xs
xsm
sm
md
lg

Happy Feet Two เจ๊งยับ, 600 ชีวิตตกงาน, ซิดนีย์ฝันสลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

Happy Feet Two ความหวังของออสเตรเลียในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ความล้มเหลวของหนังการ์ตูน Happy Feet Two จากประเทศออสเตรเลีย ที่เข้าฉายทั่วโลกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน กำลังจะส่งผลรุนแรงอย่างรวดเร็ว กับการทำให้พนักงานร่วม 600 ชีวิตจากทั้งหมด 700 คน ของบริษัทผู้ผลิตต้องตกงานกันเลยทีเดียว

IF.com.au. รายงานว่ามีการแจ้งไปยังลูกจ้างของบริษัท Dr. D Studios แล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่าพวกเขากำลังจะถูกให้ออก ซึ่งเป็นผลโดยตรงเมื่อ Happy Feet Two ผลงานเรื่องล่าสุด และถือเป็นหนังเรื่องแรกของบริษัท ทำรายได้น้อยกว่าที่คาดไปมาก

Happy Feet ภาคแรกที่เข้าฉายเมื่อปี 2006 คว้ารางวัลออสการ์สาขาอนิเมชั่นยอดเยี่ยมไปครอง พร้อมกับทำรายได้ไปราว 384.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญฯ

แต่หนังภาคสอง Happy Feet Two ที่ใช้ทุนสร้างไปราว 140 กลับสามารถทำรายได้ไปเพียงแค่ประมาณ 44 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น หลังเข้าฉายในตลาดใหญ่ ๆ ไปแล้วหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, บราซิล หรือสหรัอเมริกา ทั้ง ๆ ที่หนังมีข้อได้เปรียบเพราะฉายในระบบภาพ 3-D ด้วยซ้ำ โดย แดน เฟลแมน หัวหน้าแผนกจัดจำหน่ายของ Warner Bros. กล่าวยอมรับว่า "มันชัดเจนว่า Happy Feet ทำได้ต่ำกว่าความคาดหวังของเรา"

อย่างไรก็ตามมีรายงานด้วยว่าพนักงานบางคนจาก Dr. D Studios ซึ่งเป็นบริษัทของผู้กำกับ จอร์จ มิลเลอร์ และผู้อำนวยการสร้าง ไบรอน เคนเนอดี้ อาจจะได้รับข้อเสนองานจากอีกบริษัทของ มิลเลอร์ และ เคนเนอดี้ อย่าง Kennedy-Miller Mitchell Films ต่อไป

Dr. D Studios เป็นบริษัทที่เน้นในสายงานการสร้างหนังด้วยกราฟฟิคคอมพิวเตอร์ และรับงานทำเทคนิคพิเศษทางภาพด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นความหวังของอุตสาหกรรมหนังออสเตรเลียที่พยายามแข่งขันกับบริษัทในสายงานเดียวกันอย่าง Weta Digital ของประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน เป็นผู้ก่อตั้ง

ซึ่งนอกจาก Happy Feet Two แล้ว Dr. D Studios ยังจะรับผิดชอบ Mad Max ภาคต่อไปที่ชื่อว่า Fury Road ด้วย ซึ่งถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าชะตากรรมของ Mad Max ภาค 4 ที่ก่อนหน้านี้ก็เลื่อนการเปิดกล้องไปหลายรอบแล้วจะเป็นเช่นไรต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้นความล้มเหลวของ Happy Feet Two ยังอาจจะส่งผลไปถึงภาพกว้างด้วย โดยเฉพาะกับแผนระยะยาวของรัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่พยายามผลักดันอุตสาหกรรมหนังท้องถิ่นอย่างหนัก เพื่อแก้ไขปัญหาสมองไหลของบุคลากรในวงการภาพยนตร์ แต่สุดท้ายผลกลับออกไม่สวยหรูอย่างที่คิด

เมื่อประมาณเกือบ 2 ปีก่อน จอร์จ มิลเลอร์ ผู้กำกับรุ่นใหญ่ที่มีผลงานมามากกว่า 4 ทศวรรษแล้ว ได้กล่าวว่าออสเตรเลียน่าจะสามารถฉกฉวยความได้เปรียบจากเทคโนโลยีการสร้างภาพยนตร์ยุคใหม่ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมหนังในประเทศได้ โดยเฉพาะจากเทคนิคทางคอมพิวเตอร์ และการฉายในระบบ 3-D "นี่คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมหนัง ทุกคนคิดว่าภาพยนตร์กำลังจะตาย แต่เรากลับมีหนังแบบใหม่อย่างที่ทุกคนเห็นกัน และเราก็มีความสามารถที่จะทำหนังแบบนั้นได้"

เมื่อครั้งนั้นเขาขยายความต่อไปว่า "ที่นิวเซาท์เวลส์, ที่ออสเตรเลีย พวกเราขี้เกียจกันเกินไป เราปล่อยให้คนอื่นขโมยทรัพยากรของเราไป ตอนนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ... นี่คือเวลาที่ดีที่สุด เพราะมันจะมีตำแหน่งงานมากมาย กับคนที่มีพรสวรรค์ และความสามารถ" เขากำลังพูดถึงปัญหาสมองไหลนั่นเอง

ในกลางปี 2009 รัฐบาลของพรรคแรงงานประกาศยืนยันว่าหนังเรื่อง Green Lantern ของ Warner Bros จะไม่เดินทางมาถ่ายทำที่รัฐแล้ว เพราะปัญหาค่าเงินเหรียญออสเตรเลียที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนั้นบุคลากรด้านภาพยนตร์จำนวนหนึ่งของประเทศ ก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน กับกองถ่าย Life of Pi ของ อังลี ด้วย

ความหวังของวงการหนังออสเตรเลียจึงอยู่ที่ผู้กำกับในประเทศทั้ง บาซ เลอห์มานน์ ที่เพิ่งจะเปิดกล้อง The Great Gatsby ที่ซิดนีย์ไปเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา และคาดกันว่าน่าจะนำเม็ดเงินมาสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นได้ถึง 118 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับการจ้างงานถึง 275 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับหนัง Happy Feet Two ซึ่งภาคแรกเป็นอนิเมชั่นที่ถือว่าโด่งดัง ทำเงินมากที่สุดเรื่องหนึ่งของออสเตรเลีย

คริสตินา เคนเนียลลี นายกรัฐนิวเซาธ์เวลส์ในขณะนั้น กล่าวสนับสนุนว่า Happy Feet Two จะสามารถเพิ่มเม็ดเงินให้กับเศรษฐกิจ, การคลังของรัฐ และตำแหน่งงาน ได้อย่างมากมายตลอด 3 ปีแห่งการถ่ายทำ "เหมือนอุตสาหกรรมทั่วไป, อุตสาหกรรมภาพยนตร์ท้องถิ่นของเราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่โหดหิน จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งตำแหน่งงานกว่า 500 ที่ในช่วง 3 ปีนี้จะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายให้การตอนเรา"

จอร์จ มิลเลอร์ ยังยอมรับว่าความสำเร็จของ Weta Digital ที่เวลลิงตัน นิวซีแลนด์คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาตั้ง Dr. D Studios ขึ้นมา

"ผมไม่คิดว่าเราจะพยายามกันได้หากไม่ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาทำกันที่เวลลิงตัน พวกเขากลายเป็นแหล่งรวมคนมีพรสวรรค์มากมาย ดูสิ่งที่ทำสำเร็จซิ Avatar และ District 9 หนัง 2 เรื่องจาก 3 เรื่องที่ได้ชิงออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษ เวลลิงตัน เล็กกว่า ซิดนีย์ 10 เท่าได้ เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ทำได้ที่นั่น น่าจะทำให้สำเร็จที่นี่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน" แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นไปตามแผ่นอย่างที่ทุกคนหวังกันเอาไว้

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

จอร์จ มิลเลอร์
Dr. D Studios
Weta Digital ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน กลายเป็นแถวหน้าของวงการไปแล้ว
Avatar ผลงานชิ้นเอกของ Weta Digital
กำลังโหลดความคิดเห็น