xs
xsm
sm
md
lg

Thai Top Fitness ความบันเทิงเพื่อสุขภาพของ 'มาร์ค แอบบอท'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์ค แอบบอท
ย้อนหลังกลับไปประมาณเก้าเดือน อาจารย์สอนภาษาชาวอเมริกันชื่อ ‘อดัม แบรดชอว์’ ได้เอ่ยปากชวนเพื่อนสนิทซึ่งเป็นชายชาวอังกฤษวัยยี่สิบเจ็ดปีให้มาทำรายการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ภาษาที่เขาทั้งสองเป็นเจ้าของร่วมกัน แต่เพราะหนุ่มอังกฤษรายนั้นไม่ได้คลั่งไคล้ภาษามากเท่ากับอดัม โปรเจครายการสอนภาษาอังกฤษจึงต้องพับเก็บไป แต่แนวคิดการทำรายการให้ความรู้แก่คนไทยที่อดัมได้มาจุดเอาไว้ในตัวของหนุ่มอังกฤษรายนี้ยังคงคุโชนอยู่ในตัวของเขาเรื่อยมา

สองเดือนหลังจากที่โปรเจครายการสอนภาษาที่อดัมนำเสนอไม่ได้รับการสานต่อ รายการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพความยาวประมาณ 15 นาทีก็แพร่ภาพทางเว็บไซต์ Youtube.com โดยที่พิธีกรผู้นำเสนอเรื่องราวก็คือชายชาวอังกฤษเพื่อนซี้ของอดัมคนนั้นนั่นเอง

หนุ่มอังกฤษรายนี้ชื่อ ‘มาร์ค แอบบอท’ เขาเป็นชาวอังกฤษที่เกิดที่ประเทศแอฟริกา แล้วย้ายไปอาศัยที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลับมาหารากเหง้าของตัวเองที่ประเทศอังกฤษ หลังจากเรียนจบเขาได้เข้าทำงานเป็นหน่วยคอมมานโด แต่เคราะห์ร้ายประสบอุบัติเหตุกระดูกสะบ้าบริเวณหัวเข่าได้รับบาดเจ็บจนต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน หลังจากหายดีแล้วมาร์คเดินทางไปประเทศเกาหลีแล้วทำงานเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษและสอนชกมวยอยู่ที่นั่น โดยตั้งใจจะทดลองอยู่สองปี แต่เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนมาร์คก็พบว่าเคมีในตัวของเขาไม่เข้ากับเคมีของแดนกิมจิ มาร์คจึงตัดสินใจจะเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเขาแวะเที่ยวที่ประเทศไทยโดยมีกำหนดการเที่ยวเพียงแค่แปดวัน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มาร์คพำนักอยู่ในประเทศไทยมานานเจ็ดปีเต็มแล้ว เขาตอบไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดถึงติดใจประเทศร้อนชื้นแห่งนี้จนต้องเลื่อนเที่ยวบินออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางกลับบ้านหมดอายุ ปัจจุบันมาร์คกลายเป็นชาวต่างชาติหัวใจไทยที่ชื่นชอบอากาศ อาหาร วัฒนธรรมของที่นี่ ทำงานที่นี่ พูดภาษาไทยชัดเจน และมีแฟนเป็นคนไทย

การนำเสนอรายการเกี่ยวกับสุขภาพผ่านทาง Youtube ทำให้คนไทยรู้จักมาร์คเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่วีดีโอแรกซึ่งเป็นวีดีโอที่พูดถึงการดูแลสุขภาพด้วยโภชนาการซึ่งมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่ร้อยคนมาจนถึงวีดีโอล่าสุดที่เขาเริ่มทำรีวิวอาหารเสริมประเภทต่างๆ รวมไปถึงแนะนำวิธีการคุมอาหารเพื่อนำไปสู่การลดไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายอีกด้วย

“เรื่องฟิตเนสกับสุขภาพ ผมเน้นเรื่องสุขภาพมากกว่า แล้วในวีดีโอที่ผมทำหลายคนชอบถามว่าพื้นฐานหรือการเริ่มต้นนี่ต้องเริ่มยังไง ซึ่งเราต้องปรับการกิน พฤติกรรมการกินเป็นสิ่งแรกที่เราต้องปรับ ผมก็เลยทำวีดีโอแรกที่ผมอยู่ที่หน้าบ้าน ช่วงนั้นผมผอมเพราะว่าฝึกไตรกีฬาอยู่ ก็ต้องผอมลงเพื่อจะแข่งไตรกีฬา เพราะถ้ากล้ามใหญ่เกินไปจะเหนื่อย แล้วผมก็ทำท่าธงมนุษย์(การใช้สองมือจับเสาแล้วยกร่างกายให้ขนานไปกับพื้น)”

“ ทำเสร็จแล้วผมก็บอกว่าอย่าไปคิดไกลขนาดนั้น จริงๆ ต้องเริ่มต้นในห้องครัว แล้วผมก็เลยเดินเข้าไปในบ้าน ไปที่ห้องครัว แล้วก็ให้คำแนะนำเรื่องปรับการกินว่าต้องกินผักมากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น น้ำตาลก็ต้องงด กาแฟก็ต้องกินน้อยลง อะไรประมาณนี้น่ะครับ หลังจากนั้นวีดีโอที่สองรู้สึกว่าจะเป็นวีดีโอที่ผมสอนออกกำลังกายพื้นฐาน พวกวิดพื้น ท่าง่ายๆ ที่ทำได้ที่บ้าน หลังจากนั้นมันก็เริ่มไปแล้ว แต่นั่นไม่ถือว่าจริงจัง ยังใช้ไอโฟนถ่ายเล่นๆ น่ะครับ"

ช่วงที่มาร์คเริ่มปล่อยวีดีโอแรกๆ เผยแพร่สู่สาธารณะเป็นช่วงที่เขาอยู่ในช่วงเตรียมตัวจะลงแข่งไตรกีฬาทำให้มาร์คฝึกหนักจนร่างกายผอมซูบ หลังจากฝึกหนักอยู่นานหลายเดือนมาร์คก็จำต้องล้มเลิกความคิดที่จะแข่งไตรกีฬาไปเนื่องจากเขาต้องทำงานประจำทำให้ไม่มีเวลาสำหรับการฝึกซ้อมอันหนักหน่วง เมื่อยุติชีวิตนักไตรกีฬา มาร์คก็กลับเข้าสู่วิถีชีวิตฟิตเนสแมนเหมือนในอดีตที่เขาทำมาตลอดเกือบทั้งชีวิต และเมื่อรูปร่างของเขาเริ่มมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่และชัดขึ้น ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ผู้ชมให้การตอบรับที่เพิ่มขึ้นโดยปริยาย

“เหตุผลที่มันไปได้ไกลเพราะหนึ่งผมไม่มีเจตนาแอบแฝง ผมไม่มี อ่ะ อันนี้ไม่ดี อันนี้นะดีกว่า(ทำท่าหยิบผลิตภัณฑ์ขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ) ไม่มีแบบนั้นนะครับ เขาก็เลยเชื่อผมน่ะครับ แล้วผมก็มีซิคแพค ไขมันผมก็ต่ำมาก แล้วไม่ใช่ว่าผมสอนหรือรู้แต่ทฤษฎีแต่ปฏิบัติไม่ได้เรื่อง ผมก็ได้ทั้งสอง ซึ่งทำให้มันน่าเชื่อถือน่ะครับ แล้วมันเริ่มไป ประมาณเดือนมกราคม หลังจากทำวีดีโอหุ่นเหมือนนายแบบ นางแบบ หลังจากนั้น โอ้โห ไปเยอะเลย"

พลังผลักดันที่สำคัญที่สุดที่ทำให้มาร์ยังคงทำรายการเกี่ยวกับสุขภาพที่เขาตั้งชื่อว่า Thai Top Fitness ออกมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อนก็เพราะคำสั้นๆ แค่สองพยางค์ที่ผู้ชมชาวไทยหลายพันหลายหมื่นคนพิมพ์และพูดกับเขา

“ที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือมีแต่คนที่มาขอบคุณ ขอบคุณอย่างยิ่ง เพราะถ้าทำแบบนี้ที่ต่างประเทศ ผมไปดูวีดีโอของคนต่างประเทศ โอ้โห มีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตมากเลยนะ เขาจะแบบว่า มึงไม่รู้เรื่อง ไอ้นู่นไอ้นี่ มาทะเลาะกันใหญ่เลย เถียงกันมากเลยนะ แต่ที่เมืองไทย ขอบคุณมากครับ (ยิ้ม) เฮ้ย รู้สึกดีมากเลยนะ โอเค จะทำต่อไปนะถ้าเป็นอย่างนี้”

“ ผมรู้สึกดีมากที่มีคนมาขอบคุณ แล้วมีคนส่งแมสเซจมาว่าผมทำตามคำแนะนำของคุณมาร์คแล้วผมลดไขมันได้ 10 กิโลกรัม มันทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าจะทำต่อไป ก็รู้สึกดีมากที่ได้ช่วยคนได้นะครับ แล้วก็รู้สึกดีมากที่ไม่ให้คนกินยาที่อันตรายที่โฆษณาอยู่ในธุรกิจลูกโซ่ ที่เขาชอบพูดเพื่อสร้างเครือข่ายน่ะครับ โอ้โห มันเป็นบาปจริงๆ นะทำแบบนั้น ผมก็เลยคิดที่จะมาซื่อสัตย์กับทุกคน เพราะรู้สึกว่ามันเป็นการทำบุญน่ะครับ"

ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงมีอยู่มากมาย โดยมาร์คมองว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับสุขภาพนั้นก็คือการโฆษณาชวนเชื่อของธุรกิจต่างๆ ที่ฝังหัวเรามาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของเราแล้ว

“เหตุผลที่เราเข้าใจผิดไม่ได้อยู่ที่เราโง่นะ แต่อยู่ที่เราถูกหลอก หมายความว่าถ้าสมมุติผมผลิตเครื่องที่เอาไว้ที่บ้านแล้วก็เก็บใต้เตียงได้ เคยเห็นในโฆษณาไหมครับ วันละเพียง 20 นาทีอะไรก็ว่าไป แล้วก็ให้คนที่ฉีดอนาบอลิคสเตอรอยด์(ฮอร์โมนชนิดหนึ่งซึ่งมีส่วนในการสร้างกล้ามเนื้อ)มาใช้ มาพูดว่าผมใช้อันนี้แค่อาทิตย์ละสามครั้งนะครับ ไม่ คุณเข้าฟิตเนสอาทิตย์ละหกวัน รู้ๆ ดูออก(หัวเราะ)”

“ เขาต้องการบอกว่ามันลดเฉพาะส่วนได้ เพราะเขารู้ว่าผู้หญิงต้องการ ในการทำธุรกิจเขาจะมองความต้องการในตลาด แล้วเขาจะผลิตสินค้าเพื่อขายคนที่ต้องการ เฮ้ย ต้องการลดเฉพาะส่วน เขาก็จะผลิตขึ้นมา เขารู้ว่ามันทำไม่ได้ แต่ถ้าคุณจะซื้อเราก็จะขาย อย่างนี้แหล่ะ มันเหมือนเหล้า เหมือนบุหรี่ เหมือนโคเคน เหมือนยาเสพติด ถ้ามีคนอยากจะซื้อ ก็จะมีคนขาย เราอยากจะเชื่อว่าทำได้ เราอยากจะเชื่อจริงๆ(เน้นเสียง) แต่มันทำไม่ได้ เราไม่ได้โง่ เราไม่ได้คิดไปเอง แต่เรากำลังถูกบริษัทหลอก"

การออกมา ‘เปิดหน้าชก’ กับธุรกิจที่เน้นเพียงตัวเลขในบัญชีมากกว่าสุขภาพโดยรวมของคนในประเทศ ทำให้ชายต่างชาติรายนี้ยอมรับว่าเริ่มจะกลัวขึ้นมานิดๆ เพราะเขาได้สร้างศัตรูขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ถึงอย่างไรมาร์คก็ยังยืนยันที่จะให้ความรู้แก่ประชาชนคนไทยต่อไป เนื่องจากคำสั้นๆ แค่สองพยางค์ของคนในประเทศที่แม้ไม่ใช่บ้านเกิดแต่เขาก็ยอมรับว่า “รักเหมือนบ้านเกิด” แห่งนี้ และนั่นก็ทำให้ Thai Top Fitness ของมาร์คแข็งแรง เติบโต และอบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ถ่ายภาพโดย วิวัฒน์ สาทรสวัสดิ์
.............................................

เรากำลังเข้าใจอะไรผิด!!
ต่อไปนี้คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับความเข้าใจด้านสุขภาพที่คุณอาจจะต้องทบทวนความรู้ความเข้าใจของตัวเองใหม่

1. น้ำผลไม้บรรจุกล่องพร้อมดื่มดีต่อสุขภาพ?
มาร์คบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำผลไม้บรรจุกล่องพร้อมดื่มเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากมันอาจจะมีโทษมากกว่าประโยชน์
“เมื่อเขานำผลไม้เข้ามา เขาจะเอาน้ำออกเพื่อจะลดปริมาณจะได้ส่งถูกกว่า พอเข้ามาปุ๊บเขาก็จะใส่น้ำเข้าไปอีกรอบนึง แล้วพวกวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ มันก็จะสลายไปแล้ว เขาก็เลยใส่วิตามินกับเกลือแร่เข้าไปอีกครั้งนึง ที่เราดื่มกันมันไม่ใช่น้ำผลไม้แล้ว มันคือน้ำที่มีผลไม้บ้างแล้วก็มีวิตามินใส่ มันไม่ใช่น้ำผลไม้มันคือคอกเท็ลมากกว่า”

“เราต้องทานผลไม้ตามฤดูกาล หมายความว่าถ้าไม่ใช่ฤดูแอ็ปเปิ้ลก็ไม่ต้องกิน ประมาณนั้น ตามพัฒนาการของมนุษย์ มนุษย์พัฒนามาหลายแสนปีแล้วนะ ร่างกายของมนุษย์เนี่ย ถ้าเรากินผลไม้ตลอดเวลาก็จะมีน้ำตาลสูงเกินไป เมื่อก่อน หลายแสนปี เราก็จะเจอผลไม้บ้าง กินบ้าง พอไม่ใช่ฤดูของแอ็ปเปิ้ลแล้วเราก็จะไม่กิน สมัยนี้เราแค่นำเข้ามาจากต่างประเทศแล้วเราก็กิน มันก็ทำให้เราบวมน้ำแล้วมีน้ำตาลมากเกินไป ถ้าจะกินก็ต้องดูว่ามันเป็นฤดูของผลไม้ชนิดนี้ไหม แล้วก็กินไม่มากเกินไป กินบ้างได้ แล้วถ้าจะกินก็ต้องกินตอนท้องว่างจะดีกว่าครับ ไม่ได้ห้ามกินเลยนะ น้ำผลไม้ก็กินได้บ้าง มันเหมือนกาแฟก็กินได้ แต่ห้ามกินวันละสิบแก้วนะ ต้องรู้จักความพอดี และต้องมีความหลากหลายในการกิน”

2. อาหารที่มี อย. รับรองหมายความว่าปลอดภัย?
ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าตรารับรองของ อย. ที่ย่อมาจาก “องค์การอาหารและยา” ทำให้เขาบริโภคอาหารเหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย แต่มาร์คบอกว่า อย. ก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่ทำให้คุณละเลยการพิจารณาสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง

“มันมียาตัวนึงที่ผ่าน อย. หกเดือนต่อมา อย. ก็บอกว่าเปลี่ยนใจ แล้ววันนี้เขาบอกว่าผ่าน อย. ใช่ แล้วอีกสิบปีล่ะ มียาลดน้ำหนักตัวนึงที่ อเมริกา เวิร์คจริงนะ แต่หลายคนเสียชีวิต แรกๆ มันผ่าน แต่หลังจากนั้นเขาถึงมาบอกว่าไม่ดี เขาก็เลยให้เอาออก ไม่ให้ขาย มันผ่าน อย. ไหมไม่มีความหมาย บุหรี่ก็ผ่าน อย. แสดงว่าคุณไม่ตายวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ล่ะ อย. ไม่สนใจสุขภาพคุณหรอก เขาสนใจเงินใต้โต๊ะมากกว่า”

3. กินกล้วยทำให้อ้วน?
คำถามที่พุ่งเข้ามาหามาร์คมากเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ กินกล้วยทำให้อ้วนไหม กินฟักทองทำให้อ้วนหรือเปล่า ฯลฯ ซึ่งมาร์คบอกว่าไม่มีอาหารอะไรที่ทำให้คุณอ้วน ตราบใดที่คุณไม่ได้รับเข้าไปมากกว่าที่เผาผลาญออกมา

“เราไม่ชอบมองภาพรวม เราคิดผิดตรงนี้ว่าไอ้นี่ทำให้เราอ้วนไหม ไม่ แฮมเบอร์เกอร์สิบชิ้นที่คุณกินมานั่นแหล่ะทำให้คุณอ้วน ไม่ใช่กล้วยผลนั้น เราต้องมองภาพรวมน่ะครับว่า ในทั้งวันนี้เรากินเท่าไหร่ ถ้าเรากินเยอะ เราก็คิดว่ามันเป็นเส้นหมี่ที่ทำให้เราอ้วน ไม่ใช่ มันเป็นข้าว ไม่ใช่ มันคือทั้งหมดที่เรากินไป เราต้องมองภาพใหญ่ บางคนเขาออกกำลังกายเสร็จแล้วเขาจะรู้สึกว่ากินได้แล้ว เขาจะคิดว่า เฮ้ย กินได้ไม่เป็นไร ออกกำลังกายมาแล้ว แต่การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่เราทำแล้วการกินก็ไม่ใช่ว่ากินเพิ่ม เพราะถ้าเราออกกำลังกายแล้วกินเพิ่มก็กลับมาเหมือนเดิม เสียเวลาในฟิตเนส ถ้าออกกำลังกายแล้วกินเหมือนเดิมก็ไม่มีทางผอมลง อยากให้ทุกคนมองภาพรวมทั้งหมดในหนึ่งวัน แล้วต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไป ไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียว ต้องมองทั้งหมดครับ"

…..................................................

ใครสักคนกล่าวไว้ว่า “เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชายมักจะมีผู้หญิงยืนอยู่เสมอ” สำหรับ “มาร์ค แอบบอท” ผู้หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ณ วันนี้ของเขาอาจจะไม่ได้มีคนเดียว แต่หนึ่งในผู้หญิงที่มาร์คยกย่องให้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเขาเสมอๆ คือ “แอม ภาสินี เนียรมงคล” หญิงไทยหน้าตาสวยคมที่มาร์คบอกกับใครต่อใครอย่างเต็มปากเต็มคำเสมอว่า “คนนี้คือแฟนผม”

แอมรู้จักกับมาร์คมานานกว่าสองปีแล้ว แน่นอนว่าเธอสนิทกับเขาก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นอาจารย์มาร์คผู้โด่งดังในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค และเธอก็เป็นคนที่เห็นพัฒนาการและความมุ่งมั่นของแฟนหนุ่มมาโดยตลอด ล่าสุดแอมส่งวีดีโอที่ตัวเองเป็นคนสาธิตท่าทางการออกกำลังกายออกมาให้ผู้ชมได้เห็นบ้างในชื่อ “ผู้หญิงเล่นเวท เน้นขา” ซึ่งเป็นการสาธิตท่าบริหารกล้ามเนื้อและออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง และต่อไปนี้ความในใจที่ผู้หญิงคนนี้มีต่อแฟนหนุ่มสุดฮอต และการออกกำลังกายที่สาวๆ ซึ่งอยากมีหุ่นดีหลายคนยอมรับว่า “เอาปืนมาจ่อก็ไม่ทำ”

+ เห็นแฟนเราทำวีดีโอแบนี้รู้สึกยังไงบ้าง
“ก็ดีใจที่เขาทำให้ส่วนรวม เพราะเขามีจิตใจที่อยากทำให้คนอื่น แล้วเราก็ดีใจที่แฟนเราเป็นคนดี แล้วเขาก็มีพื้นฐานจิตใจที่ดีน่ะค่ะ"

+ ปกติคุณออกกำลังกายเหมือนคุณมาร์คหรือเปล่า
“ก็ไม่เท่ากับมาร์ค เพราะมาร์คมันเกินไป (หัวเราะทั้งคู่) แอมจะดูแลเรื่องอาหารการกินมากกว่า"

+ คุณคิดอย่างไรกับผู้ชายที่ดูแลตัวเองมากๆ
"ก็ดีนะคะ แอมชอบผู้ชายที่ดูแลตัวเอง เพราะว่าเขารักตัวเองน่ะ ถ้าสมมติคนที่ดูแลตัวเองได้ดีขนาดนี้ เขาก็ต้องดูแลเราได้ดีเหมือนกันใช่ไหมคะ ผู้ชายส่วนมากเขาก็ชอบไปกินเหล้า เที่ยวกลางคืน สูบบุหรี่อะไรแบบนั้น คือมาร์คเขาไม่ทำแบบนั้น เขาก็จะดีกว่า ถ้าให้เลือกก็ต้องเลือกแบบนี้ดีกว่าค่ะ(หัวเราะ)”

+ แต่สาวๆ สมัยใหม่ไม่ค่อยชอบผู้ชายที่มีกล้ามใหญ่ไม่ใช่เหรอ
“อันนั้นมันแล้วแต่คน บางคนก็อาจจะไม่ชอบ อาจจะคิดว่ามันใหญ่ไป แต่ว่าแอมชอบ ชอบผู้ชายที่รูปร่างดี หุ่นดี มีซิคแพค"

+ คุณเคยบอกคุณมาร์คไหมว่าอย่าให้กล้ามใหญ่เกินไปนะ
"เคยมีแต่บอกว่าเล็กเกินไป บางทีไปจับแล้วจะบอกเขาว่ามาร์คมันเล็กเกินไปนะ(หัวเราะ)”

+ คุณคิดเห็นอย่างไรที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากมีรูปร่างดีแต่ขี้เกียจออกกำลังกาย
"มันก็เหมือนคนที่อยากรวยแต่ขี้เกียจทำงาน เหมือนกันเลยค่ะ ถ้าคุณอยากมีเป้าหมายที่อยากจะประสบความสำเร็จ อยากสวย คุณก็ต้องทำ ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ใช่ไปทางลัด กินยาหรืออะไรแบบนั้น เพราะคุณอาจจะสวยในวันนี้แต่พรุ่งนี้คุณอาจจะตายก็ได้ค่ะ"



โชว์ความฟิตของกล้ามเนื้อ
แอม  ภาสินี เนียรมงคล หวานใจของมาร์ค
รักกัน ต้องดูแลสุขภาพกันและกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น