xs
xsm
sm
md
lg

"มหกรรมรามายณะนานาชาติ" ยังพอมีเวลา-อยากให้ไปดูกันจริงๆ/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

อินเดีย
ต้องบอกว่าน่าเสียดายมากๆ ครับสำหรับหนึ่งในการแสดงในงานเฉลิมฉลองวันมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุ 7 รอบ หรือ 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2544 ที่ถูกตัดออกไปอย่าง “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราช” บนเวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง ฝั่งพระบรมมหาราชวัง รวมถึงการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปี แห่งความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์” ซึ่งเป็นการฉายภาพเคลื่อนไหวผ่านแนวกำแพงพระบรมมหาราชวัง ด้านถนนหน้าพระลาน

“เพื่อความเหมาะสม เนื่องด้วยประชาชนจำนวนมากยังคงเดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วม จึงไม่เหมาะหากมีงานรื่นเริง จึงต้องดูตามความเหมาะสม ต้องประหยัดไม่มากหรือน้อยจนเกินไป หรือที่เรียกว่าทางสายกลางนั่นเอง”...นั่นคือเหตุผลในการตัดการแสดงดังกล่าวออกไปจากรองนายกรัฐมนนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย "ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์"

ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากตัวของนายกฯ เองที่หยิบยกพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นข้ออ้าง

ฟังแล้วถ้าใครรู้สึกเห็นด้วย และรู้สึกว่าช่างเป็นคำพูดที่มีเหตุมีผลที่ดูดีเสียเหลือเกิน ก็ต้องบอกว่าท่านสักแต่ว่ามี "หัว" ไว้เรียกว่า "หัว" เท่านั้นจริงๆ

เพราะถ้าใครที่ได้ติดตามข่าวสารมาโดยตลอด หรือมีสติปัญญาแม้จะเพียงน้อยนิดแต่พอจะคิดได้เสียหน่อยก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า เหตุผลเบื้องหลังลึกๆ ที่แท้จริงของการสั่งยกเลิกนั้นคืออะไรกันแน่?

มาตรแม้นจะตัดการแสดงที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของงานที่ว่าออกไป แต่การแสดงอื่นๆ ในงานวันพ่อปีนี้ก็ยังมีอีกหลายส่วนเลยครับที่น่าสนใจมากๆ ครับ

หนึ่งในนั้นที่อยากจะแนะนำก็คือ "มหกรรมรามายณะนานาชาติ" ที่มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงระหว่างช่วงวันที่ 5 - 9 ธันวาคม ที่โรงละครแห่งชาติ

ที่ผ่านมาเราอาจจะคุ้นเคยเรื่องราวมหากาพย์เรื่องนี้ในชื่อของ "รามเกียรติ์" ผ่านการแสดง "โขน" โดยอาจจะไม่ทราบว่าประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียอาคเนย์นี้ก็มีการแสดงที่เกี่ยวกับเรื่องราวของรามายณะเช่นกัน

โดยประเทศที่เข้าร่วมการแสดงในกิจกรรมครั้งนี้ก็ประกอบไปด้วย กัมพูชา, อินเดีย, อินโดนีเซีย, พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย (จริงๆ มี 8 ประเทศ แต่ลาวได้ถอนตัวไป)

ผมชะแว้บแอบไปดูการแสดงรอบวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าแปลกตาน่าตื่นใจทีเดียว

เริ่มด้วยอินเดียประเทศเจ้าของมหากาพย์เรื่องยิ่งใหญ่เรื่องนี้ที่หยิบเอาตอนพิธียกศรและอภิเษกสมรสพระรามกับนางสีดามานำเสนอ โดยว่ากันตั้งแต่พระมหาชนก กษัตริย์กรุงมิถิลา จัดพิธีเลือกคู่ให้กับนางสีดา พระธิดาด้วยการยกศร ซึ่งท้ายสุดก็เป็นพระรามของเราที่สามารถยกได้ แถมไม่ยกเปล่าเท่านั้นปรากฏว่าพระรามท่านกลับง้างสายแสียจนคันศรหักอีกต่างหาก

หลังแต่งงานทั้งพระราม พระลักษมณ์ และนางสีดาได้เดินทางกลับกรุงอโยธยาและได้พบกับ ปรสุรามา (ร่างอวตารปางดุร้ายของของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ที่มีขวานเป็นอาวุธ) ปรสุรามาโกรธพระรามที่หักพระมหาธนูแห่งมิถิลา จึงท้าให้พระรามพิสูนจ์ความแข็งแกร่งอีกครั้ง ซึ่งพระรามก็ทำได้ ก่อนที่ ปรสุรามา จะจำได้ว่าพระรามเป็นร่างอวตารปางใหม่ของพระนารายณ์จึงอวยพรให้ทั้งหมดโชคดี

จากนั้นเป็นการแสดงของประเทศพม่าที่เลือกจับเอาตอนที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างตอน พระรามตามกวาง มาแสดง เช่นเดียวกับของฟิลิปปินส์ซึ่งแสดงเป็นประเทศถัดมา

คงพอจะทราบกันนะครับว่าเรื่องราวย่อๆ ตอนนี้เป็นตอนที่ทศกัณฐ์ให้ มารีศ แปลงเป็นกวางทองไปล่อพระราม-พระลักษณ์ จากนั้นตนก็บุกไปลักพาตัวนางสีดาออกมา ระหว่างทางฝ่าย สดายุพญานก พยายามจะเข้าช่วยแต่ก็พ่ายแพ้ไป (เหตุเพราะไปหลุดปากคุยโอ่ว่าตนกลัวแต่พระนารายณ์และแหวนของพระอิศวรที่ติดนิ้วนางสีดาเท่านั้น)

ของพม่าเรื่องก็คล้ายๆ ของไทยครับ ต่างกันคือจุดเริ่มเรื่อง คือ หลังพิธียกศร พระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา ได้เดินทางเพื่อไปอาศัยในป่าซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์ ชื่อ กัมบี ระหว่างเดินทางพระราม พระลักษณ์ได้ฆ่าลูกชายทั้งสองของนางกัมบีตาย นางกัมบีจึงเอาเรื่องไปฟ้องทศกัณฐ์ผู้เป็นพี่ชาย ทศกัณฐ์จึงสั่งให้ลุงชื่อ มาริจจา แปลงเป็นกวางทองไปล่อ

พระรามแม้จะรู้เรื่องดีแต่ก็ทานคำขอร้องไม่ได้ หลังพระรามออกไปได้ครู่เดียว นางสีดาก็ได้ยินเสียงประหลาดจึงให้พระลักษมณ์ตามออกไป ซึ่งก่อนออกไปแม้พระลักษมณ์จะเอามีดขีดเส้นสามเส้นบนพื้นดินและสั่งห้ามมิให้นางสีดาออกมา ทว่าในท้ายที่สุดทศกัณฐ์ที่แปลงร่างเป็นฤษีก็ลักพานางออกมาจนได้

ขณะที่ของ ฟิลิปปินส์ นั้นเริ่มที่...หลังต้องกลายเป็นหม้ายเพราะ ชิวหาเสียชีวิต นาง สำมนักขา ก็ทำทีว่าจะเดินทางไปอยู่ในป่ากับลูกชายทั้งสอง แต่แท้ที่จิรงแล้วนางต้องการจะหาสามีใหม่ ระหว่างเดินทางในป่านางได้พบกับพระราม พร้อมพระลักษมณ์ และนางสีดา ก็ตกหลุมรักพระรามขึ้นมาทันที

นางสำมนักขาพยายามยั่วยวนและต้องการจะฆ่านางสีดาเพื่อให้พระรามหันมาสนใจ ทำให้นางถูกพระลักษมณ์ตัดจมูกและหูจนเสียโฉม ทำให้นางต้องไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคือ พญาขร และ พญาฑูต แต่ทั้งสองก็ต้องมาถูกพระราม พระลักษมณ์ ฆ่าตาย

ด้วยความแค้นนางสำมนักขาจึงไปหาพี่ชายอีกตนคือ ทศกัณฐ์ พร้อมกับปลุกปั่นทศกัณฐ์ด้วยการพรรณาถึงความงามของนางสีดา และยุให้ทศกัณฐ์ลักพาตัว ทศกัณฐ์จึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนยักษ์ชื่อ "มารีศ ให้แปลงเป็นกวางทองไปล่อ

นางสีดาพอเห็นกวางทองก็นึกอยากได้ พระรามจึงออกตามล่าและใช้คันศรฆ่าจนกวางตาย ก่อนตายกวางทองได้ร้องเรียกชื่อว่าสีดาออกมา นางสีดาพอได้ยินก็สั่งให้พระลักษมณ์ไปช่วย ทศกัณฐ์จึงเข้าไปลักพาตัวนางสีดา ระหว่างทางพญาแร้งสดายุพยายามจะช่วยแต่ก็ต้องพ่ายแพ้พลังแหวนของนางสีดา

ปิดท้ายการแสดงค่ำคืนวันนั้นด้วย "โขน" จากประเทศไทยที่จับเอาตอน ยกรบ มานำเสนอ

ทั้ง 4 ประเทศต้องบอกว่าสนุกและให้ความรู้สึกกันไปคนละอารมณ์ คือถ้าจะเอาความยิ่งใหญ่ ความอ่อนช้อย สวยงามในท่วงท่าลีลาร่ายรำ และความสวยสดงดงามของเครื่องแต่งกาย แน่นอนของไทยเราเป็นที่หนึ่งครับ

ส่วนของอินเดียนั้นดูเหมือนจะไม่ได้เน้นการออกท่าออกทางมากมายอะไรนัก แต่ให้ความสำคัญกับคนเล่าเรื่องที่ร้องคล้ายๆ บทสวด ขณะที่ชุดที่สวมใส่ก็ดูแปลกตาสดใสเหลือเกิน ด้านพม่าก็ออกไปในแนวสนุกสนาน น่ารัก โดยเฉพาะลีลาท่าทางของตัวกวางยามเล่นกับคนดูด้วยการกระพริบตาปริบๆ เช่นเดียวกับนักแสดงที่เล่นเป็นนางสีดานั้น ฉากที่เธอพยายามหนีทศกัณฐ์กลับแลดูน่ารักเหมือนกับหนุ่มสาวหยอกเย้าเล่นไล่จับอย่างไรอย่างนั้น

ขณะที่ของฟิลิปปินส์ ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงจากเครื่องดนตรีคุ้นตาและแปลกตาหลายชิ้นนั้นต้องบอกว่าสุดยอดมากๆ ฟังแล้วได้อารมณ์ที่สุด (เล่นสดไม่มีการร้องหรือพากย์) ส่วนการแสดงก็ค่อนข้างจะจริงจัง ดูแล้วให้ความรู้สึกอึมครึม หลอนนิดๆ เหมือนกับดูหนังประเภทฟิล์มนัวอย่างไรอย่างนั้นแลย (ฉากที่พระรามดีดพิณเกี้ยวนางสีดาที่เป่าขลุ่ยนี่ก็สุดยอดครับ)

"มหกรรมรามายณะนานาชาติ" ยังมีการแสดงอีก 2 วันคือ วันที่ 7 ธ.ค. มี ประเทศสิงคโปร์ (ตอนนารายณ์อวตาร), พม่า(แทนลาว-ตอนทศกัณฐ์ลักนางสีดา), อินโดนีเซีย (ตอนพระรามรบทศกัณฐ์และนางสีดาลุยไฟ) และกัมพูชา (ตอนกำเนิดพระลบ) เริ่มเวลา 19.00 น.

จากนั้นทั้ง 7 ประเทศจะมาแสดงใหญ่ร่วมกันในรอบ "รวมชาติ" วันที่ 9 ธันวาคม (เวลา 13.00 น. รอบซ้อมใหญ่-เปิดให้สื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าชมการแสดง และเวลา 20.00 น.รอบเสด็จฯ)

งานนี้ชมฟรีครับ

ระหว่างที่ท่านกำลังอ่านคอลัมน์นี้อยู่อาจจะไม่ทันรอบวันที่ 7 ธันวาคม แต่รอบวันที่ 9 ธันวาคมนั้นเชื่อว่ายังมีพอมีเวลาและโอกาสอยู่ แต่ไม่กล้ายืนยันนะครับว่าจะเต็มหรือยัง เพราะรอบที่ผมไปชมนั้นคนก็แน่นทีเดียว

เอาเป็นว่าลองโทร.ไปสอบถามกันได้ที่โรงละครแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 02 224 1342 หรือจะเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้าที่หน้าโรงฯ เผื่อฟลุคมีที่เหลือแบบผมก็ได้ครับ

อยากให้ไปลองชมกันจริงๆ
อินเดีย
พม่า
พม่า
การแต่งกายของนักแสดงฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์
ไทย
ไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น