xs
xsm
sm
md
lg

เปิดอก “แม่พิ้งกี้” ในวันที่ลูกสาวลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง กับความหวังจะเป็นซุป’ตาร์ ในอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แม่พิ้งกี้” เปิดอกถึงเรื่องราวมือที่สาม “เป๊ก-ธัญญ่า” ให้เป็นอดีตที่ผ่านพ้นไป ขอทุกคนอโหสิกรรมให้กัน ลั่นไม่เคยหลบหน้า เพราะไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ดีใจตอนนี้ลูกสาวงานรุม อยากให้ตั้งใจทำงาน ซักวันต้องประสบความสำเร็จเป็นซูเปอร์สตาร์

“พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ก้าวขาเข้ามาในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ทั้งถ่ายแบบถ่ายโฆษณา กระทั่งได้มาเล่นละคร “ไฟในดวงตา” ช่อง 3 และเริ่มมีชื่อเสียงในบทบาทของ “ดาวพระศุกร์” ตอนยังเด็ก กระทั่งไต่เต้ามาเป็นนักแสดงค่ายกันตนา เล่นเป็นตัวประกอบประกบนางเอกอยู่หลายเรื่อง จนกระทั่งมีโอกาสได้เป็นนางเอกเต็มตัวของช่อง 7 และเตรียมจะย้ายไปเล่นละครให้กับช่อง 3 แต่กลับเจอข่าวเป็นมือที่สามครอบครัวของ “ธัญญาเรศ-เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” จนทำให้งานสะดุด โดนแบนเพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

พอจะไปเล่นละคร “อิเหนา” ให้กับช่อง 9 ก็เจอกระแสยี้อีก จนกันตนาผู้ผลิตละครเรื่องดังกล่าว ต้องปลดพ้นละคร คราวนี้พิ้งกี้ก็เลยบินไปเรียนเต้นที่เมืองนอก เพื่อพักผ่อนสมองและหลบข่าวฉาว ก่อนจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในบทของหญิงมากผัว “ทองประกายแสด” ของช่อง 8 อาร์เอส เล่นเอาฮือฮาทั้งวงการ

ต่อจากนั้น พิ้งกี้ก็ตอกย้ำกระแสความแรง ด้วยการรับบทนางร้าย “ดีนี่” ในละคร “มารยาริษยา” ของเอ็กแซ็กท์ ที่แอ๊บแบ๊วสารพัดพิษ จนละครเรื่องดังกล่าวโด่งดังเรตติ้งพุ่งกระฉูด ล่าสุด อาร์เอสก็เรียกมารับบทนางเอก “ราชินีลูกทุ่ง” อีก เพราะติดใจในฝีมือการแสดงรสแซบของพิ้งกี้ เท่านั้นไม่พอยังมีข่าวว่า ช่อง 7 ก็เตรียมจะป้อนละครให้กับพิ้งกี้ หลังจากที่นางเอกในช่องมีแต่นางเอกเก่าหน้าเดิมๆ ที่ไม่สามารถเรียกเรตติ้งได้มากเท่าเดิม ในขณะที่นางเอกใหม่ที่เริ่มป้อนงานให้ก็ยังไม่แรงพอจะดึงเรตติ้งได้ ในขณะที่พิ้งกี้มีละครติดลมบนไปแล้วถึง 2 เรื่อง

ฟ้าหลังฝนของพิ้งกี้ในวันนี้จึงสดใสไม่ใช่เล่น ทำเอา “สุรินยา ไชยเดช” คุณแม่ของพิ้งกี้ ยิ้มหน้าบานถึงความสำเร็จของลูกสาวที่สามารถกลับมายืนในวงการนี้ได้อีกครั้ง พร้อมกับเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ว่า ไม่แคร์กับสายตาใครมอง เพราะไม่ได้ไปฆ่าใครตาย และขอให้อโหสิกรรมให้แก่กัน

“ตอนนี้น้องก็มีงานละครเยอะขึ้น ทำงาน 7 วันเลย มารยาริษยา ใกล้จะปิดกล้องแล้ว และก็ราชินีลูกทุ่ง ของช่อง 8 เราล้มแล้วก็ต้องลุก ยังไงก็ต้องลุกให้ได้ นี่มันเป็นอาชีพของเขา เป็นอาชีพที่ถนัด ก็ไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไรนอกจากอาชีพนักแสดง เพราะฉะนั้นเมื่อคนยังให้โอกาส ให้การต้อนรับ เราก็ต้องแสดงฝีมือให้สุดๆ”

“แต่เอาจริงๆ แล้วที่ผ่านมาก็ไม่มีใครแบนเรานะ ตอนที่ไปช่อง 3 นาย (ประวิทย์ มาลีนนท์) คุณสมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) ก็อ้าแขนรับเราตลอด พี่ปิ่น (ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์) ก็ดีกับเรา เขาไม่ได้มาถอนสัญญา แต่แม่นี่แหละเป็นคนไปถอนสัญญาออกจากเขาเอง อันนี้ด้วยความสัตย์จริงเลย เพราะแม่ไม่อยากให้ทางช่อง 3 เขาเดือดร้อน เพราะมันมีเรื่องเข้ามาทุกวัน เราถอนออกมาเพื่อมาตั้งตัวรับมือกับทุกอย่างก่อน”

“แต่ที่โดนถอนจริงๆ ก็คือ เรื่องอิเหนา อันนี้เราก็ไม่ได้โกรธหรืออะไรพี่ตุ๊กตา(จิตรลดา ดิษยนันทน์) นะ เพราะพี่ตุ๊กตาก็เหมือนแม่กี้เห็นกี้มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พอเขาถอนเราก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เข้าใจความเห็นของผู้ใหญ่ เราก็ถอยออกมา ก็ให้กี้ไปเรียนเต้นที่เมืองนอก ให้เขาไปค้นหาโลกกว้างเสียเงินเยอะก็ไม่เป็นไร เขาจะได้สบายใจ แต่สุดท้ายก็ยังมีเรื่องอีก (มีคลิปเสียงหลุดออกมารอบ 2?) ก็ไม่รู้อะไรนักหนา มันไม่จบไม่สิ้น มันเป็นเรื่องเก่าๆ ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แบบนี้”

“พอเป็นข่าวเยอะๆ ไปไหนมาไหนก็อาจจะมีคนคิดโน่นคิดนี่ไป แต่แม่ไม่แคร์สายตาใครจะมองยังไง ความคิดคนแม่ห้ามไม่ได้ แต่แม่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ที่ผ่านมาไม่เคยเก็บตัว ไม่เคยหลบ ไม่เคยหนี อยากจะไปกินข้าวที่ไหนก็ไป ไปเมืองนอกก็ไปตั้งหลายเดือน มันจะหลบทำไม แม่ไปฆ่าใครตายเหรอ ใครมองมาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เราใช้ชีวิตอย่างปกติ แต่ไม่รู้ยังไงมันมีข่าวทุกวัน บางทีนอนอยู่บ้านกลับมีข่าวว่าพิ้งกี้ไปเชียงใหม่”

“แต่ก็โชคดีที่ทางอาร์เอสให้โอกาสเล่นเรื่องทองประกายแสด ซึ่งเรตติ้งดีมาก กระฉูดเลย ต่างจังหวัดงี้ดูกันเต็ม เคเบิลต่างจังหวัดกินขาดหมด เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีคนมาทักพิ้งกี้ป้าดูทองประกายแสดนะ เรียกว่า คนต่างจังหวัดไม่มีใครไม่รู้จักพิ้งกี้ ทุกคนบอกต้องเล่นละครต่อนะ เขาจะให้กำลังใจให้พิ้งกี้ทำงาน”

“มายาริษยา นี่ก็เรตติ้งดีมาก ไปไหนก็มีแต่คนพูดถึง บทมันส่ง สองเรื่องนี้บทแรงมาก หลายๆ คนอาจจะคิดว่ากลับมาคราวนี้เล่นแต่บทแรงๆ จริงๆ มันเป็นเรื่องของการทำงานที่เราจะต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นนักแสดงไม่ใช่ว่าต้องเล่นแต่นางเอก นักแสดงมันต้องเล่นได้ร้อยแบบ ไอ้บทง๊องแง๊งถักเปียต๊องแต๊งมันเล่นมา 30-40 เรื่อง เราจะต้องเล่นอะไรที่มันยากขึ้นไปเรื่อยๆ พิ้งกี้ไม่ได้ตั้งใจหวือหวา แต่ผู้จัดก็คงเห็นว่าพิ้งกี้จะตีบทนี้ได้ และพิ้งกี้ก็พร้อมจะพัฒนาฝีมือ ซึ่งฟีดแบคที่ออกมาก็คุ้มค่ากับสิ่งที่พิ้งกี้ตั้งใจแสดง”

ขออโหสิกรรม ให้เรื่องราวที่ผ่านมา ต่อไปนี้ต่างคนต่างดูแลตัวเอง ครอบครัวใครก็ต้องดูแลเอาเอง อย่าโทษฟ้าโทษดิน

“แม่อยากจะบอกว่า สิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพิ้งกี้ หรือใครก็ตาม เราจะต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีชีวิตของตนเอง เราต้องปรับตัว อะไรที่มันนั่นก็ขอให้มันผ่านไป และมาตั้งสติว่า แต่ละคนควรจะทำตัวแบบไหน พิ้งกี้ก็มีหน้าที่การงานกลับมาเล่นละครไปแล้ว 3 เรื่อง วันหนึ่งนอนแค่ 3-4 ชั่วโมง ตื่นตั้งแต่ตี 5 เลิกงานเที่ยงคืน พิ้งกี้ทำแต่งานทุกคนก็เห็น”

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ครอบครัวของใครก็ต้องไปดูแลกันให้ดี มันต้องช่วยเหลือตัวเองน่ะ อย่าโทษดินโทษฟ้าโทษมหาสมุทรเลย แต่ละคนก็ต้องดูแลกันไป แต่ไม่อยากจะพูด พูดมากไปเดี๋ยวก็มีเรื่องอยู่นิ่งๆ ดีกว่า แม่จะสอนพิ้งกี้ให้นิ่งตลอด อย่าไปพูดอะไรเลย อันไหนที่เราผิดพลาดล่วงเกินซึ่งกันและกันมา เราก็อภัยให้กันไป อโหสิกรรมให้กันไป มันต้องอภัยให้กันจริงๆ”

“แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เราก็ผ่านมันมาอย่างยากลำบากเหมือนกัน เราต้องใช้เวลาพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้มันเกิดกับชีวิตทุกคนได้ ไม่อยากพูดแล้ว พูดไปก็มีเรื่อง เอาให้จบแค่นี้แล้วกัน (ไม่พูดนี่แปลได้หลายอย่าง ไม่อยากมีเรื่อง กับ ยอมรับ?) แล้วจะไปประกาศให้มันตายกันไปหมดเหรอ แค่คำพูดคำเดียวมันวินาศหมดนะ จะไปกระแหนะกระแหนก็ไม่เอา ไม่อยากจะพูดถึงเขา”

“แม่จะบอกพิ้งกี้ตลอดว่าอย่าไปพูดถึงเขา ถ้าเราไม่นิ่งมันจะไปข้างหน้าไม่ได้ เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่อง นักข่าวมีความลับไหม มีเรื่องส่วนตัวไหม หรือว่าคุณจะต้องเล่าทุกเรื่องให้เพื่อนๆ นักข่าวคุณฟัง มันก็มีบางเรื่องที่พูดลำบาก บางเรื่องมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่เราต้องเก็บไม่ใช่ต้องมาพูดๆ”

“มันเหมือนกับเรื่องในครอบครัว บางอย่างมันก็ต้องเก็บ ไม่ต้องไปประกาศให้ชาวบ้านเขารู้หรอก คนคิดดีกับเรามีคนคิดไม่ดีกับเราก็มี การใช้ชีวิตเรื่องดีไม่ดีมันต้องเก็บไว้ ไม่ต้องไปประกาศ บางอย่างมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งเรื่องผัวๆ เมียๆ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากสำหรับชีวิตการปกครองครอบครัว เราพูดโป้งๆ ไปมันก็กระทบเขา”

เป้าหมายต่อไป ซูเปอร์สตาร์

“เอาเป็นว่าชีวิตของพิ้งกี้ตอนนี้โอเคขึ้นแล้ว น้องมีงานทำตลอด 7 วัน เป็นสิ่งที่แม่ดีใจมาก ดีใจที่เขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก พิ้งกี้อยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนที่พอตัว โยนงานมาไม้ไหนเขาก็ทำได้ เขามีฝีมือหลายๆ ด้าน แสดงได้ ร้องเพลงได้ เต้นได้ เรียกว่าไม่ต้องไปเป็นภาระให้ใคร”

“ในวันนี้ที่พิ้งกี้ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง แม่อยากจะให้เขารักษาตรงนี้ไว้ และทำงานให้ออกมาดีที่สุด ยืนแล้วก็ต้องตั้งใจทำงานอย่าไปหลงตัวเอง เขาให้เล่นเป็นตัวอะไรก็ต้องทำให้ได้ ต้องพัฒนาฝีมือนักแสดงเพราะนักแสดงต้องอยู่ด้วยฝีมือไม่ได้อยู่ด้วยข่าว พิ้งกี้อยู่วงการนี้มา 19 ปีแล้ว ก็ถือว่าพออยู่ได้”

“โอกาสชีวิตคนมันไม่เหมือนกัน บางคนเล่นละครแค่เรื่องเดียวแต่ดังมาก มีโฆษณาเข้ามาเป็นร้อยล้าน มันก็เป็นช่วงเวลาของเขา แต่มันอาจจะไม่ใช่ช่วงของเรา กว่าที่เราจะประสบความสำเร็จอาจต้องใช้เวลา 10-20 ปี พิ้งกี้อาจจะมาประสบความสำเร็จก็ได้ มันก็ต้องใช้เวลาถึงแม้เราจะใช้เวลาในวงการนี้มานานแล้ว แต่เราก็ต้องรอมัน วันนั้นต้องเป็นวันของเรา อย่าลดละในการตั้งใจทำงาน แม่ค่อนข้างมั่นใจในฝีมือเขานะ ซักวันเขาต้องประสบความสำเร็จ”

“แต่ทุกอย่างคงต้องใช้เวลา เพราะที่ผ่านมาพอเป็นข่าวเยอะทำให้เราพลาดงานหลายๆ อย่าง อย่างพรีเซ็นเตอร์โฆษณานี่ชวดไปหลายตัวเลย เป็นข่าวไม่ดี เขาจะเอาไปทำอะไรล่ะ แต่ตอนนี้เริ่มดีแล้ว เริ่มมีพรีเซ็นเตอร์ติดต่อเข้ามาแล้ว แต่แม่ขอดูทิศทางลมก่อนว่าจะยังไง ขอให้ได้ซักตัวสองตัวก็บุญแล้ว ค่อยๆ ดูไปไม่ต้องคิดอะไรมาก”

เข็ดเรื่องผู้ชาย ต่อไปใครจะเข้ามาหา “พิ้งกี้” ต้องเป็นคนที่จะมาเป็นสามีเท่านั้น

“เข็ดมาก..... ผู้ชายคนต่อไปที่จะเข้ามาหาพิ้งกี้จะยาก แม่กลัวจริงๆ กลัวมาก แม่ต้องระมัดระวังทุกๆ อย่าง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คนที่จะเข้ามาจากนี้จะต้องเป็นคนที่ใช่จริงๆ ที่ผ่านมามันเหมือนชีวิตวัยรุ่น อย่างตอนที่คบกับอั้ม(อธิชาติ ชุมนานนท์) เขาก็ยังเป็นเด็กพึ่งเป็นสาว พอเลิกกันไปก็เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ได้เคยโกรธกัน เขาอาจจะทัศนคติไม่ตรงกัน เขาก็มีสิทธิ์เปลี่ยน เขาจะมาดักดานอะไร จะมาทนอะไร กี้อาจจะยังเด็กเกินไป อั้มอาจจะโตไปก็จบ”

“กับสงกรานต์ (สงกรานต์ เตชะณรงค์) เขาเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไม่ถึงขั้นรัก ยังไม่ได้รักอะไรกัน แค่คุยกันกินข้าวด้วยกัน เขาไม่ได้คิดอะไรกัน ก็เป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไปตีความกันว่าเป็นความรัก ทั้งที่มันยังไม่ได้เกิดเป็นความรักเลย”

“ถ้าจะมีใครเข้ามาอีกแม่มองว่าอยากให้แต่งงานไปเลย ไม่ได้คิดแค่เรื่องมาจีบกันแล้ว มันพ้นเรื่องการจีบไปแล้ว แบบนั้นไม่ได้แล้วมันเสียเวลาเรา ถ้าจะไปกินข้าวกับเขา จะให้เบอร์โทรศัพท์เขา คนนั้นจะต้องเป็นคนที่ใช่ จะไม่มีการเล่นๆ ตอนนี้เบอร์โทรศัพท์กี้นี่ต้องผ่านแม่ก่อนเลย ใครโทร.เข้ามาเจอแม่ก่อนต้องสกรีนก่อน”

“ถ้าได้คนอิสลามเหมือนกันก็ดี เพราะประเพณีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาเรื่องศาสนา แต่ถ้าเขาจะไปคุยกับใครก็เป็นการตัดสินใจของเขา แต่สิ่งที่แม่ต้องการคือ จะต้องเป็นคนที่มีน้ำใจ น้ำใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่ซื้อหากันไม่ได้ ถ้าได้คนขี้เหนียว 5 บาท 10 บาท มานั่งคิดแบบนี้ไม่เอาน่ะ ถ้ารักลูกเราก็ต้องรักครอบครัวเราด้วย เพราะถ้าเขาเข้ามาในชีวิตพิ้งกี้ แม่ก็ต้องรักเขาเหมือนลูกเช่นกัน ฉะนั้น ถ้าเขาจะรักพิ้งกี้ ก็ต้องรักพ่อแม่พิ้งกี้ด้วย ไม่ใช่แบบพ่อแม่ไม่เอาอ่ะ อย่างงั้นก็ฝันไปเหอะ”(หัวเราะ)


ขอบคุณภาพจาก Slimming
กำลังโหลดความคิดเห็น