนะ ด้วยวิธีการคิดของเจ้านาย เขาไม่มีหยุดนิ่งเลย ยังใช้ได้อีกนาน ช่องอื่นเขาเพิ่งมาใหม่ แล้วเขายังไม่มีดารา นี่เรามีดาราให้เลือกเยอะแยะมากมาย ต้องเข้าใจว่ากว่าจะสร้างกันมาขนาดนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่เราก็ประมาทไม่ได้หรอก ขนาดเต่ายังชนะกระต่ายเลย”

แล้วอย่างข้อจำกัดต่างๆ ในการทำงาน ที่เคเบิลค่อนข้างอิสระกว่า ถือเป็นข้อเสียเปรียบของเราไหม?

“เรากลับคิดว่าคนดูเดี๋ยวนี้ไม่ใช่อย่างนั้นนะ คนดูมีอยู่ไม่มากหรอก ที่จะอยากดูอะไรที่มันไร้สาระ หวือหวา หรือที่มันผิดศีลธรรม เดี๋ยวนี้เด็กๆ รุ่นใหม่มันติกันจะตาย อะไรที่ดีๆ ออกมากดไลท์กันน่าดู มาชมอย่างนั้นอย่างนี้ว่าเราคิดดีจังเลย ทำไมถึงคิดได้ขนาดนี้”

“คนสมัยนี้อยากเสพสิ่งดีๆ มากกว่า เพราะรอบๆ ตัวนี่มันก็มีแต่อะไรก็ไม่รู้เนอะ ไม่ว่าจะการเมืองหรือว่าอะไร มันเป็นพิษไปหมด แต่ไม่ใช่เสนอแต่สิ่งที่ดีแล้วไม่สนุกนะ เรามีหน้าที่ย่อยสิ่งที่ดีให้มันออกมาสนุก ซึ่งเราเองพยายามอย่างหนักมาก เพราะเป็นนโยบายของช่องอย่างมาก”

“การที่ทางช่องมีผู้จัดหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สัดส่วนงานเราถามว่ามันลดน้อยลงบ้างมั้ย ไม่เลย มีแต่เยอะขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราทางสถานีเขาเพิ่มเวลาละครไง ปีนี้เราได้มา 4 เรื่อง เปิดทีละ 2 เรื่อง มีตั้ง 9-10 เบรก เวลาขนาดนี้มีผู้จัด 10 เจ้าก็ทำไม่ทัน”

“เราก็ไม่ไปแข็งกับใคร เราแข็งกับตัวเอง แล้วก็ให้งานของเราอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ให้เขาเห็นงานของเราว่าดี มันก็เท่านั้นเอง บอกเลยว่างานมันเยอะ ในช่องเราอยากได้คนมาช่วยกันทำ ยิ่งตอนนี้นักแสดงก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดกันเยอะ เราก็คิดว่าดีนะ เขามีประสบการณ์ตรงนี้มาก่อน”

“คิดว่า อั้ม (อธิชาติ ชุมนานนท์) คงยังไม่พร้อม บอกอั้มว่าถ้าไม่พร้อมอย่าเพิ่งเลย เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมเราก็ต้องดูแลช่วยเขา อั้มเขามีอะไรเขามาปรึกษาตลอด เราเองก็มีหน้าที่ช่วย ไม่ใช่ว่าช่องเปิดโอกาสแล้วจะเป็นใครเข้ามาทำก็ได้นะ อย่างอั้มนี่เราคิดว่าเขายังต้องไปอีกหน่อย”

“อั้มเพิ่งอายุ 32 ปีเอง ให้เขาทำงานเก็บประสบการณ์ไปก่อน อั้มงานเขายังเยอะ ไหนจะละครเขาอีก ก็เลยบอกอั้ม ถ้าอั้มจะทำอั้มต้องไปดูเองนะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีคิว แล้วไม่ต้องไปแบบนี้ไปไม่รอด การเป็นผู้จัดไม่ใช่ดาราที่มาเฉพาะคิวตัวเองนะมันมีรายละเอียดเยอะ ต้องแก้บทเป็นอะไรเป็น ถามตัวเองว่าพร้อมรึเปล่า”

ลั่นไม่คิดดึงสาว “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ร่วมงานแล้ว เพราะมีตัวตายตัวแทนอย่างสาว “โมนา อนุธิดา อิ่มทรัพย์” ญาติของพิ้งกี้ ซึ่งจับเซ็นสัญญาเข้าสังกัดแล้ว

“ไม่สนพิ้งกี้แล้ว เพราะมี น้องโมนา เขาเป็นญาติกับพิ้งกี้ เราจับเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว แล้วบอกเลยว่าเก่งมาก เสียง การเล่น แจ๋วเลย ตอนแรกเขามา เราไม่รู้หรอกว่าเป็นญาติกับพิ้งกี้ ตอนแรกมาอ้วนเชียว เราก็ไม่ได้สนใจ แต่มาอีกทีนึงสวยปิ๊งเชียว แล้วเอามาเรียนนี่ไม่ธรรมดาเลย พิ้งกี้กับโมนาเขาก็รู้จักกัน เขาโอเคนะ เขาก็เซ็นสัญญากับเรา 5 ปี เดี๋ยวเก่งแล้วค่อยให้ช่อง เด็กเก่งจริงๆ ตอนนี้ยังอยู่ ม.4 เอง กะปั้นให้เขาเป็นนางเอกด้วย แต่ต้องรอเวลาของเขาก่อน”



โมนา อนุธิดา อิ่มทรัพย์”
กำลังโหลดความคิดเห็น