xs
xsm
sm
md
lg

“อนันดา– โดนัท” แทงกั๊กรักประสา “ติสท์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อพระเอกหนุ่มสุดติสท์ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” กับสาวที่ติสท์แตกไม่แพ้กันอย่าง “โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล” พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคน เพราะต่างฝ่ายต่างแทงกั๊กบอกว่าเพื่อนแต่พฤติกรรมไม่ใช่ อีกทั้งยังพูดเป็นนัยๆ ว่าความสัมพันธ์มีโอกาสพัฒนาจากเพื่อนไปเป็นอย่างอื่นได้เสมอ งานนี้บรรดาคนเสพข่าวบันเทิงเริ่มนั่งไม่ติด เพราะกระแสเชียร์ว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาแรงจนหลายคนลุ้นให้ทั้งสองออกปากยอมรับเสียที

ความสัมพันธ์ระหว่างบักจ่อย “อนันดา” กับนางเอกสาว “โดนัท” ที่ในเบื้องหน้าหลายคนรู้สึกว่าทั้งคู่โคจรอยู่บนถนนคนละเส้นกันอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายชายแสดงแต่ภาพยนตร์สไตล์อาร์ตจ๋า ส่วนฝ่ายหญิงก็อยู่ในแวดวงละครทั้งก่อนข่าวและหลังข่าว แต่คนที่ได้รู้จักสาวโดนัทจริงๆ จะรู้ว่าสาวศิลปศาสตร์ มศว รายนี้จะหลงใหลงานศิลปะหัวปักหัวปำ ว่างเว้นจากงานแสดงเป็นต้องตระเวนดูงานศิลปะ ฟังเพลง และเสพหนังอาร์ต และเพราะหนังอาร์ตนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โดนัทได้รู้จักกับอนันดา

เมื่อสามปีก่อน”โดนัท มนัสนันท์” มีโครงการจะทำหนังสั้น ของตัวเองเพื่อส่งไปประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนิทสนมกับอนันดามากเป็นพิเศษ ช่วงนั้นอนันดายังคบหาอยู่กับนางแบบทรงเสน่ห์ “จี๊ด แสงทอง เกตุอู่ทอง” แต่เป็นช่วงปลายๆ ของความสัมพันธ์แล้ว

ตอนนั้นคนในวงการที่ริจะทำหนังเป็นของตัวเองจะมีชอยส์นักแสดงในหัวอยู่ไม่มากนัก หนึ่งในนั้นก็คือ “อนันดา” เป็นที่รู้กันว่าถ้าบักจ่อยถูกใจหนังเรื่องไหน เขายินดีเล่นให้แบบไม่เรียกค่าตัวแพง หรืออาจจะไม่คิดค่าตัวเลยด้วยซ้ำถ้าหนังเรื่องนั้นโดนใจเขาจริงๆ และทางผู้สร้างมีทุนไม่มากนัก เมื่อโดนัทจะทำหนังรักไปประกวดเธอวางตัวอนันดาให้มาแสดงคู่กับ “นุ่น สินิทรา บุญยศักดิ์” ผลพวงของการทำงานร่วมกันในครั้งนั้นทำให้โดนัทตกเป็นข่าวว่าฉกอนันดามาจากอ้อมอกของจี๊ดเลยทีเดียว

แต่วันนั้นไฟรักของทั้งคู่ยังไม่สปาร์กติดเท่าในวันนี้ หลังจากที่ได้ทำความรู้จัก และพูดคุยเรื่องการทำหนังกันมาเรื่อยๆ วันนี้ อนันดาที่ทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายไปนู่นไปนี่เรื่อยเปื่อยประสาหนุ่มโสด แม้จะเคยบึ่งมอเตอร์ไซค์แว้นไปขายขนมจีบสาวเจ้าของร้าน Salad Concept ที่เชียงใหม่อยู่ระยะหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดความสัมพันธ์ก็ไม่เดินเข้าสู่พรมแดนที่เรียกว่าแฟนสักที ผู้สันทัดกรณีฟันธงว่าแม้สาวเชียงใหม่รายนั้นจะหน้าตาดี มีชาติตระกูล แต่เมื่ออนันดาใกล้ชิดสนิทสนมเข้ามากๆ แล้วเขากลับพบว่าทัศนคติของเขากับเธอไม่สอดคล้องกัน และนั่นก็ทำให้ทั้งคู่เริ่มถอยห่างออกมาโดยที่ยังไม่ได้ปักหมุดความสัมพันธ์ที่คำว่า “แฟน” แต่อย่างใด

มาวันนี้ โดนัทกลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกับอนันดาอีกครั้ง เพราะฝ่ายหญิงกำลังต้องการจะสร้างหนังเรื่องยาวเรื่องแรกของตัวเองขึ้นมา ซึ่งอนันดาก็คือชอยส์แรกที่ผุดขึ้นในใจของโดนัทเมื่อเธอมองหาพระเอก แถมครั้งนี้อนันดายังมีสถานะโปรดิวเซอร์เพิ่มขึ้นมาอีกตำแหน่ง งานนี้หนุ่มติสท์สาวติสท์เลยได้ใกล้ชิดและพูดคุยกันมากกว่าเดิม

เมื่อสาวเจ้าชวน อนันดาก็ตกลงปลงใจบินไปหาโดนัทถึงสหรัฐอเมริกา ถิ่นแดนที่โดนัทกำลังเรียนทางด้านศิลปะเป็นคอร์สสั้นๆ อยู่ อนันดาอ้างว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เดินทางไปเที่ยวและคุยเรื่องงานกับโดนัท แต่หลังจากนั้นทั้งสองก็ตัวติดหนึบ ไม่เพียงแต่อเมริกา แต่ยังลามไปถึงที่สนามบินไทเป ที่ศูนย์การค้าชื่อดังในกรุงเทพฯ และล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีคนเห็น “โดนัท - อนันดา” เดินอยู่ที่เกาะสมุย ซึ่งทุกที่ที่ทั้งสองปรากฏตัวร่วมกัน ผู้พบเห็นยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “สวีตเว่อร์”!!

หลายครั้งที่มีคนเห็นอนันดากับโดนัทเดินจับมือกัน ลำพังแค่เพื่อนคงไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน แต่ทั้งสองก็ยังพูดถึงเรื่องนี้แบบแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่พูดถึงสถานะความสัมพันธ์แบบฟันธง ปล่อยให้คนที่รู้ข่าวเชียร์จนตัวโก่ง โดยอนันดาพูดถึงเรื่องที่มีคนเห็นเขาเดินจูงมือโดนัทว่าถ้าเห็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ส่วนโดนัทบอกว่ายังตอบไม่ได้เพราะไม่ได้เห็นภาพนั้น

อนันดากับโดนัทให้การตรงกันว่าเธอและเขาทะเลาะกันบ่อยมาก โดยเฉพาะเรื่องงานหนังที่กำลังจะทำร่วมกันนี้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีอีโก้ อนันดาบอกว่าโดนัทเป็นสาวที่ดื้อที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก ส่วนโดนัทก็ยอมรับว่าคุยกันทุกวัน ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ที่คุยกันก็คือเรื่องที่ทะเลาะกันนั่นเอง

อุ๊ยตาย!! เข้าข่ายละครไทยเสียจริงๆ แรกๆ ทะเลาะกัน มีปากมีเสียงจิกกัดไม่ลงรอยกัน แต่สุดท้ายก็รักกัน

แบบนี้มีหรือที่ใครจะไม่เชียร์ ฝ่ายชายหล่อ ฝ่ายสาวสวย แถมยังติสท์แตกไม่แพ้กันแบบนี้ งานนี้เหลือเพียงแค่ให้ทั้งคู่ยอมรับออกมาเองว่ากำลังคบหากันอยู่ แต่ใครจะไปรู้ว่าคำตอบงงๆ วนๆ และแทงกั๊กแบบนี้อาจจะเป็นการออกมายอมรับว่าเป็นแฟนกันแล้วของคู่ติสท์คู่นี้ก็เป็นได้
..................................................................

ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 139 วันที่ 2 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กำลังโหลดความคิดเห็น