ผู้จัดฯ “เจ็ท” รับดูใจ “คิมเบอร์ลี่” รอศึกษานิสัยใจคอให้มั่นใจก่อนเปิดตัวเรียกแฟน ป้องฝ่ายหญิงเข้า-ออกห้องนอน ซัดเห็นข่าวแล้วเซ็ง บอกตนอายุไม่น้อยแล้วรู้อะไรควรทำไม่ควรทำ ลั่นถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้คิมเบอร์ลี่เสียหายไม่ทำแน่นอน
นอกจากผู้จัดละครหนุ่มไฟแรง “เจ็ท ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช” จะตกเป็นข่าวกิ๊กกับนางเอก “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เทียมศิริ” ถึงขั้นควงกันไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ยังมีข่าวเสียหายว่าสาวคิมเบอร์ลี่เทียวเข้า-ออกห้องนอนหนุ่มเจ็ทเป็นว่าเล่น ร้อนถึงนางเอกสาวต้องออกมาปฏิเสธทันควัน แต่ก็ยอมรับว่ากำลังศึกษากันอยู่ ล่าสุดมีโอกาสเจอหนุ่มเจ็ท เจ้าตัวก็แจงแบบหัวเสียว่าเรื่องดอดเข้าห้องนอนไม่จริง จริงก็แต่เรื่องที่คบกันเท่านั้น
“ก็คุยกันอยู่ครับ ก็ยังเรื่อยๆ เมื่อช่วงต้นปีไปญี่ปุ่นด้วยกันมา แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไป 5 วัน 4 วันเจ็ทไปดูปลา น้องไปอยู่กับญาติ วันสุดท้ายไปช็อปปิ้งด้วยกันที่โตเกียว แล้วก็กลับด้วยกัน ไปกันสองคนกลับมาสองคน เราก็ยังอยู่ในช่วงคุยกัน เป็นพี่เป็นน้องกันไปก่อน อยู่ในช่วงคุยกัน อยากให้แน่ใจ ว่าเราคุยกันจูนกันตรงกันติดก่อนแล้วเราถึงจะเป็นแฟนกัน เพราะถ้าสมมติเราไม่คลิกกัน ด้วยอายุด้วยอะไรหลายอย่าง เจ็ท 30 น้อง 20 มันก็อาจจะมีอะไรห่างกัน อยากให้เราคุยกันรู้เรื่อง แล้วเดี๋ยวเราจะบอกนะว่าโอเคเราเป็นแฟนกัน ตอนนี้ขอเวลาคุยให้แน่ใจก่อน”
“แต่เท่าที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ อาจก็ทำงานด้วยกันด้วยเลยทำให้เราเรียนรู้กันเร็ว แล้วมันก็สนิทกันไปเอง เป็นความรู้สึกส่งสายตากันแล้วปิ๊งๆ (หัวเราะ) เหมือนคุยกันเป็นพี่น้อง ปรึกษากันเรื่อยๆ คุยแล้วรู้เรื่อง คนภายนอกจะมองยังไง ทั้งเรื่องแฟนคลับ เรื่องอายุ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับการวางตัวเราทั้งสองคนว่าเหมาะสมรึเปล่า เจ็ทก็อายุไม่ใช่น้อยแล้ว เจ็ทอยู่ตรงนี้มานานรู้ว่าอะไรที่ดีไม่ดีควรไม่ควร อะไรที่ทำให้น้องเสียหรือดูไม่ดี เจ็ทจะไม่ทำ แฟนคลับเขาเองก็รู้เรื่องของเรามาโดยตลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ เขาไม่ได้ว่าอะไร”
บอกไม่ห่วงเวลาฝ่ายหญิงต้องเข้าฉากเลิฟซีนกับหนุ่มคนอื่น
“ไม่มีครับ อย่างที่บอกว่าเราทำงานมานาน อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เด็ก เราเลยต้องแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้ออก อะไรเป็นอะไร อย่างตอนที่มีข่าวไปก็จะมีคนมองเยอะแยะแล้วเปรียบเทียบคู่เราว่าสมภารกินไก่วัดรึเปล่า กับเรื่องนี้ผมเองเป็นห่วงน้องเขามาก แล้วบอกเลยว่าผมไม่ใช่สมภาร แล้วน้องก็ไม่ใช่ไก่วัด บอกตามตรงอย่างที่เห็นข่าวว่าน้องขึ้นห้อง เห็นแล้วเจ็ทเซ็งมาก พอมีข่าวแบบนี้แล้วต้องลงเป็นเรื่องใต้สะดือตลอด ไม่เข้าใจ”
“คือเรารู้อยู่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราเข้าใจ มันพอแล้ว จะมาบอกว่าไม่ได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันอยู่ที่คนเชื่อหรือไม่เชื่อ อย่างเรื่องญี่ปุ่นที่ผมพูดแบบนี้ คนไม่เชื่อก็เยอะ แต่เราก็พูดความจริง เราก็ทำอะไรไม่ได้ น้องเองก็มีกังวลเรื่องข่าวอยู่นิดนึง แต่เราก็คุยกันว่าอยู่จุดไหนทำอะไรอยู่ก็พอแล้ว อย่างไปญี่ปุ่นกล้าไปสองคนเราก็บริสุทธิ์ใจ ไม่งั้นเราก็แอบไป”
“เราไม่อยากจะมานั่งเหนื่อยกับการโกหก ไปก็บอกว่าไปเพราะเราบริสุทธิ์ใจ พอโกหก เดี๋ยวถ้ามีรูปออกมาก็เอาละ แต่เราก็ต้องระวังตัวกับวางตัวมันคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเราวางตัวให้ดี ทำอะไรให้มันถูกต้องดีกว่า เราก็คบกันคลีนๆ”