“หมอโอ๊ค” ควงแม่ออกรายการ ให้สัมภาษณ์พร้อม “โอปอล์” ครั้งแรกเผยให้เห็นว่าเข้ากันได้ดี ด้านแม่ชมโอปอล์เก่ง น่ารัก หากจะแต่งงานกันก็ไม่ขัดข้อง ให้เป็นการตัดสินใจของทั้งคู่ ขณะที่โอปอล์เผยตั้งแต่คบกันมาไม่เคยปีปัญหากัน ที่ผ่านมีคนติดต่องานคู่เข้ามาเพียบ แต่ไม่ขอรับ ลั่นอยากให้โลกรู้คบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ
เปิดตัวคบหาดูใจกันอย่างเปิดเผย แต่ไม่ทั้งคู่ก็ไม่ขอร่วมงานหรือสัมภาษณ์คู่กัน สำหรับคู่ของสาว “โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ” และหนุ่ม “โอ๊ค สมิทธิ์ อารยะสกุล” ล่าสุดหนุ่มโอ๊คควงคุณแม่ “รวมจิตร อารยะสกุล” มาอัดรายการ “ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์” ที่มีสาวโอปอล์เป็นพิธีกร จึงได้ทีจับทั้งคู่มาสัมภาษณ์ร่วมกันครั้งแรก แถมยังมีคุณแม่ขงฝ่ายชายมาด้วย งานนี้คุณแม่หมอโอ๊คออกปากชมสาวโอปอล์น่ารัก สนุกสนาน
คุณแม่รวมจิตร : “โอปอล์ก็น่ารักดีค่ะ ชอบตรงที่เขาเป็นคนเก่งและร่าเริง น่ารัก เราก็เจอกันบ่อย ไฟเขียวมั้ยก็สบายๆ นะ เขาก็เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ข่าวก็คือข่าว สิ่งสำคัญที่สุดก็อยู่ที่ตัวเราเอง ว่าเราทำตัวเราดีแค่ไหน แต่ตัวคุณแม่ไม่ทราบข่าว”
โอปอล์ : “คือจริงๆ แล้ว พอเป็นข่าว อย่างที่คุณแม่บอกนะคะ เราไม่ได้รู้เลย ว่าข่าวเราดีไม่ดียังไง เราก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทุกครั้งที่เจอคุณแม่ หรือเจอคุณพ่อ ทุกอย่างปกติ คุณแม่น่ารัก ไม่มีอะไรต้องให้กำลังใจกัน ชีวิตเราดำเนินไปปกติ เราก็ไปมาหาสู่กันค่ะ”
หมอโอ๊ค : “ความสัมพันธ์เราตอนนี้ก็ดีครับ ดีที่มีอีกคนนึงที่ช่วยเราคิด ทำให้เรารู้สึกแบบไม่ว้าเหว่ แต่เรื่องแต่งงานนั้นก็คงต้องใจเย็นๆ ดีกว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ ก็คงไม่เอามาพูดเล่น”
โอปอล์ : “ขอเรื่อยๆ ก่อน เพราะว่าทำงานทั้งคู่ค่ะ อย่างเราคบหากัน เราโตแล้ว แต่ว่าเราก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่เป็นที่รับรู้อยู่ตลอด ดังนั้นมันก็เป็นเหมือนเรื่องความรักเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเรื่องแต่งงาน ตอนนี้คิดว่ามันจะไม่ค่อยปกติ”
คุณแม่รวมจิตร : “แม่ว่าการแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ดังนั้นอะไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับเขาทั้ง 2 คน”
โอปอล์ : “เราคบกันไม่มีปัญหาเลยค่ะ และช่วงที่ทุกคนคิดว่ามันเป็นปัญหา แต่ว่าปอล์กับพี่โอ๊คว่าจริงๆมันยิ่งดี เพราะมันยิ่งดีทำให้เรารู้ว่าใช่ เรายิ่งรักกันมากขึ้น”
หมอโอ๊ค : “ผมว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นคนรักครอบครัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม ก็คือคุณพ่อคุณแม่และน้อง และผมเชื่อเช่นเดียวกับน้องโอปอล์ ว่าหน้าที่การงาน ชื่อเสียงหรือะไรก็ตาม เป็นแค่สิ่งนอกกายสำหรับผม คนที่สำคัญที่สุดคือคนที่อยู่รอบตัว”
ลั่นถึงจะมีคนแอนตี้แต่กลับเป็นแรงผลักทำให้รักกันมากขึ้น แจงไม่รับงานคู่เพราะตัดปัญหาคนครหาคบกันเพื่อหางานรับทรัพย์ อีกทั้งอยากประกาศให้โลกรู้ว่าคบกับด้วยใจที่บริสุทธิ์
โอปอล์ : “พอเป็นข่าว เราก็เลี่ยงรับงานคู่ เพราะว่าเราโดนกล่าวหาว่าคบกันเพราะงาน เราก็เลยตัดปัญหา ไม่รับงานคู่เลย อย่างวันนี้มาถ่ายรายการ เพราะว่าเป็นวันแม่ และเราก็มานั่งคิดว่า มันเป็นงานที่ปอล์เป็นพิธีกร เราไม่ได้เงินเอ็กซ์ตร้าเพิ่มหรืออะไร มันเป็นความบริสุทธิ์ใจที่เรามายืนคุยกัน เรามีคุณแม่ ปอล์ก็มีพ่อแม่ พี่โอ๊คก็มีคุณพ่อคุณแม่ เรามาจากครอบครัวที่ดี ไม่มีความจำเป็นที่เราต้องโกหก”
“วันนึงคนก็น่าจะรู้เองว่าเราไม่ได้โกหก ก่อนหน้านี้เราเลยไม่รับงานคู่ และก็ไม่ว่าใครจะคิดยังไง เชื่อว่าวันเวลาจะพิสูจน์อีกที ว่าปอล์ไม่มีเหตุผลที่จะรักเขา หรือมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องถ่ายหนังสือ ปอล์ไม่ได้บอกคนอื่นไม่ดีนะคะ ปอล์กับพี่โอ๊คอยู่กัน 2 คนหรือว่าอยู่กันในภายครอบครัว มันก็ไม่เหมือนการอยู่หน้ากล้องอยู่แล้ว แต่การแสดงความรักต่อหน้ากล้อง บางทีเราก็เขิน อย่างนาทีนี้ค่อนข้างจะเขิน แต่เราก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง จริงๆค่ะ”
หมอโอ๊ค : “ใช่ครับ ในส่วนตัวของผมนะครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องความรักและความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องของคน2 คน ที่ผ่านมาผมก็พยายามยึดคตินี้มาตลอด ถ้ามีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ เดี๋ยวมีความกดดันมากจนเกินไป มันกระทบต่อความรู้สึก เพราะผมเป็นคนค่อนข้างที่จะเซนส์ซิทีฟเหมือนกันในบางเรื่อง”
“เนื่องจากว่าเรา 2 คนก็ไม่ได้ไปในลักษณะงานที่ออกคู่กันมาก มันก็เลยช่วยลดความกดดันไปได้นิดนึง ก็พยายามคิดให้เป็นเรื่องของความสุขมากกว่า ก็พยายามคิดบวก สำคัญมาก และมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่พอใจเรา ไม่ชอบเรา คิดในแง่ลบ เราก็อย่างเอาเข้ามาใจ เพราะว่ามันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเรา”
โอปอล์ : “เราก็คบกันไปแบบนี้เรื่อยๆ สบายๆ เราอยากให้โลกรู้ว่าเราไม่ได้โกหก ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหก แต่ว่าใครคิดยังไงให้คิดไปเลยวันเวลาจะบอกเอง เรื่องงานยืนยันเลยว่าไม่รับงานคู่ แล้วมันก็ไม่มีงานอะไรที่เราสามารถลิงค์กันได้ จริงๆ ไม่เกี่ยวกัน อยู่ในตึกก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ที่ผ่านมามีติดต่อเยอะและพอบอกว่าไม่รับ แล้วบอกว่าเป็นข่าวทำไม เราก็คงดูกันไปเรื่อยๆ แต่ให้รับงานอีเว้นท์คงไม่มี แฟชั่นโชว์ก็ไม่น่ามี”