สมภารกินไก่วัด จับเชือดรายตัว “ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค” อาศัยความเป็น “เจ้านาย” ขย่มลูกน้องในทีมนักแต่งเพลง สร้างแรงบันดาลใจให้เกิด “เพลงรัก” … ความลับถูกคายในที่แจ้งเพราะ “พรรัมภา โพธิ์กราน” ทนเป็นเบี้ยให้ “เจ๊รุ่ง” ด่าทอข่มขู่ไม่ไหว จึงต้องออกมาแสดงตัวตนยอมให้สังคมตราหน้าว่า “คบชู้” บอก ถ้าหนูโดนฆ่า สังคมจะได้รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง!!
เอาเข้าจริงๆ งานนี้ “ดี้ - นิติพงษ์” ลูกผู้ชายกล้าทำ แต่ไม่กล้ารับ (ความจริง) นิ่งเฉยปล่อยให้เมียแกว่งดาบสังหารอดีต “กิ๊ก” พรรัมภา โพธิ์กรานอย่างเอาเป็นเอาตาย
รุ่งฤดีคนนี้แหละที่เคยออกมาจวก “โจ - นูโว” ที่พูดว่า “ดี้ เสื้อแดง” มาแล้ว งานนนั้น… รุ่งฤดีก็เป็นคนออกมาโวยวายโยนไพ่ใบสุดท้ายข่มขู่เรื่องลิขสิทธิ์เพลงมาแล้ว
“ ผิดทางรัก” เพราะบ่วงกิเลส - ตัณหา
เรื่องผิดทางรักของ “ดี้ - นิติพงษ์ - พรรัมภา” เริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ฝ่ายหญิงเข้าไปทำงานในฐานะ “นักแต่งเพลง” ของค่ายแกรมมี่ ภายใต้การดูแลของนิติพงษ์ ห่อนาค อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจดนตรี ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และนักแต่งเพลงมากฝีมือเจ้าของวลี “โน้ตในโลกมีแปดตัว หากเพลงจะซ้ำกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก” !?
“ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค” เป็นคนเจ้าชู้และเคยกิน “ไก่วัด” มาแล้วหลายตัวก่อนหน้าพรรัมภา โพธิ์กราน!! นี่คือคำยืนยันจากแหล่งข่าว
จนกระทั่งพรรัมภา โพธิ์กรานก้าวเข้ามาเป็นน้องใหม่ของทีมนักแต่งเพลง!! เรื่องราวของ “หนึ่งหญิงสองชาย - หนึ่งใจสองรัก” ก็เลยเกิดขึ้น สำหรับฝ่ายหญิงมี “ธนากร โพธิ์กราน” แฟนหนุ่มที่คบหากันมานานกว่า 6 ปีก่อนจะตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันไปเมื่อ 2ปีก่อน และฝ่ายชายมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายชื่อ “รุ่งฤดี ห่อนาค” อดีตประชาสัมพันธ์ของค่ายแกรมมี่ รักต้องห้ามก่อตัวขึ้นเพราะดี้ทำเนียนไปสอนน้องใหม่แต่งเพลงแบบใกล้ชิด
เพลงรัก - เพลงเศร้าต้องมีประสบการณ์และแรงบันดาลใจ!! ประสบการณ์เก่าถูกนำไปใช้ในการแต่งเพลงจนหมดไส้หมดพุง ดังนั้นการเติมเชื้อไฟใหม่ก็อาจจะได้เรื่องราวใหม่ๆ และนั่นทำให้เพลิงพิศวาสเข้าโหมกระหน่ำจนใครต่อใครในแกรมมี่ต่างรู้กันดีว่า “พี่ดี้” ของเรากำลังร่วมบรรเลงเพลงรักบทใหม่กับนักแต่งเพลงสาวไฟแรงชื่อ “พรรัมภา”!!
เมื่อหลายคนในบริษัทรู้ มีหรือที่เมียหลวงจะไม่ล่วงรู้ เพราะเมียหลวงเคยทำงานเป็นพีอาร์ให้ค่ายเพลงแกรมมี่มาก่อน ทั้งยังวางเส้นสายไว้ภายในตึกแกรมมี่ยิ่งกว่าตาข่ายใยแมงมุม ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับสามีจึงถูกคุณนายละเอียดบ้านใหญ่เก็บบันทึกไว้หมด ต่อให้มีเรื่องมีราวแค่ไหน ยังไงเสีย … รุ่งฤดีไม่มีทางยอมเสียผัวไปให้ใครหน้าไหนเป็นเด็ดขาด
ดังนั้น รุ่งฤดีจึงควันออกหูทันทีที่ทราบเรื่องและยื่นคำขาดให้สามีสุดเลิฟเลิกติดต่อกับพรรัมภาให้เร็วที่สุด และนั่นเป็นเหตุให้สาวนักแต่งเพลงถูกเด้งฟ้าผ่า ต้องลากกระเป๋าระเห็จออกจากบริษัทใหญ่มานั่งตบยุงอยู่ที่บ้าน
ไฟรักไม่ได้มอดลง เมื่อพรรัมภากลับไปนั่งตบยุงที่บ้าน!! แต่การเติมเชื้อไฟให้แก่กันยังดำเนินอยู่ในรูปของการว่าจ้างเป็นรายชิ้นจากสหภาพการดนตรีซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตเพลงของ “ดี้ นิติพงษ์” โดยใช้นามปากกาในการแต่งเพลงเพื่ออำพรางมิให้รุ่งฤดีล่วงรู้ว่าเธอยังติดต่อกับดี้อยู่
พรรัมภาและดี้ เพิ่งจะเลิกกันเด็ดขาดเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว !!
เมื่อรุ่งฤดีเมียหลวงช่างสำรวจผิดกลิ่ และล่วงรู้ว่าพรรัมภายังเป็นลูกจ้างของดี้อยู่ก็เริ่มส่งสัญญาณว่า ไม่แฮปปี้!!
เจ๊รุ่ง - เกมรักดาบพิฆาต
แต่เรื่องมาแดง ความมาแตกเมื่อเกิดความผิดพลาดในการส่งงาน มีชื่อ “พรรัมภา โพธิ์กราน” ปรากฏอยู่ในงานแต่งเพลงชิ้นล่าสุดที่เธอทำให้สหภาพการดนตรี นี่เองที่เป็นชนวนเหตุให้รุ่งฤดีปรี๊ดแตก และออกมาเล่นงานพรรัมภาแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด ด้วยการข่มขู่ผ่านทั้งเสียงและข้อความในโทรศัพท์มือถือ
พรรัมภากับธนากรถึงกับเครียดหนักเพราะได้รับโทรศัพท์ที่ทั้งกวนประสาทและข่มขู่คุกคามหลายต่อหลายครั้ง แต่พรรัมภาก็นิ่งทนเพราะอับอายไม่กล้ากระโตกกระตากให้เป็นข่าวเนื่องจากเข้าใจดีว่าที่ผ่านมาเธอประพฤติผิดฐานไปยุ่งเกี่ยวกับดี้ นิติพงษ์ทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีคู่ชีวิตกันอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดเต็มประตูพรรัมภาไม่ปฏิเสธ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ฝ่ายธนากร สามีใจกว้างทราบเรื่องก็ให้อภัย
ภรรยาและทำสัญญากันว่าเธอจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับนักแต่งเพลงชื่อดังในแบบชู้สาวอีก แต่การที่พรรัมภาถูกโทรศัพท์ข่มขู่คุกคามไม่เว้นวันแม้จะเลิกรากับ “ดี้ - นิติพงษ์” นักแต่งเพลงชื่อดังไปนานกว่า 8 เดือนแล้วก็ตาม เรื่องนี้พรรัมภาทนไม่ได้
เพราะคุณนายบ้านใหญ่ทำให้เธอกับสามีประสาทเสียและขวัญผวาเนื่องจากฝ่ายภรรยาของดี้ส่งสัญญาณว่ารู้แม้กระทั่งที่พักของเธอ อีกทั้งยังเอ่ยอ้างถึงคนใหญ่คนโตอยู่เนืองๆ พรรัมภาจึงตัดสินใจยอมอาย ยอมถูกสังคมก่นด่าประฌามว่าเป็นชู้ ด้วยเหตุผลที่เธอบอกใครต่อใครว่า “อย่างน้อยถ้าหนูถูกฆ่าตายวันนี้ สังคมก็พอจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
ระยะแรกรุ่งฤดีโทรศัพท์ไปข่มขู่และเยาะเย้ยพรรัมภาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่ไม่อยากให้ธนากรผู้เป็นสามีไม่สบายใจ พรรัมภาจึงให้เพื่อนสนิทของเธอเป็นผู้รับหน้า แต่ความแรงของรุ่งฤดีกลับไปกระตุ้นความแรงของเพื่อนพรรัมภาให้ปะทุขึ้น หลังจากที่ต่อปากต่อคำกันจนเครื่องร้อน รุ่งฤดีได้ส่งรูปของ “คนใหญ่คนโต” คนหนึ่งในสังคมไปให้พรรัมภาแล้วขู่ว่ารู้จักกับ “คนใหญ่คนโต” ท่านนั้น เพื่อนของพรรัมภาจึงตอกกลับไปว่า “อย่าดึงท่านเหล่านั้นมาเกี่ยวเพียงเพราะเอาผัวไม่อยู่” เท่านั้นแหละ สงครามระหว่างเมียหลวง - เมียน้อยก็อุบัติขึ้น รุ่งฤดีปรี๊ดแตกด่าว่าพรรัมภาว่าเป็น “กะหรี่” และไปให้ท่าสามีของเธอก่อน
หลังจากนั้นรุ่งฤดีก็โทรศัพท์ไปหาธนากรแล้วสอบถามว่ายังอยู่ด้วยกันกับพรรัมภาหรือเปล่า ก่อนจะใส่ไฟว่าพรรัมภาเป็นพวก 18 มงกุฎคอยหลอกลวงผู้ชาย อย่างล่าสุดก็ไปหลอกผู้ชายที่บริษัทแห่งหนึ่งว่าถูกผัวซ้อมและไม่มีเงินใช้ ซึ่งพรรัมภาปฏิเสธข้อหาเหล่านั้นทุกประการ
ข้อความคำต่อคำที่ได้รับการส่งจากรุ่งฤดีไปยังมือถือของพรรัมภาคือ
“บอกตำรวจ กฎหมายมีช่องโหว่เสมอ... ระวังเค้าจะซวย แกบอกว่า ฉันเผาผัวไม่อยู่ นั่นแปล นังกะหรี่ให้ท่า
นังกะหรี่ 18 มงกุฎ...นังภัยสังคม...อยากเห็นหน้าพ่อกับแม่แกนัก...ฉันคงไปเร็วที่สุด เพราะแกมันภัยสังคม … ผัวเก่าคงโดนแกหลอกจนหมดตัว...สันดานเลว...แถมตกงานอีก...คงต้องหาผัวใหม่ด่วนเลย... อย่าลืมนะ เช็ค 7,000 ออกไปรับที่กองบัญชาการ สห. มทบ.11...”
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังยืนยันว่าได้ฟังคลิปเสียงการสนทนาระหว่างพรรัมภากับรุ่งฤดี และระหว่างธนากรกับรุ่งฤดีทั้งหมด หนึ่งในคลิปนั้นได้มีการบันทึกวิดีโอว่าเบอร์ที่โทรศัพท์เข้ามาหาเป็นเบอร์ของ “รุ่งฤดี ห่อนาค” ที่จดทะเบียนกับ AIS จริงซึ่งตรวจสอบได้
ส่วนอีกสามคลิปเป็นการสนทนาระหว่างรุ่งฤดีกับธนากร โดยรุ่งฤดีเป็นผู้โทรศัพท์เข้ามาหาธนากรและซักถามว่ายังคบหาอยู่กับพรรัมภาหรือไม่ ก่อนจะใส่ไฟว่าพรรัมภาเป็นพวก 18 มงกุฎ และลงท้ายว่าต้องการเตือนให้ระวังตัว โดยธนากรได้สอบถามกลับไปว่าพรรัมภายังไม่เลิกคบหาฉันชู้สาวกับดี้ นิติพงษ์หรือ ซึ่งรุ่งฤดีก็ตอบชัดเจนว่า “เลิกกันแล้ว”
แหล่งข่าวระบุว่า เหตุผลเดียวที่ทำให้รุ่งฤดีปรี๊ดแตกก็คือการได้รู้ว่าเมียน้อยของสามียังมีงานการทำ เพราะที่ผ่านมาเธอพยายามล็อบบี้ทุกค่ายทุกแห่งให้แบนพรรัมภาไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด แต่เมื่อรู้ว่าพรรัมภายังมีงานแต่งเพลงอยู่ อีกทั้งยังเป็นบริษัทของสามีตัวเองด้วย รุ่งฤดีจึงโกรธจัดถึงขนาดสวมบทนางมารร้ายข่มขู่พรรัมภาทุกรูปแบบ ตั้งแต่ขั้นจิ๊บๆ การโทร.ไปด่า “ไอ้สัตว์” แบบรัวเป็นชุดก่อนจะวางสายทันที มาจนถึงการด่าทอ พูดข่มขู่ และเอารูปคนใหญ่คนโตมาอ้าง
ชนวนที่ทำให้ความอดทนของธนากรกับพรรัมภาสิ้นสุดลงเกิดจากวันที่ธนากรตัดสินใจเจรจากับรุ่งฤดีว่าถ้าหากไม่มีหลักฐานว่าพรรัมภาเป็นพวก 18 มงกุฎตามที่กล่าวหาก็ขอให้หยุดการข่มขู่คุกคามได้แล้ว ซึ่งรุ่งฤดีก็เหมือนจะเข้าใจ เนื่องจากไม่มีใครอยากให้เป็นข่าวใหญ่โต เพราะฝ่ายพรรัมภากับธนากรเองก็อับอาย เพราะเรื่องชู้สาวนี้พ่อกับแม่ของพรรัมภาเองก็ยังไม่รู้เรื่อง และเธอก็เข้าใจดีว่าหากเกิดเป็นข่าวขึ้นมาตัวเองก็จะถูกรุมประฌามเพราะได้ทำผิดจริง
ส่วนฝ่ายของรุ่งฤดีกับดี้นั้น การเป็นข่าวครึกโครมก็ไม่น่าจะเป็นผลดีเพราะเป็นบุคคลมีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาในวงสังคมทั้งคู่ ฝ่ายชายป็นนักแต่งเพลงชื่อดัง ส่วนฝ่ายหญิงเป็นถึงผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเลยทีเดียว
แต่ผ่านไปเพียงหนึ่งวัน รุ่งฤดีกลับส่งข้อความมาเยาะเย้ยอีกในทำนองว่า ฝ่ายพรรัมภากลัวจะเป็นข่าว กลัวคนจะรู้ว่าเป็นชู้กับสามีชาวบ้าน ทำให้ธนากรกับพรรัมภามั่นใจว่างานนี้เจ๊รุ่งไม่ยอมจบแน่ๆ จึงหอบหลักฐานทั้งหมดเข้าไปแจ้งความฐานข้อหาหมิ่นประมาทด้วยคำพูดและข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวด้วยการขู่เข็ญ
ล่าสุดรุ่งฤดีผู้ที่พูดกับธนากรและพรรัมภาว่า “กฎหมายยังไงก็มีช่องโหว่” ได้ยอมให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐสัมภาษณ์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รุ่งฤดีบอกว่าไม่เคยข่มขู่คุกคามดังที่พรรัมภากับธนากรไปแจ้งความแต่อย่างใด ก่อนจะปิดท้ายว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแปใครจะไปทำอย่างนั้นได้
ในเมื่อคำให้การของทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงขนาดนี้ ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าหนังเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
ในเมื่อฝ่ายหนึ่งก็มีหลักฐานมาเต็มกระเป๋า ส่วนอีกฝ่ายผู้ที่มีหน้ามีตาในสังคมก็ยืนกรานปฏิเสธ แต่อีกคนที่สังคมถามหาคือ “ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค” ที่งทำตัวเป็น “อีแอบ” ไม่ยอมออกมาชี้แจงอะไรทั้งสิ้น แม้ว่าฝ่ายอดีตกิ๊กจะถูกสังคมรุมประฌามไปตามคาดแล้ว แต่ฝ่ายดี้กลับนิ่งเป็นเป่าสาก คงต้องดูกันต่อไปว่านักแต่งเพลงนามอุโฆษจะออกมาพูดหรือไม่ เพราะงานนี้อย่าลืมว่าตบมือข้างเดียวมันดังไม่ได้หรอกนะจ๊ะ
...................................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับ126 วันที่ 3-9 มีนาคม 2555