“นาเดีย” ควงสามี “อภิมงคล” ออกงานครั้งแรกหลังคลอดลูกชาย “น้องนพมงคล” บอกตอนนี้ไม่ค่อยได้รับงานบันเทิงเพราะต้องทำหน้าที่คุณแม่ อีกทั้งลูกชายยังเล็กอยู่ พร้อมเผยบทบาทคุณแม่มือใหม่ว่าแสนจะลำบากเพราะเลี้ยงลูกไม่เป็น จนต้องมีคนช่วยเลี้ยง ยังไม่ไหวมีลูกคนที่ 2
เป็นเพราะคุณพ่อสามีเปิดร้านอาหาร ทำให้พิธีกรสาว “นาเดีย โสณกุล(นิมิตรวานิช)” จึงต้องควงสามี “หม่อมหลวง อภิมงคล โสณกุล” มาร่วมแสดงความยินดีในงานเปิดตัวโครงการ “เรนฮิลล์ สุขุมวิท47” เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ตั้งท้องและคลอดลูกชายน้อง “นพ นพมงคล” ไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่เก็บตัวเงียบไม่ได้ออกสื่อ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงบทบาทของคุณแม่มือใหม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“วันนี้ถือเป็นงานครั้งแรกหลังจากที่คลอดลูกเลยค่ะ จริงๆ ยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ แต่ต้องมาเพราะว่าคุณพ่อสามีเปิดร้านอาหาร วันนี้ก็มาแสดงความยินดีกับคุณพ่อสามีค่ะ แต่ไม่ได้ผันตัวเองมาทำด้านธุรกิจนะคะ แต่ผันตัวมาเลี้ยงลูก อันนี้หน้าที่สำคัญ สำหรับบทบาทของคุณแม่ก็ค่อนข้างเหนื่อย เพราะเขาต้องตื่นทุก 2-3 ชั่วโมง เดี๋ยวร้องไห้เป็นอึเดี๋ยวฉี่ เหนื่อยใช้ได้แต่แฮปปี้ดี เห็นลูกโตขึ้น อวบขึ้นก็ภูมิใจค่ะ ตอนนี้เขาก็อายุ 1 เดือน 10 วัน ถามว่าเลี้ยงยากไหม ไม่ยากนะคะ ถ้าเลี้ยงเป็น แต่นี่เลี้ยงไม่เป็นเลยยาก แรกๆ เลี้ยงไม่ไหวต้องโทรหาคุณแม่ตัวเอง คุณแม่สามี ตอนนี้ก็เลยได้คนช่วยหลายคนเลยค่ะ”
“หลังจากมีลูกแล้วชีวิตเดียก็เปลี่ยนไปมาก เกิดมาไม่เคยอยู่บ้านเลย ทำงานทุกวัน เดี๋ยวนี้งานไม่ทำอยู่แต่บ้าน ออกไปไหนก็เป็นห่วงมาก ตอนนี้เดียยังพาน้องออกงานไม่ได้ คือน้องเขาคอยังไม่แข็งเลยนะ สงสารเขา เอาไปไหนมากไม่ได้ เจอคนเยอะเดี๋ยวกลับบ้านผื่นขึ้น ตอนที่เพิ่งคลอดหลายคนอยากเห็นเยอะเหมือนกัน แต่เจ็บแผลผ่าตัดด้วยก็เลยอย่าเพิ่งดีกว่า เอาไว้เมื่อพร้อมแล้วค่อยเอามาเจอพี่ๆ น้องๆ ค่ะ”
“ส่วนคนที่ 2 ตอนนี้ขอเอาไว้ก่อน ยังไม่ไหวค่ะ ส่วนงานในวงการก็ยังทำบ้าง แต่คงไม่เท่าเดิม หลักๆ ก็คงเลี้ยงลูกค่ะ คุณพ่อก็ช่วยเลี้ยงบ้าง แต่หลักๆ ก็คุณแม่นี่แหละค่ะ คุณพ่อเขาก็ออกแนวทางวางอนาคต จะพาลูกไปนู่นนี่ ส่วนตัวเองก็เลี้ยงลูกแต่ละวันให้รอดก่อน (หัวเราะ)”
“ส่วนเรื่องงานหลายคนก็ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาจัดรายการอีก คิดถึง ไปไหนก็เจอทุกวัน ชื่นใจมาก เพิ่งรู้ว่าคนดูรายการเยอะเหมือนกัน ตอนนี้เดียก็รับงานได้เรื่อยๆ นะคะ ตามความเหมาะมากกว่าไม่กระทบลูกและคนจ้าง”