xs
xsm
sm
md
lg

สงครามนางเอก “อั้ม” VS “ชมพู่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อั้ม” พัชราภา  เด็กช่อง 7 สี
จริงหรือไม่!? ที่ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ กับ “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต ไม่กินเส้นกันถึงขนาดไม่ยอมแชะรูปคู่กัน และไม่ยอมขึ้นเวทีเดียวกัน แม้ที่ผ่านมาอาจจะมีงานอีเวนต์ที่ชมพู่อ้างว่า “เคยถ่ายรูปร่วมกันไปหลายเฟรมแล้ว” … แต่นั่นเป็นภาพที่ยอมทำเพื่อเงินที่ถูกว่าจ้างมากกว่า!!
สมัยอยู่ช่อง 7 สีด้วยกัน พัชราภาไม่เคยพูดถึงนางเอกรุ่นน้องร่วมช่องคนนี้เลย และวันนี้เมื่อรัศมีของชมพู่เจิดจรัสที่ช่อง 3 ในฐานะนางเอกแถวหน้า คำว่า “พี่” ที่เธอเคยเรียกเมื่อวานซืนก็หายไป คงเหลือแต่คำว่า “อั้ม” เฉยๆ ความเปลี่ยนแปลงนี้...แม้จะไม่ถึงขั้นประกาศสงคราม แต่ก็บอกนัยบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่

ความเปลี่ยนไปของนางเอกคู่นี้ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ - “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นที่พูดถึงมากขึ้นทุกที นับตั้งแต่ชมพู่เริ่มก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกในระดับซุป’ตาร์ ทางช่อง 3 เรื่องมาโชยให้ได้กลิ่นเมื่อคอลัมน์ “คลื่นรบกวน” หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 20 / 2 / 55 เขียนเนื้อข่าวสั้นๆ ประกอบรูปอั้มเอาไว้ว่า

“ไม่รู้ว่าเพราะเคยดองเลยมองหน้าไม่ติด หรืออยู่คนละวิก อั้ม พัชราภา กับ ชมพู่ อารยา เลยไม่ยอมร่วมเฟรมกันในงานสยามบันเทิง!”

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายพยายามสงวนท่าทีว่าไม่มีอะไร ทั้งที่ความเป็นจริงคนใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าคู่นี้พยายามข่มกันสุดๆ!! งานนี้จึงทำให้บรรดาแฟนคลับกองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายที่เคยฮึ่มๆ ใส่กันมาโดยตลอดพากันดาหน้าออกมาปะทะตรงผ่านแป้นคีย์บอร์ด

เด็กค่าย VS เด็กช่อง
เส้นทางการก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกของทั้งคู่นั้นเรียกว่า “ต่างกรรมต่างวาระ” อั้มได้รับการทาบทามให้เซ็นสัญญาเป็นนางเอกของช่อง 7 สีตั้งแต่เข้าวงการ ส่วนชมพู่ที่แสดงละครให้แก่ช่อง 7 นั้นเซ็นสัญญาอยู่กับค่ายดาราวิดีโอมาตั้งแต่แรกจนวันสุดท้าย ในแง่ศักดิ์ศรีแล้ว “เด็กช่อง” กับ “เด็กค่าย” ย่อมต่างกัน ชมพู่มาในช่วงที่อั้มเจิดจรัสเปล่งประกายเป็นนางเอกสุดฮอตเบอร์หนึ่งงานชุกของช่องแล้ว เวลาเดียวนั้น เทรนด์ใบหน้าและสไตล์แบบลูกครึ่งอย่างชมพู่ไม่เป็นที่นิยมของช่อง 7 สี มิหนำซ้ำชมพู่ก็ยังไม่เอานม-ก้นออกมาขายเหมือนนางเอกรุ่นพี่ ลุคแรกของชมพู่จึงเป็นสาวประเภท “สวย รอด ปลอดภัย” งานละครของชมพู่เมื่อแรกนั้นยังขาดความโดดเด่น และไม่ได้อยู่ในชั้นเดียวกับ “อั้ม” พัชราภา” และความห่างชั้นต้องเรียกว่า “หลายขุม” นานๆ จะมีละครหลังข่าวหลุดออกมาสักเรื่อง โดยมากเป็นละครประกบ และละครเย็นก่อนข่าวมากกว่า ความต่างกันนี้ทำให้อั้มไม่เคยกล่าวถึงชมพู่เลย พูดง่ายๆ คือ “เธอกับฉันคนละชั้น” นั่นเอง

จากนางเอกจอแบน!! ชมพู่ถูกนิตยสาร “ดิฉัน” พาไปโกยนม นุ่งสั้น แหกแข้งแหกขา ทำท่ายั่วยวนด้วยคอนเซ็ปต์แฟชั่น “มาริลีน มอนโร” ภาพลักษณ์ใหม่นี้เรียกเสียงวี้ดวิ้ว และได้รับการพูดถึงมาก และนั่นคือจุดเริ่มที่พลิกชีวิตของชมพู่จากหน้ามือเป็นหลังมือมานับแต่นั้น

ความเซ็กซี่นี้ไม่ใช่แต่ชมพู่ที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองในเรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัว ยังมีนางเอกคนอื่นๆ ที่พยายามนำเสนอเจริญรอยตามถึงขั้นวัดรอยเท้า “อั้ม-พัชราภา” กันเป็นแถว

ละครที่ชมพู่ประสบความสำเร็จมาก คือ ละครเรื่องสุดท้ายที่เล่นให้กับช่อง 7 สีเพื่อทิ้งทวนในบทนางร้ายจากละครเรื่อง “ดาวเปื้อนเดือน” ของค่ายโพลีพลัส ส่งผลให้ชมพู่ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมเมื่อปี 2551

เมื่อชมพู่ถูกทาบทามให้ไปเป็นนางเอกของช่อง 3 ในช่วง 2-3 เรื่องแรกที่ทำงานกับช่อง 3 แม้จะเป็นที่พูดถึงบ้างแต่ไม่มาก ช่วงประสบความสำเร็จสูงสุดนั้น เริ่มมาจากไฟโชนแสง, รหัสทรชน, ดอกส้มสีทองและเมียแต่ง ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเธอได้รับการไต่เต้าเป็นนางเอกแถวหน้าของช่อง 3 ในระยะเวลาอันสั้น และน้อยคนที่ย้ายจากช่อง 7 สีไปช่อง 3 จะทำได้เสมอเหมือน

ถ้าวัดกันในแง่ศักดิ์ศรีของนางเอกแล้ว ชมพู่ ณ วันนี้ไม่ใช่ “ตัวรอง” เหมือนสมัยที่อยู่ช่อง 7 อีกต่อไป
แต่ไม่ว่าใครจะพยายามจับนางเอกสุดฮอตทั้งคู่มาชนกันอย่างไร ทั้งสองก็ยังสงวนท่าทีไม่เคยมาชนกันให้เห็นจะจะเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ในระยะแรกที่ชมพู่เริ่มปฏิวัติตัวเอง เริ่มมีคนสังเกตได้ว่า อีเวนต์งานไหนที่จ้างเธอให้ไปออกแล้วมี อั้ม พัชราภามาเป็นฟินาเลต์ ชมพู่มักจะเลือกเฟ้นชุดที่จะสวมใส่เป็นพิเศษชนิดไม่ยอมน้อยหน้า ซึ่งชมพู่ในช่วงนั้นบอกว่าไม่อยากให้เอาเธอไปเปรียบเทียบ เพราะเธอยกให้ “พี่อั้ม” เป็น “นางเอกเซ็กซี่ตัวแม่” แต่หลังจากที่ชื่อเสียงของชมพู่เริ่มไต่ระดับขึ้นมาจนอยู่ในจุดที่เรียกว่าซุป’ ตาร์เช่นเดียวกับอั้ม ชมพู่ก็ไม่ปริปากพูดถึงอั้มอีกเลย

ยกแรก สงคราม Sexy Star - ผู้ชนะ : “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ
หากพูดถึงความเซ็กซี่ อั้มนั้นเดินบนเส้นทางสายนี้มาตั้งแต่นมชมพู่ยังไม่ตั้งเต้า และนั่นก็ทำให้ทุกเวทีของการมอบรางวัลสาวเซ็กซี่จะต้องมีชื่อของอั้ม พัชราภาติดในลำดับต้นๆ อยู่เสมอ แน่นอนว่าอั้มเคยก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกสุดเซ็กซี่อันดับหนึ่งของการจัดอันดับสาวเซ็กซี่ของนิตยสารชื่อดังทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น FHM หรือ Maxim

แต่หลังจากชมพู่ตัดสินใจเบนเข้ามาสู่เส้นทางเซ็กซี่บ้างนั้น ความสดใหม่และหลากหลายของเธอก็ทำให้อั้มหนาวๆ ร้อนๆ ยิ่งอั้มตกเป็นรองเรื่องของสังขารด้วยแล้ว ชมพู่ก็จัดได้ว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับเธอไม่ใช่น้อย ระยะหลังงานประกาศผลสาวเซ็กซี่ของนิตยสารหรือสื่ออื่นๆ ที่อยากจะเชิญอั้ม พัชราภาไปร่วมงานโดยที่ชมพู่ได้รับรางวัลก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการยกพัชราภาไว้บนหิ้ง โดยตั้งรางวัล “เซ็กซี่ตลอดกาล” ขึ้นให้แก่เธอ เพราะถ้าไม่มีถ้วยโล่อะไรมอบให้เธอ อย่าหวังว่าอั้มจะไปร่วมงาน

แต่ถ้าเทียบกันชนิดปอนด์ต่อปอนด์ก็ต้องยอมรับว่า แม้สังขารจะร่วงโรยไปตามวัย แต่บุญบารมีที่อั้มสั่งสมมาโดยตลอดก็ถือว่าผลงานของเธออยู่ในขั้นคลาสสิกขึ้นหิ้ง และมีคุณภาพโดยรวมที่เข้าท่าเข้าทางกว่าชมพู่ที่แม้จะสดใหม่แต่ก็ยังต้องควานหา “ความลงตัว” ไม่เจอ แม้อั้มจะเริ่มออกทะเลแต่งหวือหวากลาดเกลื่อนเรี่ยราดไปกับชุดที่ไร้รสนิยมในระยะหลังบ้าง แต่ผลบุญที่เธอสั่งสมมาในระยะแรกก็ทำให้อั้มเอาชนะชมพู่ไปในยกแรกแบบเฉียดฉิว

ยกที่สอง สงครามว่าที่คู่ครอง - ผู้ชนะ : “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต
เรื่องแฟนหนุ่มข้างกายของทั้งสองซึ่งบังเอิ๊ญ บังเอิญเหลือเกินที่อดีตแฟนหนุ่มของสาวอั้มอย่าง “โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์” นั้นเป็นน้องชายแท้ๆ ของ “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” แฟนหนุ่มของชมพู่ และนั่นก็ทำให้สองนางเอกสาวถูกนำมาเปรียบมวยกันอีกครั้งในฐานะสองนางเอกว่าที่สะใภ้ตระกูลรังษีสิงห์พิพัฒน์ ซึ่งจัดว่า “รวยเข้าขั้น”

อั้มและชมพู่เริ่มต้นความรักกับสองพี่น้องในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ความรักของสาวอั้มดูจะหวือหวาและเป็นข่าวเยอะกว่าตามสไตล์อั้ม แม้ความเจ้าชู้ของสองพี่น้องโน้ต-น็อตจะไม่แพ้กันก็ตาม แต่ความเหวี่ยงวีนและยอมไม่ได้สไตล์อั้มก็ทำให้เธอเป็นข่าวรายวันเรื่องหนุ่มโน้ต ทั้งเรื่องที่ไปวีนกะเทยเอ็มมี่ที่โน้ตเคยแอบไปกิ๊กด้วย ตลอดจนการรักๆ เลิกๆ ระหว่างเธอกับโน้ตซึ่งนำมาสู่การเลิกรากันอย่างถาวรในเวลาต่อมา

ส่วนชมพู่นั้นนิ่งและสงบสยบความเจ้าชู้ได้อยู่หมัดกว่า นานๆ ทีจะเห็นเธอออกงานกับน็อต แฟนหนุ่ม และความนิ่งของเธอทำให้ความรักยืนยาวและต่อเนื่องมาจนได้อยู่ในตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้ตระกูลรังษีสิงห์พิพัฒน์ไปในที่สุด

ยกสุดท้าย สงครามแฟนคลับ - ผู้ชนะ : ไม่มี
ยกนี้มันสะเด่า เพราะมีบรรดาแฟนคลับแม่ยกเป็นตัวตีกันเองชนิดที่สองสาวไม่ต้องเหนื่อยแต่อย่างใด เวทีหลักๆ ที่บรรดาแฟนคลับใช้เป็นพื้นที่โจมตีกันก็คือเว็บไซต์ชื่อดังอย่างพันทิป ที่วันดีคืนดี อั้ม อาร์มี ก็จะออกมาตั้งกระทู้เชียร์นางเอกในดวงใจ ก่อนที่ชมพู่เอฟซีจะตามเข้ามาถล่ม หลังๆ ต่างฝ่ายเริ่มรู้แกวใช้กลวิธีตั้งกระทู้เปรียบมวยกันโต้งๆ โดยเฉพาะไฟต์ล่าสุดเหตุเกิดที่งานสยามบันเทิง เมื่ออั้มกับชมพู่แต่งตัวสวยมาร่วมงานเดียวกัน แม้จะไม่ยอมแชะภาพเฟรมเดียวกัน แต่แฟนคลับก็นำภาพของทั้งคู่มาตัดประกบกันแล้วเปิดให้โหวตซึ่งๆ หน้า

ผลปรากฏว่า อั้ม อาร์มีที่มีจำนวนมากกว่าในเว็บดังกล่าวเอาชนะไปได้อย่างขาดลอย แต่ก็ตามมาด้วยดรามาร้อนๆ จากสองฝ่าย ฝั่งแฟนอั้มที่เรียกชมพู่ว่า “อีตุ๊กตาบลายด์หน้าผี” จิกการเลือกชุดมางานของชมพู่ว่าสะเหล่อโลว์คลาส และย้ำว่าชมพู่จงใจสวมชุดมาให้เด่นกว่าอั้ม

ส่วนฝ่ายแฟนชมพู่ซึ่งเรียกอั้มว่า “ป้าเถิกคูโบต้า” ก็ชี้ให้เห็นว่าอั้มสังขารร่วงโรยลงไปเยอะขนาดไหน นอกจากนั้นก็กัดการเลือกชุดเพลย์เซฟของสาวอั้มว่าชีไม่กล้าจะฉีกขนบเดิมๆ ของตัวเอง ทำได้แค่แต่งหน้า ทำผม และแต่งตัวสไตล์เดิมๆ เสมอ ไม่เหมือนชมพู่ที่พวกเธอรักใคร่เทิดทูนซึ่งมีหลากหลายสไตล์ไม่จำเจ

ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก แฟนคลับยังคงเดินหน้าสาดน้ำลายผ่านแป้นคีย์บอร์ดกันต่อไป ท่ามกลางความคุกรุ่นในใจของสองนางเอกชื่อดังที่ทั้งสองพยายามแย้มปากบอกว่า “ไม่มีอะไร” แต่พฤติกรรมก็ยังคงชัดเจนว่างานไหนมีอั้ม งานนั้นไม่มีชมพู่ หรือที่ไหนมีชมพู่ ที่นั่นอั้มต้องไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
...................................................................

ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 127 วันที่ 10-16 มีนาคม 2555
“ชมพู่” อารยา อดีตเด็กค่ายดาราวิดีโอ
ถึงไม่สนิทแต่ก็คุยกันปกติและร่วมงานกันได้.
เคยถ่ายรูปร่วมกันไปหลายเฟรมแล้ว
สงคราม  Sexy Star พัชราภาคือผู้ชนะ
สงครามว่าที่สะใภ้ “รังษีสิงห์พิพัฒน์” อารยาคือ ผู้ชนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น