“ณวัฒน์” ลั่นไม่เสียดายที่ “มะลิ” ถอนตัว บอกอีกฝ่ายน่าจะเป็นฝ่ายเสียดายมากกว่าที่ตัดโอกาสตัวเอง คาดนางแบบสาวไม่ได้เต็มที่กับการสมัครครั้งนี้ ปัดมองเป็นการไม่ให้เกียรติเวที อย่างน้อยยังดีกว่าได้ตำแหน่งไปแล้วสละสิทธิ์อันนั้นคงเสียหายกว่า บอกไม่สนข่าวฉาวที่ผ่านมาของมะลิยินดีอ้าแขนรับหากปีหน้าจะประกวดอีก แต่ถ้ามาเล่นๆ เหมือนเดิมคงไม่ให้โอกาสอีกแล้ว
ยังคงอยู่ในความสนใจ กรณีที่นางแบบ “มะลิ มาลินี โคสท์” ถูกตัดสิทธิ์ในการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012 เพราะไม่มารายงานตัวในรอบคัดเลือก 30 คนสุดท้าย ทั้งที่เจ้าตัวมีชื่อเป็นหนึ่งในตัวเก็งของปีนี้ จนหลายคนมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเวที สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยัง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ในฐานะผู้จัดการกองประกวด เจ้าตัวก็ชี้แจงว่าไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงเหมือนกัน เพราะทางมะลิไม่ได้แจ้งกับทางกองประกวด อยู่ดีๆ ก็หายไปเฉยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็ยังมาร่วมกิจกรรมตามตารางกิจกรรมของกองประกวดปกติ
“อันนี้ต้องถามน้องมะลิครับ เพราะผมเองก็ไม่ทราบ เขาไม่ได้แจ้งสาเหตุกับทางกองประกวด อยู่ดีๆ ก็หายไปเฉยๆ แต่สองครั้งที่แล้วน้องก็มานะ อย่างมีการคัดเลือกเหลือ 30 น้องก็รับปากเหมือนจะมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกัน เลยไม่แน่ใจว่าเหตุผลอะไร อาจจะมากระแสข่าวที่ว่าน้องอาจยังไม่มั่นใจก็ได้ ว่าจะประกวดดีไหม ประกวดแล้วจะอยู่ในตำแหน่งไหนระหว่างนางงามหรือนางแบบ หรืออาจจะเป็นเรื่องของคนรอบข้างด้วย หรือน้องไม่อยากประกวดหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ”
“ส่วนที่มีข่าวว่าน้องโดนคุณแม่บังคับให้ประกวด เท่าที่เห็นคุณแม่จะไปไหนมาไหนด้วยกับมะลิ ค่อนข้างเห็นสม่ำเสมอ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกันคิด แต่สุดท้ายแล้วผมว่าน้องน่าจะตัดสินใจเองนะ เพราะน้องเป็นลูกครึ่งออกจะหัวฝรั่ง จะคิดอะไรค่อนข้างจะคิดด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะผลักดัน ใครจะสนับสนุน ใครจะโน้มน้าว สุดท้ายการตัดสินใจไม่มา ผมว่าเป็นสิทธิ์ของมะลิซึ่งเป็นคนที่เข้าประกวดมากกว่า”
“อย่างกรณีของมะลิ แต่ถ้าถามว่าผมแจ้งไหม ผมก็แจ้งชัดเจนครับ เพราะถ้าเราตั้งกฎขึ้นมาแล้วประกาศในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้วว่าหลังจากเข้ารอบ 30 คน ต้องเซ็นสัญญา 1 ฉบับทันที ถ้าใครไม่เซ็นก็สละสิทธิ์ได้เลย นั่นคือสัญญาที่ต้องอยู่ด้วยกัน 11 ข้อ เป็นข้อใหม่ที่ทำขึ้นมาเพื่อ 30 คน เพราะสัญญาจะครอบคลุมทั้งหมด แล้วก็สัญญาก่อนขึ้นเวทีในวันสุดท้าย เป็นสัญญาผูกพันกับทางสถานี ถ้าใครได้ต้องเซ็นสัญญา 3 ปี ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการเป็นบุคคลในแวดวงบันเทิงของสถานี”
“ถือว่าเป็นกฏเหล็กที่ต้องปฏิบัติ อย่างเช่น ห้ามขาดการเข้าร่วมกิจกรรมของกองประกวดเกิน 2 ครั้ง รวมทั้งไม่อนุญาตให้ใช้มือถือในการเก็บตัวครั้งสุดท้าย 8 วัน เพราะนั่นเป็นโค้งสุดท้าย เราให้ทุกคนนอนในโรงแรมเดียวกัน ปฏิบัติหน้าที่ เก็บคะแนนจริงจัง ห้ามรับงานตั้งแต่เข้ารอบ 30 คน ไม่ว่าจะเป็นนางแบบ นักแสดงสมทบ ห้ามรับงานสาธารณเด็ดขาด ถ้ารับงานเราก็ถือว่าหมดสิทธิ์กับการเป็น 30 คนสุดท้าย รวมถึงห้ามนำสิทธิในการเข้ารอบไปทำธุรกรรมอื่นๆ จนกว่าจะตัดสินจบ จะเน้นตรงนี้ ส่วนอื่นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยให้ระมัดระวัง”
“ฉะนั้นต่อให้เป็นใครก็แล้วแต่ ถามว่าอยากได้คนสวยๆ ไหม ก็อยากได้ครับ แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ ไม่เช่นนั้นคนที่ตั้งใจเค้าจะเสียกำลังใจ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาถอนตัว เพราะต้องยอมรับครับว่างานเขาเยอะด้วย แต่ว่าดุลพินิจต่างๆ ขึ้นอยู่กับน้อง ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างแล้วแต่เขาจะเลือก และถ้าจะเลือกมาทางนี้ก็ต้องสละสิทธิ์ทุกๆ อย่างที่ทำอยู่ก่อน จนกว่าจะเสร็จสิ้นการประกวดครับ
ไม่รู้สึกเสียดายที่ “มะลิ” ถอนตัวจากการประกวด บอกอีกฝ่ายมากกว่าต้องเสียดายที่ตัดโอกาสตัวเอง
“ผมไม่เสียดาย แต่น้องน่าเสียดาย เพราะว่าสำหรับเราในทุกๆ ปีพูดตรงๆ ว่ามงกุฎมีอันเดียว ยังไงคนก็มาออกันอยู่ปลายทางมากพอสมควรทุกปี เมื่อเก็บตัวมาถึงรอบลึกๆ ก็มีเพียงแค่ 3-4 คนที่มองมงกุฎแล้วได้สวมใส่ ผมมั่นใจว่าอย่างนั้น เพราะฉะนั้นสำหรับผมไม่เสียดาย แต่สำหรับน้องถือว่าเดินมายังไม่ถึงครึ่งทางดี สัก 35 เปอร์เซ็นต์ แล้วถอยหลังกลับ ทีนี้น้องก็คงพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ว่าจะเป็นที่หนึ่งในเมืองไทยหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไร ปีหน้าถ้ามีโอกาสก็มาใหม่ได้เพราะว่าอายุยังไม่เกิน”
“ส่วนว่ามะลิจะมีสิทธิ์เข้ารอบ 30 คนไหม ถ้าถามผมก็ตอบตรงๆ ว่า ถ้าดูตามประวัติ น้องก็น่าจะได้เข้ารอบ 30 คน น้องก็มีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ประวัติการเรียนก็ใช้ได้ แล้วก็ประวัติการทำงานที่ทำอยู่ก็ถือว่าผ่าน ก็น่าจะอยู่ใน 30 คน แต่จะได้หรือเปล่าไม่รู้จริงๆ นะครับ แต่ถามว่ามีสิทธิ์มั้ย ทุกคนมีสิทธิ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่เจนเวที แล้วน้องมาในสายนางแบบ น่าจะเอาสายนางแบบเป็นสะพานเชื่อมดาวได้ครับ”
“ผมเคยเจอน้องสองครั้งที่กองประกวดตอนที่มาสมัครและคัดตัว 60 คน น้องเขาก็เป็นเด็กปกตินะครับ ยังเริงร่าสนุกสนาน แต่น้องเขาเด็กอาจจะรู้สึกวิตกกังวลในเรื่องของความเป็นนางแบบกับความเป็นนางงาม ถ้าให้ผมมองในฐานะเป็นผู้ดูแลการประกวด ผมจะมองว่าน้องยังติดคำว่านางแบบอยู่มากไปนิดหนึ่ง เพราะน้องยังตีโจทย์ไม่ออกว่านางงามที่เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์จุดยืนมันอยู่ตรงไหน”
หลายคนมองว่าการที่ “มะลิ” ทำแบบนี้เหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติการประกวด แต่ “ณวัฒน์” เผยส่วนตัวไม่ติดใจ แต่ถ้าได้ตำแหน่งมาแล้วสละสิทธิ์อันนั้นเสียหายกว่า
“คงไม่ครับ เพราะว่าถ้าเกิดได้ตำแหน่งแล้วสละสิทธิ์ ผมว่าน่ากลัวกว่า เพราะว่าให้ทำอีเว้นท์ที่สวยหรูของเราเสียหายไป แต่ว่าการไม่เข้าร่วมประกวดในขณะที่ได้พิจารณาด้วยเหตุผลของตัวเองว่า ไม่พร้อม ยังลังเล ไม่แน่ใจ ก็ใช้เวลากลั่นกรอง และตัดสินใจใหม่ ก็ถือว่าดีครับ”
“สำหรับที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ ไม่ว่ามะลิจะสละสิทธิ์ในปีนี้ ไม่มาร่วมคัดเลือกในวันนี้เหลือ 30 คน ถ้าปีหน้าจะมาแล้วเราจะไม่ให้ก็คงไม่ใช่ เพราะเวทีนี้เปิดตลอดเวลา ไม่มีปฏิเสธ เพียงแค่ว่าคุณทำตามโจทย์ของเราได้หรือเปล่า มงกุฏมีไว้สำหรับคนที่ตั้งใจจริงๆ เพราะว่าเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 เดือน ความตั้งใจแค่นี้กับเงิน 6 ล้านบาท และตำแหน่งอันทรงเกียรติสูงสุด ผมว่าถ้าใครไม่ทุ่มเทก็ไม่ควรรับได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าน้องพร้อมหรือใครก็ตามพร้อมก็มา ถ้ายังไม่พร้อมไปตั้งใจให้ดี และเคลียร์ตัวเองให้ว่าง ปีหน้าก็ยังมีสิทธิ์นะครับ”
“ส่วนว่ารางวัลน้อยหรือเปล่า ไม่น่าจะน้อยนะครับ เพราะถือว่าเป็นการประกวดที่รางวัลเยอะสุดในเมืองไทยแล้ว ตั้ง 6 ล้านกว่า อย่างน้อยๆ ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ มีรถยนต์ บ้าน เงินสด 1 ล้าน แล้วของอีกตั้งเยอะแยะ ผมว่าก็เยอะแล้วนะ บางทีผมคิดว่าค่อนข้างจะเยอะไปด้วยซ้ำ กับอีเว้นท์ประมาณ 2 เดือน ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องที่น้องถอนตัว อันนี้ผมว่าน้องอาจจะยังไม่ค่อยเต็มที่ ตัดสินใจไม่เด็ดเดี่ยวมากกว่า”
“ยืนยันว่าข่าวกับการถอนตัวไม่เกี่ยวกันครับ และถ้าน้องมาวันนี้น้องก็มีสิทธิ์ยืนอยู่ใน 30 คน เพราะว่าเราพิจารณาเป็นบุคคล แต่สิ่งที่วิตกกังวลมากที่สุดคือน้องจะร่วมกิจกรรมได้ตามตารางทุกกิจกรรมได้หรือเปล่า เพราะน้องจะต้องค่อยๆ ถอยตัวออกจากความเป็นนางแบบ เพราะฉะนั้นต้องเสียสละในตรงนั้น ตอนนั้นแอบกังวลถ้าเข้ามา แต่ว่า ณ ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว”
ยอมรับว่าเช็คข่าวของ “มะลิ” เหมือนกัน เพราะทางกองประกวดจะซีเรียสเรื่องข่าวกับผู้ชาย โดยเฉพาะถ้าไปยุ่งกับคนมีครอบครัวทางกองประกวดฟันไม่เลี้ยง ส่วนที่มะลิเคยมีข่าวผู้ชายแย่งจีบจนต่อยกัน เจ้าตัวไม่ติดใจเพราะเห็นว่ามะลิได้ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่จริง ที่สำคัญมองเป็นเรื่องสีสันของสาวสวยที่ยังโสด
“ปกติผมจะดูเรื่องข่าว และข่าวที่ผมจะเน้นมากที่สุด ก็คือข่าวฉาวข่าวภูมิหลังที่อาจดูไม่ดี อย่างเรื่องความสัมพันธ์ สำหรับน้องมะลิยังไม่เห็นมีข่าวเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ว่าอาจจะเป็นคนเฮ้วๆ หน่อย สไตล์นางแบบ ก็อาจจะมีไปไหนมาไหนบ้าง เท่าที่รู้ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับกองประกวดเลย กองประกวดจะกลัวคนที่วางตัวไม่เหมาะสมมากกว่า ซึ่งน้องมะลิไม่เป็นคนอย่างนั้นอยู่แล้ว อย่างเช่นอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ รู้จักคนที่ไม่ควรรู้จัก ใช้ชีวิตไม่เหมาะสม แต่น้องมะลิเป็นนางแบบ ผมก็ทำใจเข้าใจนางแบบครับว่า อย่างน้อยๆ นางแบบเขาก็ต้องมีสังคม อันนี้ยอมรับได้”
“ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ชายแย่งจีบจนมีเรื่องชกต่อยกัน เขาออกมาปฏิเสธแล้ว ก็ขอให้เป็นแค่ข่าว สำหรับผมไม่ติดใจ ตราบใดที่ไม่ได้ลงเอยกับใคร เพียงแค่มีคนมาจีบ แย่งกันจีบก็เป็นสีสันของน้อง จะแคร์ในกรณีใครไปทำอะไรที่มากกว่าคำว่าแฟน อันนั้นผมต้องระวัง เพราะการประกวดนางงามเราต้องสรรหาคนที่ไม่มีข่าวในเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะเรื่องของผู้ชายในลักษณะที่เป็นครอบครัว มีคนมาจีบเป็นเรื่องปกติ”
บอกถ้าปีหน้า “มะลิ” สนใจจะมาประกวดอีกก็ยินดีต้อนรับ แต่ถ้าจะมาแล้วไม่ตั้งใจมาแล้วถอนตัวอีกรอบคงให้โอกาสได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“ถ้าปีหน้าน้องจะมาอีกก็ยินดีครับ ฝากถึงน้องด้วยว่าปีหน้าเอาใหม่ ไปฝึกแล้ว ไปลองดูจังหวะชีวิต ไปดูโอกาสว่าเป็นไปได้ไหม แล้วก็เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพราะการประกวด เราใช้เวลาอยู่กับมัน 2 เดือนครึ่ง ไปไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่พร้อม อย่างปีนี้น้องถอนตัว ก็เป็นแนวทางหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะกลับมาไม่ได้ ถ้าจัดเวลาได้ลงตัว มิสไทยแลนด์เวิลด์ก็ยินดีต้อนรับมาเป็นผู้สมัครได้อีกครับ แต่ถ้ากลับมาแล้วเกิดกรณีนี้ขึ้นอีก ก็คงกลับมาได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะว่าการทำอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องของการไปปรับปรุง แต่มันเป็นเรื่องของการทำซ้ำๆ จะต้องมาพิจารณาอีกครั้ง ผมเชื่อว่าคงไม่น่าเกิดปัญหาอีก อย่างครั้งนี้น้องคิวงานแน่น”