"หมออ้อย" ควง "อุ๊บ วิริยะ" แถลงข่าวปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับ "กะเทยแชมป์" กรณีตุ๋นเงิน "หนุ่มวิศวกร" เข้าวงการ บอกไม่เคยชวนไปสตูดิโอ และเด็กสมัยนี้ควรกินปลาให้มาก วิจารณ์หนุ่มวิศวะหน้าตาต้องศัลยกรรมอีกเยอะถึงจะได้เข้าวงการ ตั้งข้อสงสัยเป็นวิศวะจริงหรือเปล่า บอกเด็กของแชมป์ไม่ดังเพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มาจากต่างจังหวัด หน้าตาก็ไม่ดีขนาดเอาไปเสริฟร้านไก่ก็ยังไม่ได้เลย ยืนยันสัมพันธ์กับกะเทยแชมป์แค่เด็กถือของเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เคยไปแจ้งความว่าถูก “แชมป์ รัฐริมธีรกุล” ใช้ชื่อไปแอบอ้างและฉ้อโกง แต่จู่ๆ “หมออ้อย จุฑารัตน์ เทียมสุวรรณ” ก็ไปมีชื่อผู้อยู่ในเหตุการณ์กรณีแชมป์ไปหลอกเงิน “ดุลย เหมปฐวี” วิศกรบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเพื่อจะพาเข้าวงการบันเทิง โดยหนุ่มวิศวคนดังกล่าวอ้างว่า ที่เชื่อและยอมจ่ายเงินนั้นเป็นเพราะหมออ้อยอยู่ด้วย แถมตัวหมออ้อยเองยังมีการชักชวนให้มาแคสติ้งที่สตูดิโอที่ตนเป็นพิธีกรอยู่ ทำให้หนุ่มวิศวกรมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง
แต่ภายหลังเมื่อปรากฏว่าถูกหลอกให้เสียเงิน หนุ่มวิศวกรก็ได้เข้าแจ้งความที่สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ทำเอาหมออ้อยถึงกับนั่งไม่ติดออกโรงแถลงข่าวร่วมกับ “อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ” นักปั้นชื่อดัง ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แต่รับว่าวันนั้นได้ไปทานข้าวกับวิศวกรหนุ่มและแชมป์จริง แต่ไม่มีการชักชวนให้ไปแคสที่สตูดิโอ มีแต่หนุ่มวิศวกรเท่านั้นที่ขอไปดูการทำงานของตน ส่วนความสัมพันธ์กับแชมป์ก็แค่เด็กถือของเท่านั้น
อุ๊บ : “ผมมาในฐานะชมรมนักปั้นแห่งประเทศไทย ที่คอยช่วยเหลือคนในวงการบันเทิงที่ถูกกระทำ ถูกแอบอ้างนะครับ เพื่อความจริงและความถูกต้อง และที่สำคัญจะต่อต้านพวก 18 มงกุฎที่แฝงอยู่ในวงการบันเทิง และผมก็เคยดูแลหมออ้อยมา ก็ขอยืนยันว่าเขาไม่เป็นคนเช่นนั้นนะครับ แล้ววันนี้ผมก็มาให้กำลังใจหมออ้อยนะครับ และก็อยากให้หมออ้อยพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นอย่างไร”
หมออ้อย : “ถามว่าวันนี้อยากแถลงข่าวไหม ก็ไม่เชิงนะเพราะว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวอีก เพราะก็เคยไปแจ้งความไว้ที่สน.วังทองหลางกับคุณหนิงมาเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มีการลงบันทึกประจำวัน แต่หลังจากสองปีไปแล้ว ก็ยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นระลอกๆ แต่ว่าผู้ร้องทุกข์ไม่ได้จริงจังที่จะเอาเรื่องเอาราวเท่าไหร่ เพราะว่าค่าใช้จ่ายที่โดนคุณแชมป์เอาไปอาจจะไม่เยอะ”
“ถ้าถามว่ารู้จักคุณแชมป์ได้อย่างไร ก็ประมาณว่าเมื่อก่อนเราออกงานเยอะ แล้วคุณแชมป์ก็เข้ามาตีสนิท แล้วก็มาบอกว่าเขามีเราเป็นไอดอล แล้วก็ชอบที่เราแต่งตัวเก่ง แล้วเขาก็ยังบอกว่าเขาเป็นเจ้าของสวนลั่นทมที่ราชบุรี แต่ก็ไม่สนใจว่าเขาจะรวยหรือไม่ แต่ถ้าเรารู้สึกดีกับใครแล้วก็จะอยากคุยด้วย แล้วเวลาเราออกงาน เขาก็จะคอยมาเทคแคร์เราเป็นอย่างดี เราก็รู้สึกว่า เขาเป็นแฟนคลับเราจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เจอเขาบ่อย เพราะเวลาเราไปงานเราก็จะไปกับแฟน แต่ก็จะมีน้องแชมป์คนนี้มารับเรา แล้วก็คอยดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปหรือเจอนักข่าวต่างๆ แล้วเราก็ติดต่อกันมาโดยตลอด”
“แล้วเราก็ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แล้วคำว่าผู้จัดการเนี่ย จะต้องเป็นคนหางานมาให้ แต่ตลอดที่อยู่ในวงการมา 13 ปี ก็หางานเองมาตลอด แล้วเราก็ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว แต่ก็มีบ้างบางงานที่แฟนเราไม่ว่างแล้วเราไปคนเดียว เราก็จะโทรหาแชมป์ว่ามานั่งเป็นเพื่อนหน่อย แล้วเราก็จะให้เงินเขาครั้งละ 500 บ้าง 1,000 บ้าง เพราะว่าเขาไม่มีรถ ก็ถือว่าเป็นค่าขนมเด็กๆ ไป ก็ถือว่าเป็นการจ้างวานกันไป แล้วก็มีบางงานที่ไปไกลๆ ก็จะบอกให้เขามารับที่คอนโด เพราะเราก็ไม่รู้ทาง แล้วเขาก็จะนั่งแท็กซี่มารับ และหลังจากเลิกงานก็ต่างคนต่างกลับ เรื่องก็มีแค่นี้ ไม่ได้มีสถานะว่าเป็นผู้จัดการอะไรทั้งสิ้น”
“แต่ส่วนที่เขาไปแอบอ้าง ก็เคยเตือนเขาไปแล้ว เพราะเราก็เป็นคนตรงพอสมควร แล้วเวลาขึ้นแท็กซี่เราก็จะด่า เราใช้ภาษาบ้านๆ เลยนะ ว่าอย่างไปหลอกใครเพราะก็ให้โอกาสบ่อยแล้ว ถ้าอีกครั้งหนึ่งจะไม่ไว้หน้าแล้วนะ จะแจ้งความเอาเราติดคุก เมื่อวานเขาก็ส่งขอความมาว่า สงสารผมเถอะ อย่าเอาผมติดคุกเลย เราก็บอกว่าให้โอกาสหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็จะไม่เจอกันอีก เราจะไม่ไปไหนด้วยกันแล้ว และเขาก็บอกว่าเขาจะตกลงกับน้อง ว่าจะคืนเงิน 9,000 บาท”
“แล้วถ้าถามว่าเคยถูกแชมป์เอาเงินไปบ้างไหมก็มี แต่ก็เป็นเงินนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็เคยเปิดตัวงานอาโออิที่เป็นของหมออ้อย แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว ตอนนั้นเขาก็ได้เชิญแขกวีไอพีมา แล้วก็ไม่ได้บอก และก็เอาผลิตภัณฑ์ของเราไปแจก แล้วก็บอกว่าตัวเองเป็นแม่งาน ผลิตภัณฑ์ที่หายไปวันนั้นเป็นจำนานเงิน50,000 บาท แล้วทางหุ้นส่วนก็บอกว่าจะไปกระทืบ แล้วก็แจ้งความจับ เราก็บอกว่าช่างมันเถอะ”
บอก ยังรัก “แชมป์” อยู่ เพราะก็เป็นคนที่มีบุญคุณต่อกันมาก่อน
“ก็ต้องบอกก่อนว่า แชมป์ไม่ใช่ไฮโซนะ แล้วก็ไม่ได้มาเผาน้อง ถ้าถามว่าตอนนี้ยังรักน้องเขาอยู่ไหม ก็บอกว่ายังรัก แล้วน้องเขาก็ยังมีบุญคุณกับเรา เพราะเป็นเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วเราก็ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีใครอบรมสั่งสอน แล้วบ้านก็อยู่เป็นห้องเช่าเป็นรายวัน วันละ 500 ถ้าไม่มีจ่ายก็ต้องย้ายออกไป ถ้าเราไม่ช่วยก็กะไร พี่อุ๊บเรายังช่วยได้ เราก็ไม่ได้รักเกลียดอะไร ไม่ได้จะไม่คบคนระดับต่ำกว่าเรา ถึงแม้บุคลิกภาพเขาจะดูเยอะดูเว่อร์ เราก็ต้องคอยเตือนเขาตลอด แต่เราก็ไม่ใช่แม่เขา เราเตือนเขาก็อาจจะฟัง แล้วเขาก็บอกว่าเขาไม่เคยกลัวใครนอกจากหมออ้อยคนเดียว เพราะว่าเป็นเหมือนแม่เขา แต่เราก็ไม่ใช่สายเลือดเขา”
“แต่วันนี้ถามว่าจะเอาน้องเขาถึงตายเลยไหม ก็ไม่ แต่ก็แค่อยากมาบอกให้กับพี่ๆ นักข่าวว่า อยากให้สื่อเตือนน้องๆ ที่อยู่ในวงการ แล้วเรื่องนี้จะโทษคุณแชมป์คนเดียวก็ไม่ได้ อันนี้ไม่ได้เข้าข้างนะ แต่พูดเป็นกลาง เราจะว่าเด็กต้องกินปลาเยอะๆ นะคะ เพราะปลามีโอเมก้า3เยอะ”
พร้อมเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่ “แชมป์” ไปหลอก “ดุลย เหมปฐวี” คู่กรณีจนต้องมีการแจ้งความกันเกิดขึ้นว่า….
“อย่างเรื่องของคุณดุล เราก็ไม่รู้จักเขาก็บอกว่าเขาจบวิศวะ แล้วก็ไปนัดเจอคุณแชมป์ที่พารากอนตอนบ่ายสาม แล้วเขาก็ตามแชมป์มา และก็กดเงินให้ 9,000 บาท โดยที่เราไม่รู้เรื่อง แล้วหมออ้อยก็นัดเขาไปเมเจอร์รัชโยธิน เพราะแฟนเราไม่อยู่จะให้เขาไปเป็นเพื่อน เขาก็บอกว่าเขาอยู่เซ็นทรัลลาดพร้าวพาเด็กไปถ่ายรูป แล้วก็เก็บตังเด็กสัก 5,000 บาท แล้วตัวเองก็เอามา 3,000 แล้วเด็กคนที่ชื่อดุลก็เหมือนจะได้ถ่ายรู้ครั้งแรกเลย เท่าที่ทราบมา เขาก็บอกว่าเขาว่าง 4 ทุ่ม เราก็ไม่เป็นไร เพราะจะไปเอาชุดที่สั่งตัดไว้ แล้วพอ 4 ทุ่มเขาก็มารับที่คอนโด แล้วทุกครั้งที่เขามารับก็จะมีเด็กมาด้วยเสมอ แล้วก็เปลี่ยนหน้าไป เราก็ว่าเขาไม่ได้เพราะว่าก็เป็นเหมือนอาชีพเขา”
“แล้วเขาก็มารับ เราก็ไปที่เมเจอร์ เขาก็บอกว่าหิวข้าว แต่มื้อนี้เขาจะเลี้ยงเอง แล้วก็บอกว่าได้เงินจากเด็กมา แต่เราก็ไม่ได้สนใจ เพราะเราก็รู้ว่าเขาก็มีเด็กมีโมเดลิ่งของเขา แล้วเขาก็บอกว่าเขาลี้ยงเอง เพราะว่าเขาไม่เคยเลี้ยงคุณแม่เลย แล้วคุณดุลเขาก็พูดโน่นนี่นั่นมา ด้วยความที่เราพูดเล่น เราก็บอกไปว่านี่มัน 18 มงกุฎ ไม่กลัวไอ้แชมป์มันหลอกเหรอ แต่ในใจครึ่งนึ่งเราก็เหมือนเตือน เขาก็บอกว่าคุณแม่ก็พูดซะ เราก็บอกไปว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาอีกทีพี่ไม่เอาแล้วนะ”
“แล้วคุณดุลเขาก็พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า ผมเชื่อใจตัวเองว่าเขาไม่หลอกผมหรอก เราก็บอกว่าจำคำพูดตัวเองไว้นะ เพราะนี่มัน 18 มงกุฎ เราก็พยายามพูดเล่น แล้วก็คุยโน่นนี่กันไป พอกินเสร็จเราก็รีบกลับเพราะฝนตก เขาก็นั่งแท็กซี่มาส่ง แล้วเราก็ไม่ได้จ่ายค่าแท็กซี่อะไร เพราะแชมป์เขาก็จ่ายให้ทุกอย่าง เพราะอาจจะได้เงินตรงคุณดุลมา 9,000 แต่อันนี้ไม่รู้นะ”
“แล้วหลังจากนั้น 3 วัน แชมป์ก็ได้มาที่รายการเซ็กซี่ไนท์(รายการที่หมออ้อยเป็นพิธีกร) โดยพาเด็กที่ไม่ใช่คุณดุลมาอีก แต่เขาก็จะมาเนียนๆ เหมือนซื้อคริสปี้ครีมมาฝาก แล้วเราก็ว่าเขาไปกลางรายการเลยนะว่ามาทำไมที่นี่ไม่ใช่ที่นั่งเล่น ไม่ใช่ที่สำหรับเธอที่จะมาก็มาได้ ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเธอ ถ้าไม่มีธุระเธอก็ไม่ต้องมาที่นี่ ทุกคนก็จะได้ยินหมด แม้แต่โปรดิวเซอร์ หรือพิธีกรร่วม แล้วหลังจากนั้น 3 วันก็มากับคุณดุลอีก แต่วันนั้นคุณดุลมาก่อน เขาก็เดินเข้ามาหาเราในห้องแต่งตัว แล้วเขาก็บอกว่าพี่หมออ้อยครับ ผมได้เบิกเงินให้แชมป์ไป 9,000 บาท แล้วคุณแชมป์ก็ไม่ได้พาผมไปทำในสิ่งที่เขาได้ตกลง”
“เราก็บอกว่าเรื่องนี้พี่ไม่รู้เรื่อง แล้วก็ได้บอกไปแล้วใช่ไหมว่าเขา 18 มงกุฎ เขาก็ไม่ใช่ผู้จัดการ เขาแค่มาดูแล แล้วพี่ก็ได้เตือนเธอแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับพี่ เขาก็ถามว่าพี่มีอะไรแนะนำผมไหม เราก็บอกว่ามีแค่เรื่องเดียว แล้วก็ไม่สนใจด้วย ก็คือให้แจ้งความ เรื่องนี้เราเป็นคนบอกเขาเองว่าให้แจ้งความ เขาก็บอกว่าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจพี่นะ เราก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามผิด แล้วหลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวาน คุณดุลได้ไปแจ้งความที่สน.สุทธิสาร”
“แล้วเราก็ไม่ได้ตามข่าว แฟนมาบอกว่ามีข่าวขึ้นมาเสื่อมมากเลยนะ แล้วเราก็เข้าไปดูในเว็บฯ ในข่าวก็บอกว่าเราไปนั่งคุยด้วย ร่วมรู้เหตุการณ์ต่างๆ ว่ามีการแคชพิธีกรรายการเซ็กซี่ไนท์ ต้องบอกก่อนว่ารายการเซ็กซี่ไนท์ ปกติเราจะใช้ดารา พิธีกรทุกรายการจะใช้ดาราหมด เราจะไม่ใช้เด็กที่ไม่มีโปรไฟล์ เพราะฉะนั้นการแคสดาราไม่ได้เป็นหน้าที่ของหมออ้อย เพราะก็เป็นแค่พิธีกรรับจ่าง ไม่ได้มีอำนาจที่จะเอาคนโน้นคนนี้เข้ามาแคส”
“แล้วที่เขาบอกว่าได้มีการตกลงเรื่องเงิน 9,000 บาท มีหมออ้อยนั่งอยู่ด้วย แล้วก็มีการแคสพิธีกร ขอบอกได้เลยว่าไม่เคยออกไปนอกสถานที่ ถ้าไม่ใช่เรื่องงงาน ที่พารากอนกับคุณแชมป์ ไม่เคยไปนั่งเสวนาด้วย แล้วโดยส่วนตัวก็ไม่เคยเดินไปไหนกับคุณแชมป์ในที่สาธารณะ เพราะเรารู้สึกว่าเขาเยอะ แล้วเวลาเดินกับเรา เขาก็จะรู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่ เพราะมีคนบอกว่าเวลาเขาไปกินข้าวที่ร้านอาหาร เขาก็จะบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการหมออ้อย ขนาดเรายังพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะเราจะไปพูดจาไม่ดีกับเด็กเสิร์ฟมันก็ไม่ดี แล้วที่เราไม่อยากไปไหนกับเขาก็เพราะว่าเขากร่างมาก แล้วเราก็อาย”
“แล้วที่ต้องอยู่กับเขาก็เพราะว่า แฟนไม่มีเวลาจะมาดูแลเรา เมื่อก่อนกับแฟนเก่าเขาไม่ได้ทำงาน ไปไหนก็จะไปด้วยกันตลอด แต่พอเรามีแฟนใหม่ซึ่งทุกคนก็รู้จักดี แต่เขาก็มีงานทำ โดยเวลาของเราไม่ตรงกัน แล้วจะไปไหนมาไหนเราก็ก็ต้องดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นแชมป์เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะคอยดูแลในเรื่องที่จะออกไปข้างนอกและทำงาน”
“ตอนนี้กับคุณแชมป์ก็ได้มีการคุยผ่านโทรศัพท์ เมื่อวานเขาก็บอกว่าพี่อย่าเอาผมถึงขนาดติดคุกเลย แล้วก็อย่าแจ้งความผมเลย เพราะจะใช้เงินที่เอามาจากพี่ทั้งหมด แต่ก็ต้องขอทยอยใช้ได้ไหม ส่วนเงินของน้อง 9,000 ผมจะจัดการคืนทั้งหมด เขาก็เหมือนกับเป็นน้องที่คอยดูแล แต่ไม่ใช่คนใช้”
“แต่ก็เหมือนกับใช้ในเรื่องที่เราวาน โดยการที่เราก็แลกเป็นเงิน หรือในขณะที่เขาไม่สบาย ไม่มีเงินไปหาหมอเขาก็จะมาหาที่คอนโด มาขอเงิน 2,500 บ้าง 3,500 บ้าง เราก็ไม่เคยเอาคืน เพราะถือว่าเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ แล้วก็ต้องยอมรับว่าเราเรียกเขาเมื่อไหร่ เขาก็จะมาเมื่อนั้น ไปไหนก็จะไปด้วยตลอด แล้วเขาก็ไม่เคยที่จะขโมยเงิน แต่กับคนอื่นไม่รู้นะ แต่กับเราเขาไม่เคยทำ ไม่ขอเงินยกเว้นแต่เราให้เอง”
รับคาดไม่ถึงว่าหนุ่มวิศวกรจะแจ้งความจริงๆ ก่อนตอกอีกฝ่ายหน้าไม่ผ่าน ต้องทำศัลยกรรมอีกเยอะถ้าจะเป็นพิธีกร
“เราไม่คิดว่าเขาจะแจ้งความ เนื่องจากว่าที่บอกว่าคุณดุลไปหาที่สตูดิโอ สักพักคุณแชมป์ก็เข้ามา แล้วเขาก็คุยกันระหว่างที่เราอัดรายการ แล้วคุณแชมป์ก็พิมพ์เข้ามาในมือถือว่าขอกลับก่อน ผมได้คุยกับน้องเรียบร้อยแล้ว และก็มีการชำระหนี้เป็นจำนาน 9,000 บาทให้ ด้วยการผ่อนเดือนละพัน เราก็คิดว่าเรื่องมันจบ เราก็ได้ส่งข้อความไปบอกแชมป์ว่าอย่าให้มีเรื่องมีราวอีก เพราะถ้ามีอีกพี่ไม่ช่วยแล้ว”
“ตั้งแต่รู้จักแชมป์มาไม่เคยรู้เลยว่าแชมป์อยู่ที่ไหน แต่มีครั้งหนึ่งสงสารเขา จะเอาเขามาอยู่ที่คอนโดด้วย แต่คิดไปคิดมาแล้วกลัวว่าจะเป็นภาระ เพราะว่าเขาชอบมีผู้ชายไม่ซ้ำหน้าตลอดเวลา กลัวจะเป็นปัญหา แล้วแฟนก็บอกว่าอย่าเลยดีกว่า เอาเป็นครั้งๆ ไป แล้วก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง เพราะจากที่อ่านในเว็บฯเขาบอกว่าคุณแชมป์ติดต่อไม่ได้เลย แล้วก็จำนวนเงิน 9,000 บาทคุณแชมป์ไม่ได้มีการโอน ไม่มีการตกลงกันไว้ แต่ที่โกรธมากก็เพราะว่า น้องบอกว่าหมออ้อยได้มีการร่วมนั่งรับรู้ในเรื่องของจำนวนเงิน 9,000 บาท แล้วก็รู้เรื่องการแคสพิธีกร”
“เราก็เป็นคนเฟรนด์ลี่ แล้วเวลาแชมป์อยู่กับเราเขาก็ไม่ได้แย่ เราก็คิดว่าเราเป็นหมออ้อย เราเป็นดาราแล้วเวลาเขามาอยู่กับเราเขาก็จะรู้สึกตื่นเต้น เราก็จะคุยว่าการกินข้าวกับหมออ้อยไม่ใช่เรื่องแปลก เหมือนกินข้าวกับพี่กับเพื่อน เราก็จะมีแซวๆ ว่าแชมป์ไปหลอกเด็กมาอีกหรือเปล่า ส่วนน้องดุลเขาก็เป็นคนพูดคุยเก่ง แล้วเสียงเพราะ แบบนี้จะเป็นพิธีกรก็ไม่ยากนะ ต้องไปฝึกอีกหน่อย แต่เราก็พูดแบบนี้กับทุกคนนะ แล้วก็ไม่เคยชักชวน ก็ต้องบอกเลยว่าน้องเขาหน้าไม่ผ่าน ต้องทำศัลยกรรมอีกเยอะเลย ถ้าจะเป็นพิธีกร”
บอกที่เด็ก “แชมป์” หามาแต่ละคนไม่ได้เข้าวงการบันเทิงก็เพราะแต่ละคนเป็นเด็กต่างจังหวัด หน้าไม่ผ่าน แถมยังไม่ค่อยได้กินปลา
“แต่ที่บอกว่าเขาเป็นพิธีกรได้ก็เพราะเขาพูดคุยเก่ง แล้วโปรไฟล์เขาเป็นวิศวะ ส่วนแชมป์เขาจะไปไปแคสที่ไหนเราไม่รู้ แล้วแชมป์เขาก็เคยพาเด็กไปแคสที่ช่องฮิตสเตชั่น แล้วเขาก็พาเด็กเข้าไปเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แล้วก็มีเด็กของแชมป์เข้าไปทำงาน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสังกัดของแชมป์ เหมือนเขาพาไปแล้วที่ได้ก็เพราะไปคุยกับโปรดิวเซอร์ แล้วแชมป์เขาก็ไม่ได้โกหกกับทุกคน แต่เด็กแชมป์ที่ไม่ได้ทำงานวงการบันเทิงเพราะอะไร แชมป์จะได้เด็กต่างจังหวัด เด็กที่ไม่ได้กินปลา ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วจากที่ดูมา หน้าไม่ผ่านเลยสักคน เพราะประมาณว่าเอาไปเป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านไก่ทอดยังไม่ได้เลยนึกออกป่ะ เพราะฉะนั้นมันไม่มีทางที่จะรับงานได้เลย”
ส่วนที่ไม่เอา “แชมป์” กับ “ดุลย เหมปฐวี” มานั่งแถลงข่าวด้วยก็เพราะอยู่คนละสเตตัสกัน!
“ถ้าถามว่าทำไมไม่ออกมาแถลงข่าวพร้อมกัน ก็จะบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ในสเตตัสที่หมออ้อยจะมานั่งด้วย เราได้ได้หยิ่งยโสนะ แต่บางที่ ที่เราแบ่งแยกสเตตัส มันก็จะทำให้การปกครองมันง่ายขึ้น แล้วสำหรับคุณดุล ก็เป็นใครก็ไม่รู้ เขาก็ไม่ได้อยู่ในสเตตัสที่หมออ้อยจะหยิบเขาขึ้นมานั่งคุยด้วยตรงนี้ หรือคุณแชมป์ก็ไม่ได้มีเกียรติยศโปรไฟล์พอที่หมออ้อยจะเอาขึ้นมานั่งตรงนี้แล้วคุยด้วย ถ้าเราหยิบใครมานั่งคุยได้ ต่อไปทุกคนก็จะใช้หมออ้อยเป็นเครื่องมือ เพราะฉะนั้นคนที่จะเป็นคู่กรณีของหมออ้อย แล้วมานั่งคุยตรงนี้ได้อย่างน้อยสเตตัสต้องไม่ห่างกัน”
เจ้าตัวแนะให้ “แชมป์” เอาเงินมาใช้หนี้ แล้วก็ให้ออกจากวงการบันเทิงไปเลย ถ้าหางานไม่ได้จะหาให้ เป็นงานที่กระเทยทำได้
“วันนี้ที่ชี้แจงตัวเองบอกได้เลยว่าไม่ต้องการดังอะไร เพราะก็ไม่ดังไปกว่านี้แล้ว แต่จะชี้แจงว่า ต่อไปนี้นะจำหน้าแชมป์ไว้ดีๆ เลย ว่าคนนี้อย่างไปยุ่งด้วย แล้วหมออ้อยก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และก็ไม่มีความสามารถพาใครเข้าวงการได้ เพราะว่าตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย ทุกวันนี้ก็ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเหมือนกัน สุดท้ายก็บอกว่าอยากให้คุณแชมป์เอาเงินไปใช้คุณดุล แล้วก็ไปไม่ต้องมาอยู่ในวงการบันเทิงอีกต่อไป ไปทำมาหากินอะไรก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะใจอ่อน หางานให้เขาทำ อะไรที่กะเทยทำได้ก็อันนั้นแหละ”
“แล้วก็ได้มีโอกาสคุยกับคุณมดดำ แล้วเด็กสมัยนี้มันก็โง่นะ มันโง่จริงๆ อ่ะ แล้วถ้าคุณแชมป์เป็นไฮโซ แล้วจะไปอยู่บ้านเช่า 500 ทำไม แล้วใส่ปลอมตั้งแต่หัวยันเท้าเลย ใครไม่รู้ก็แย่แล้ว ไฮโซกระเป๋าสี่แสนเหรอ ดาราเขาเล่นหนังเรื่องละล้านเขายังไม่ใช้ของจริงเลย แล้วไฮโซเขาต้องดูกันที่นามสกุล ณ โน่น ณ นี่ แต่นี่มันนะจ๊ะ ไม่ใช่ไฮโซ ขนาดตัวเราเองเคยมีนามสกุลที่เป็นนักการเมือง ยังไม่เคยเรียกตัวเองว่าไฮโซ ยกเว้นว่าสื่อเรียกกันไปเพื่อตีข่าวให้มันแรงโน่นนี่นั่น ก็เป็นเรื่องของสื่อ แล้วถามว่าตัวเองเคยเรียกตัวเองว่าแพทย์หญิงไหม ก็ไม่ เพราะตัวเองเป็นพยาบาล แต่ก็เคยแต่งงานกับคุณหมอเปิดคลินิก มีธุรกิจส่วนตัว”