The Bodyguard “เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ”
หากจะพูดถึงความสำเร็จของ วิตนีย์ ฮุสตัน อาจจะสามารถอ้างอิงได้จากทั้งยอดขายผลงานเพลง 170 ล้านชุด มากชนิดไม่เคยมีนักร้องหญิงคนใดทำได้มาก่อน หรืออาจจะกล่าวถึงรางวัลเกียรติยศทั้ง 6 แกรมมี่ และจากสถาบันต่างๆ อีก 415 รางวัล ถึงขั้นต้องมีการจดบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊กกันเลยทีเดียว
แต่หากจะกล่าวถึงความสำเร็จสูงถึงที่สุดของวิตนีย์ ฮุสตันแล้ว มันกลับเกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ เมื่อครั้งที่เธอรับงานแสดงครั้งแรกเมื่อปี 1992 กับหนังที่มีชื่อว่า The Bodyguard หรือที่รู้จักกันในเมืองไทยว่า “เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ”
หนังแนวรักโรแมนติกในปี 1992 วิตนีย์แสดงคู่กับพระเอกที่กำลังมาแรงในขณะนั้นอย่าง เควิน คอสเนอร์ ซึ่งเธอรับบทบาทที่ใกล้เคียงกับตัวเอง เป็นศิลปินสาวที่ชื่อว่า เรเชล มาร์รอน ที่ถูกแฟนโรคจิตคุกคาม จนต้องว่าจ้างเอา จนต้องจ้าง แฟรงก์ ฟาร์มเมอร์ อดีตเจ้าหน้าที่สายลับที่เคยทำงานกับประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน มาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ซึ่งตอนแรกทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันนัก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง
อันที่จริงแล้ว The Bodyguard เป็นโครงการหนังที่ถูกริเริ่มมาตั้งแต่ยุค 70's แล้วเคยมีการวางตัว ไดอานา รอส และ สตีฟ แม็คควีน ไว้ในบทนำ แต่ในยุคที่สาวผิวสียังไม่ได้ถูกยอมรับจากคอหนังกระแสหลัก โครงการจึงถูกยุบไป ต่อมามีความพยายามจะสร้างอีกหลายครั้ง พร้อมหันมามองที่นักร้องสาวผิวขาวดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็น แพท เบเนตาร์, โอลิเวีย นิวตัน จอห์น, มาดอนนา หรือกระทั่ง ดอลลี พาร์ตัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้สร้างเสียที
จนสุดท้ายหนังก็ได้เปิดกล้อง และมาลงตัวเอาที่คู่ของคอสเนอร์ และวิตนีย์ ถึงกระนั้นเมื่อหนังถ่ายทำเสร็จ และอยู่ในขั้นของการประชาสัมพันธ์พร้อมฉาย ก็มีเสียงวิจารณ์ถึงตัวใบปิดว่าจงใจซ่อนหน้าของวิตนีย์เอาไว้ เพราะผู้สร้างไม่ต้องการที่จะนำเสนอภาพของนางเอกสาวผิวดำมากจนเกินไป ฮุสตันตอบโต้ในประเด็นนี้ว่าไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน เธอยืนยันว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าวิตนีย์ ฮุสตัน คือสาวผิวดำ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาปกปิดกันได้แน่นอน
เมื่อเข้าฉาย The Bodyguard ได้รับเสียงวิจารณ์แบบก้ำกึ่ง บ้างก็บอกว่าเธอไม่ได้แสดงอะไรเลยแค่เป็นตัวของตัวเอง นักวิจารณ์บางคนก็มองว่าเคมีของคอสเนอร์กับฮุสตันไม่ได้สปาร์กอย่างที่ควรจะเป็น ที่แย่หน่อยก็คือการถูกเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงหญิงยอดแย่ “ราซซี อวอร์ด” ของฮุสตัน แต่อย่างน้อยนักวิจารณ์คนดังอย่าง โรเจอร์ อีเบิร์ต ก็ให้คะแนนหนัง 3 จาก 4 ดาว พร้อมชมว่าหนังทำได้ดี กับการเสนอภาพความปรารถนาต่อกันระหว่างสองคนที่ต้องพยายามรักษาบทบาทหน้าที่ของตัวอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคำวิจารณ์ของหนังจะออกมาในรูปใด รายได้และกระแสคือบทพิสูจน์ว่าคนดูรัก The Bodyguard หนังทำเงินทั่วโลกไป 410 ล้านเหรียญ ส่วนอัลบั้มซาวนด์แทร็กก็ขายดิบขายดีถึง 44 ล้านแผ่น เป็นงานเพลงที่ขายได้มากที่สุดชุดหนึ่งตลอดกาล บทเพลง I Will Always Love You ที่ฮุสตันหยิบเอาเพลงเก่าของ ดอลลี พาร์ตัน กลับมาร้องใหม่ก็โด่งดังยิ่งกว่าต้นฉบับ เป็นหนึ่งในเพลงเครื่องหมายการค้าของเธอในตลอด 20 ปีหลังจากนั้น
วิตนีย์ ฮุสตัน มีผลงานการแสดงไม่มากนัก ตลอดหลายสิบปีในวงการเธอรับเล่นหนังเพียง 4 เรื่อง แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นก็ยังได้รับคำชมว่าเธอมีส่วนอย่างยิ่งในการนำเสนอภาพของผู้หญิงผิวสี ในบทบาทของชนชั้นกลางที่มีความสง่างาม เข้มแข็ง แตกต่างจากภาพชนชั้นล่างปากกัดตีนถีบ ที่ฮอลลีวูดในยุคนั้นมักจะยัดเยียดภาพทำนองนี้ให้แก่สาวผิวสีอยู่เสมอ
ความสำเร็จทั้งในวงการภาพยนตร์ และในวงการเพลง วิตนีย์ ฮุสตันถือว่าเป็นศิลปินหญิงผิวดำรายแรกๆ ที่ได้มีผลงานเผยแพร่ทาง MTV อย่างเป็นล่ำเป็นสัน จึงนับได้ว่ามีส่วนอย่างยิ่งต่อศิลปินรุ่นน้อง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โทนี แบลกซ์ตัน, รีฮันนา หรือบียอนเซในปัจจุบัน
ทายาทร่วมชะตากรรมเดียวกับ “วิตนีย์”
สามารถกล่าวได้ว่าสไตล์การร้องเพลงของฮุสตัน ส่งผลต่ออุตสาหกรรมเพลงอย่างมหาศาล คำว่า "ราชินีเพลงป็อป" ที่มีคนเรียกเธอในช่วงยุค 90's นั้นไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงเลย เสียงร้อง และผลงานของฮุสตัน ยังส่งผลให้เกิดศิลปินหน้าใหม่ ๆ อย่าง มารายห์ แครีย์ และ ซีลีน ดิออน ที่ต่อมากลายเป็นคู่แข่งเชิงธุรกิจของฮุสตันด้วย
แต่ในควมเห็นของ แอลซา การ์เนอร์ แห่ง The Los Angeles Times ก็ยังกล่าวยกย่องว่าไม่มีใครสามารถเทียบเธอได้ เขากล่าวว่า ฮุสตัน คือป็อปดีวาคนแรก และคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เราเคยมีมา ... ไม่ใช่ มารายห์ แครีย์, ไม่ใช่ ซีลีน ดิออน, ไม่ใช่ บาร์บรา สไตรย์แซนด์ ที่เทียบเคียงกับเธอไม่ได้เลยในแง่ของเสียงที่สวยงาม, น้ำเสียงอันบริสุทธิ์, พรสวรรค์ในการสะกดคนดูด้วยการเอ่ยเอื้อนเนื้อร้องด้วยเสียงอันสุดสะเทือนอารมณ์
การเสียชีวิตของเธอทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่าใครที่จะสมควรเป็น วิตนีย์ ฮุสตัน คนต่อไปมากที่สุด ซึ่งก็ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของพรสวรรค์เท่านั้น แต่ชีวิตอันน่าเศร้า ความตกต่ำหลังจากขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต ก็เป็นอีกสิ่งที่หลายฝ่ายมองว่าเธอคงไม่ใช่นักร้องหญิงคนสุดท้ายที่ต้องมีชะตากรรมเช่นนี้
หลัง เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ครวญเพลง I will Always Love You บนเวทีแกรมมี่อย่างหมดจดยอดเยี่ยม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะยกเธอขึ้นมาเทียบกับนักร้องรุ่นพี่ ส่วนความสัมพันธ์อันลุ่ม ๆ ดอน ๆ ที่ลงเอยด้วยการลงไม้ลงมือระหว่าง รีฮันนา กับอดีตคนรัก คริส บราวน์ ทำให้หลายคนเปรยว่ามันคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิตนีย์ และบ็อบบี บราวน์ มาก
แต่ที่หลายคนพูดถึงกันมากที่สุดก็คือ บ็อบบี คริสตินา ฮุสตัน บราวน์ ทายาทของเธอเอง ที่ไม่เพียงแค่มีพรสวรรค์ทางการร้องเพลงที่หลาย ๆ คนบอกว่าอยู่ในตัวของสาวน้อยคนนี้เท่านั้น ข่าวการพัวพันกับยาเสพติดประเภทโคเคนของสาวน้อยวัย 18 ปี ก็ทำให้หลายคนกลัวเหลือเกินว่าเธอจะต้องเดินตามรอยทางอันยากลำบากของผู้เป็นมารดา
จากคนดังถึงวิตนีย์ ฮุสตัน
"เธอมีทุกอย่างพร้อม, ความงาม และเสียงที่ยอดเยี่ยม มันน่าเศร้าเหลือเกินที่เธอจะไม่ได้มีความสุขจากพรสวรรค์ของตัวเอง อย่างที่สามารถมอบให้แก่เราได้" บาร์บรา สไตรแซนด์ ศิลปินรุ่นพี่
"มีข่าวช็อกการเสียชีวิตของเพื่อนรักคนหนึ่ง ที่ทำให้หัวใจของฉันแตกสลาย และมีแต่น้ำตา วิตนีย์ ฮุสตัน, ไม่มีใครจะเทียบกับเธอได้ จะไม่มีใครลืมว่าเธอคือเจ้าของเสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างความงดงามให้แก่โลก" มารายห์ แครีย์ คู่แข่ง ในยุค 90's ซึ่งการร่วมร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Prince of Egypt เมื่อปี 1998 ถือเป็นเรื่องฮือฮามากในตอนนั้น
"ฉันเป็นแค่หนึ่งในคนนับล้านที่หัวใจแตกสลายไปพร้อมกับข่าวการเสียชีวิตของวิ9นีย์ ฮุสตัน ฉันจะรู้สึกขอบคุณกับการที่เธอนำเพลงของฉันไปร้องตลอดไป และอยากจะพูดจากก้นบึ้งของหัวใจว่า "วิตนีย์ ฉันจะรักเธอตลอดไป ฉันจะคิดถึงเธอ" ดอลลี พาร์ตัน ผู้แต่งเพลง I will always love you ที่วิตนีย์นำไปร้องจนโด่งดัง
"ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวฮุสตันด้วย โดยเฉพาะ บ็อบบี คริสตินา ผมพูดอะไรไม่ออกเลย" ไมค์ ไทสัน อดีตแชมเปียนโลกมวยรุ่นเฮฟวีเวต
"วันนี้คือวันที่เศร้าเหลือเกิน ทั้งหมดทั้งมวลผมอยากจะพูดถึงเพลงของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยเจอมา ... ขอบคุณที่มอบพรสวรรค์ของคุณให้แก่เรา หนึ่งในเสียงที่สวยงามที่สุดที่ผมเคยได้ยิน" เอลตัน จอห์น กล่าวบนเวทีคอนเสิร์ตที่ลาสเวกัส
"เราสูญเสียตำนานไปอีกคนแล้ว รัก และร่วมภาวนาให้แก่ครอบครัวของวิตนีย์ด้วย เราจะคิดถึงเธอ" คริสตินา อากิเลรา
"ฉันพูดอะไรกับเรื่องนี้ทันทีไม่ได้เลย ทั้งตกตะลึง และไม่อยากเชื่อ ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็นจากในทีวีนั่นเลยจริงๆ" อารีธา แฟรงกลิน แม่ทูนหัวของวิตนีย์
"ผมฝันถึงการได้ร่วมเวทีกับเธอ และบอกออกไปว่าผมชอบเธอมากๆ แต่ตอนนี้ความฝันนั้นไม่มีวันเป็นจริงแล้ว" หลินอวี้ชุน หนุ่มชาวไต้หวันฉายา "ซูซาน บอยล์ แห่งไต้หวัน" ผู้โด่งดังทั่วโลก หลังจากมีโอกาสขับร้องเพลง I Will Always Love You ออกรายการโทรทัศน์
....................................
เรื่องอารยัน ฤกษ์เกษม ทีมซูเปอร์บันเทิง อินเตอร์ฯ
ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 124 วันที่18-24 กุมภาพันธ์ 2555