พ่อ “แพท พาวเวอร์แพท” เปิดใจ หลังศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุกลูกชาย 50 ปี รับผิดหวังแต่ก็ทำใจไว้แล้ว เผยถึงลูกชายจะไม่แสดงออกว่าเสียใจ แต่ก็รู้ว่าลึกๆ คงเครียดไม่น้อย จึงได้แต่กอดให้กำลังใจ พร้อมลั่นถึงลูกจะต้องติดคุกอีก 42 ปี ก็จะดูแลจนนาทีสุดท้ายของชีวิต
หลังจากที่ศาลตัดสินลงโทษ “แพท วรยศ บุญทองนุ่ม” หรือ “แพท พาวเวอร์แพท” อดีตนักร้องแกรมมี่ ให้จำคุก 50 ปีในคดีค้ายาอี นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 8 ปีแล้ว ที่เจ้าตัวถูกจองจำไว้ในเรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้ตัดสินคดีของแพทโดยพิพากษายืนจำคุก 50 ปี ปรับ 1 ล้านบาท ตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้ในวันนั้นภาพที่ปรากฏออกสื่อจะเป็นภาพที่แพทกับ "นายนิวัติ บุญทองนุ่ม" ผู้เป็นพ่อสวมกอดและยังยิ้มให้กันได้ แต่ทว่าลึกๆ แล้ว “พ่อนิวัติ” ยอมรับกับทีมข่าวบันเทิง “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ว่าถึงแม้จะทำใจมาโดยตลอด แต่ก็อดผิดหวังกับคำตัดสินไม่ได้
“ผลฎีกาศาลยืนตามผลของศาลอุทธรณ์คือ 50 ปี ปรับ 1 ล้านบาท ไม่ได้ลดลงตามที่เราคาดหวังเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นไร ผลเป็นแบบนี้เราก็มีผิดหวังบ้าง แต่เราก็เผื่อใจไว้ตลอด และพ่อเองก็บอกแพทตลอดเหมือนกัน บอกตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้วว่าศาลตัดสินมาเท่าไหร่ก็เท่านั้น ที่ผ่านมาก็เผื่อใจสำหรับความผิดหวังตลอด ครอบครัวก็ต่างแปลกใจในคำตัดสิน แต่พ่อก็ได้แต่ปลอบว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้น มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ให้คำนึงถึงอนาคตดีกว่าต่อไปเราจะทำอะไรกัน เราจะอยู่ด้วยกันยังไงให้มีความสุข ไปเยี่ยมเขาตลอดไป ให้กำลังใจเขาตลอดไปแบบนี้”
“ลึกๆ มันก็มีความหวังด้วยกันทุกคน ผลที่ออกมาพ่อยอมรับแต่ไม่ค่อยเต็มใจในการยอมรับ เพราะว่าแพทเองก็ยอมรับผิดมาตลอด ไม่ได้สู้คดี และการที่เรายื่นอุทธรณ์และฎีกาเราก็ขอให้ลดโทษลงจากเดิม แต่ในสำนวนเราไม่ได้เขียนไปว่าเราสู้คดีเพราะว่าเราไม่ผิด เราเขียนลักษณะที่ว่าเรายอมรับสารภาพผิดมาตั้งแต่เริ่มต้น”
“เท่าที่พ่อคุยกับทนายที่ไปด้วยวันนี้ เขาก็อธิบายว่าที่แพทไม่ได้ลดโทษเลย ก็เพราะสำนวนตั้งแต่ศาลชั้นต้นมันจะส่งผลถึงศาลอุทธรณ์และฎีกา แล้วตอนนั้นแพทเขาต้องการรับสารภาพและไม่ขอสู้ไม่ว่าเป็นกรณีใดๆ ก็ตาม เพื่อหวังความเมตตาจากศาล แต่ศาลก็พิจารณาตามคดี ซึ่งศาลฎีกาก็เห็นว่าแพทได้ลดโทษจากจำคุกตลอดชีวิตเหลือ 50 ปีก็ลดสูงสุดแล้ว ตอนนี้โทษแพทก็เหลือ 42 ปี”
เผยหลังศาลตัดสินแล้วได้กอดให้กำลังใจลูกชาย บอกแม้ “แพท” จะไม่แสดงความเครียดให้เห็นเพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง แต่ก็รู้ว่าลูกผิดหวังไม่น้อย
“เมื่อวานก็ได้คุยกับแพท ได้กอดเขาหน้าบัลลังก์ศาล พ่อก็ขออนุญาตผู้คุมว่าขอกอดลูกผมหน่อยนะ พ่อก็ให้กำลังใจ เขาเห็นเราก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่ลึกๆ พ่อก็รู้ว่าเขาก็ผิดหวังเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่แสดงออกให้ครอบครัวรู้เท่านั้นเอง แต่พอลาจากกันแล้วพ่อก็รู้ว่าต่างคนต่างเครียด เราต่างก็ผิดหวังแต่พ่อก็ปล่อยวางได้ และพ่อก็เชื่อว่าแพทก็จะปล่อยวางได้ จะบอกว่าไม่เป็นอะไรเลยคงไม่จริง คนเราก็ต้องคิดบ้าง แต่ถ้าเราปล่อยวางมันเร็วเท่าไหร่ความผิดหวังนั้นก็จะหายไป เราก็จะดำเนินชีวิตเป็นปกติได้ พ่ออยากให้เขาอยู่ในปัจจุบันมากกว่าอดีตหรืออนาคต”
“เมื่อวานพ่อไปกับแม่ แม่เขาร้องไห้ตลอด(หัวเราะ) เก็บน้ำตาไม่ค่อยอยู่เพราะสงสารลูก แต่แพทเขาก็ยิ้มเพราะเขารู้ว่าถ้าเขาอ่อนแอครอบครัวก็จะอ่อนแอตามไปด้วย เขาจะไม่แสดงความรู้สึกให้พวกเราเห็นว่าเขาอ่อนแอ แต่ว่าเขาก็คงผิดหวังบ้างป่านนี้เขาก็อาจจะแอบนั่งคิดคนเดียวบ้าง เหมือนกันพ่อก็จะไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไปทำร้ายเขา แต่ก็เป็นเรื่องปกติของปุถุชนธรรมดานั่นแหละ มันอดคิดไม่ได้หรอกแต่เราก็อย่าไปอยู่กับมันนาน”
พร้อมเผยแม้ว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ก็ไม่สิ้นหวังซะทีเดียว อนาคตเตรียมทูลเกล้าถวายฎีกาต่อไป แต่ก็ยอมรับว่าได้เตือนสติลูกชายอยู่ตลอดว่าถึงที่สุดแล้วก็ต้องยอมรับกับผลที่จะตามมาให้ได้
“ขั้นตอนต่อไปคือพ่อจะทำเรื่องทูลเกล้าถวายฎีกา พ่อก็จะรวบรวมความดีต่างๆ ที่เขาทำไว้ในขณะที่เขาต้องขังอยู่ และทำเรื่องทูลเกล้าถวายฎีกาว่าเราได้สำนึกผิดแล้ว และก็จะเอาเอกสารต่างๆ ที่แพทได้ทำความดีมาประกอบ อันนี้เป็นสิทธิ์ของนักโทษทุกคนที่คดีสิ้นสุดแล้ว ซึ่งจะได้รับพิจารณาหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวของนักโทษคนนั้นว่าสำนึกผิดจริงเปล่า ออกไปแล้วจะกลับมาทำผิดอีกหรือเปล่า”
“แพทติดมา 7 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมาเขาก็ประพฤติตัวดีมาตลอด พยายามทำประโยชน์ในเรือนจำในสิ่งที่เขาทำได้ แต่สิ่งที่เขาทำสะสมเหล่านี้จะมีผลก็ต่อเมื่อทูลเกล้าถวายฎีกา หลังจากศาลฎีกาตัดสินแล้ว ว่าเราได้ทำประโยชน์อะไรบ้าง เช่นเรียนต่อ สอนดนตรีให้กับเพื่อนผู้ต้องขัง และจบนักธรรมตรี โท และเอก”
“การพิจารณาขึ้นอยู่กับองประกอบหลายอย่าง ทั้งผลประกอบกรรมดีที่เราทำระหว่างต้องโทษมีมากน้อยขนาดไหน เราต้องโทษมาแล้วกี่ปี และเหลืออีกกี่ปี ต้องดูหลายๆ อย่าง พ่อก็คิดว่ามันก็ยังมีแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์อยู่นะ ไม่ใช่มืดมิดซะทีเดียว หลังจากนี้แพทก็ต้องทำตัวดีๆ เพื่อให้ได้ปรับขั้นนักโทษ เพราะจะมีผลกับการได้ลดโทษในวันพ่อและวันแม่ของทุกปี”
“สุดท้ายแล้วถ้าไม่ได้ลดอีก พ่อก็พยายามบอกแพทมาตลอดเวลาว่าความสุขมันไม่ได้อยู่ที่สถานที่หรอก แต่มันอยู่ที่ใจ อยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าตัวเราไม่สุขอยู่ที่ไหนก็ไม่สุข อยู่ข้างนอกก็ไม่สุข พยายามทำตัวปล่อยวางเราก็จะสุขได้ตลอด แพทเขาก็เข้าใจ พ่อเองก็ไม่เคยทิ้งขว้างพ่อไปดูแลเขาทุกอาทิตย์”
ทั้งนี้พ่อแพทย้ำเสียงหนักแน่นว่า ต่อให้นานแค่ไหนยังไงก็จะไม่ทอดทิ้ง เต็มใจดูแลลูกชายคนนี้ไปจนกว่าจะดูแลกันไม่ไหว
“วันข้างหน้า ถึงแม้ว่าพ่อจะตายวันนี้พรุ่งนี้พ่อก็ไม่เสียใจนะ เพราะแพทคงอยู่ด้วยตัวเองได้ เพราะพ่อให้ภูมิต้านทานเขาไว้เยอะ ครอบครัวเราก็ไม่เคยทิ้งขว้างเขา สภาพจิตใจเขาเข้มแข็งขึ้นเยอะ เรื่องนี้เราไม่เป็นห่วง ถึงพ่อตายไปคนอื่นในครอบครัวก็จะดูแลเขาต่อไป แพทไม่ขาดสิ่งเหล่านี้ กำลังใจเขาเปี่ยมล้นเพราะครอบครัวเป็นห่วงเขาไม่เคยทอดทิ้งเขา”
“ตอนนี้แพทลงทะเบียนเรียน เขาจะเอาปริญญาอีกใบนึงหลังจากที่เขาจบศึกษาศาสตร์สารสนเทศฯแล้ว เขาไม่อยากปล่อยตัวให้ว่าง เดี๋ยวพ่อก็ต้องไปจ่ายค่าหน่วยกิตให้เขา ทุกวันนี้พ่อก็ไปเยี่ยมเขาทุกอาทิตย์ ตลอดเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเพราะคนเราอยู่ได้ด้วยกำลังใจ พ่อก็จะดูแลเขาไปจนกว่าจะดูแลกันไม่ไหวนั่นแหละ”