การหักโหมในการทำงาน หรืออาการเครียดและพักผ่อนน้อยสำหรับคนในวงการบันเทิง ทำให้ปัจจุบันโรคภัยไข้เจ็บต่างถามหาจนดารา นักแสดง หลายต่อหลายคนต่างพากันล้มป่วย และที่หลายคนกำลังเจ็บป่วยอยู่ในขณะนี้ คือโรคปลายประสาทอักเสบ คู่ที่ 7 หรือ โรค “Bell's Palsy” (เบลส์ พอลซี่)
ปลายปีที่ผ่านมา หลังจากดาราหนุ่ม “โอ อนุชิต สพันธ์พงษ์” ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนได้ป่วยเป็นโรคไวรัสลงปลายประสาทคู่ที่ 7 อักเสบ ซึ่งส่งผลทำให้มีอาการปากเบี้ยว หน้าชา โดยมีอาการเริ่มมาจากเหมือนนอนตกหมอน ปวดคออยู่หลายวัน จากนั้นก็มีอาการปวดหัวเวลายิ้มปากก็จะขยับไม่ได้ อาการต่อมาคือเริ่มเคี้ยวอาหารในปากไม่ได้ ซึ่งอาการเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งนี้ดาราหนุ่มได้เปิดเผยถึงสาเหตุของโรคไวรัสลงปลายประสาทไว้ว่า...
“ผมคาดว่าเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียดแต่ทั้งนี้เรื่องเครียดๆผมไม่ค่อยมี จึงคาดว่ามาจากการพักผ่อนน้อยมากกว่า ซึ่งทุกคนสามารถเป็นได้ หากร่างกายอ่อนแอ ส่วนการรักษานั้นแพทย์ให้ยาฆ่าเชื้อไวรัส และให้ทำกายภาพบำบัดครับอาการจะดีขึ้นภายใน 7 วัน แต่ก็ต้องมีการทำกายภาพบำบัดอีก1เดือน ซึ่งหมอบอกว่าจะหายเป็นปกติร้อยเปอร์เซ็นแน่นอนครับ” ล่าสุดอาการของหนุ่มโอก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายดีเป็นปกติแล้ว
“ณัฐ ศักดาทร” (เอเอฟ 4) นักร้องหนุ่มแห่งบ้านนักล่าฝัน ก็ต้องเบรกรับงานอย่างกะทันหันเช่นกัน เมื่อเจ้าตัวพบมีอาการป่วยด้วยโรค ''Belle's Palsy'' (เบลส์ พอลซี่) หรือโรคปลายประสาทอักเสบคู่ที่ 7 (ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก) ทำให้นักร้องหนุ่ม ต้องทำการพักรักษาตัวด่วน ซึ่งคุณหมอชี้แจงว่า อาการของณัฐอยู่ในระยะ 60 เปอร์เซ็นต์
“ตอนแรกที่เป็นก็ตกใจมากๆ คือคุณหมอบอกว่า โรคนี้เกิดจากการทำงานอย่างหนัก และไม่ค่อยได้พักผ่อนครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ณัฐเขียนหนังสือ เรียกว่าเขียนตั้งแต่ช่วงบ่ายจนไปถึงหกโมงเช้าของอีกวัน รวมทั้งเร่งทำงานเพลงเข้าห้องอัด และซ้อมละครเวทีด้วย ทำให้เชื้อไวรัส ส่งผลทำให้เกิดอาการดังกล่าว จึงต้องพักงานเพื่อรักษาตัวก่อน”
''ส่วนอาการเวลายิ้มจะเห็นค่อนข้างชัดว่าปากเบี้ยวข้างซ้าย สองข้างไม่เท่ากัน หรือเวลาที่ผมแปรงฟันน้ำก็จะรั่วออกปาก ซึ่งก็มีผลให้ทานอาหารได้น้อยลง และส่วนตาก็ไม่สามารถปิดสนิท ซึ่งตอนนี้คุณหมอก็แนะนำให้ทำกายภาพบำบัด ทานยา และก็ฝังเข็ม ซึ่งผมเองก็ยังโชคดีที่รู้เร็วอาการอยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์แต่พอฟังจากคุณหมอก็โอเคครับ ช่วงนี้ก็ขอพักผ่อนทำกายภาพ ไม่โหมงานหนักที่เกินกำลังเรา ก็น่าจะประมาณ 4 สัปดาห์ก็น่าจะปกติแล้วครับ''
ซึ่งอาการล่าสุดของนักร้องหนุ่มตอนนี้ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วแต่ก็ยังคงต้องพักผ่อนให้เพียงพอและไม่หักโหมการทำงานเพราะโรคนี้มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกครั้ง
อีกคนที่เจอโรคนี้เล่นงานเหมือนกันสำหรับ นางเอกสาวซุปเปอร์สตาร์ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ที่โหมรับงานหนักถ่ายทั้งภาพยนตร์ และละคร ทำให้นางเอกสาวไม่รอดแต่กว่าจะรู้ว่าสาว “พลอย”ปากเบี้ยวเพราะ ป่วยเป็นโรค ''Belle's Palsy'' (เบลส์ พอลซี่) ก็ถูกเม้าท์ไปแล้วว่าเป็นเพราะพิษโบท็อกซ์ งานนี้นางเอกสาวจึงชี้แจงป่วยของตัวเองว่า...
“ตอนนี้ก็ดีขึ้นค่ะ หมอบอกว่าขึ้นอยู่กับความเครียดคือถ้าเราเครียดน้อยมันก็จะไม่เป็น แต่ช่วงนั้นทำงานหนักและเครียดด้วย ตอนนี้ก็ใช้วิธีฝังเข็มรักษา ก็ดีขึ้น มันก็น้อยลง แต่ว่ามันก็ยังโย้ๆ ไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่เยอะมากเท่าตอนนั้น ยังไม่หายดีค่ะสามารถกลับมาเป็นได้อีกถ้าพลอยเครียด”
“อย่างวันก่อนถ่ายละครฉากร้องไห้ ซึ่งต้องใช้อารมณ์ มันก็มีดึงลงๆ มันจะเป็นอาการที่เป็นๆหายๆ ที่พลอยเป็นเพราะอาชีพนักแสดงต้องใช้อารมณ์เปลืองมาก สิ้นเปลืองกับอารมณ์มากๆ แล้วก็ช่วงนี้พลอยไม่ได้หยุดเลย งานเราก็ถ่ายตลอด มันก็เลยเป็นสภาวะความเครียดที่เราไม่รู้ตัวค่ะ เราก็บริหารหน้าปกติ หมอให้บริหารกล้ามเนื้อหน้า ก็มีอม ขยับหน้าเยอะๆ ฝังเข็ม แต่หมอบอกว่าโรคนี้เป็นเองหายเอง ขึ้นอยู่กับความเครียดของเรา มันไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยสเตียรอยด์หรืออะไรทั้งสิ้นค่ะ ก็พยายามไม่เครียด”
และล่าสุดมีข่าวว่าตลกชื่อดัง อย่าง “โหน่ง ชะชะช่า” ก็มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงส่งผลทำให้ปากเบี้ยวเช่นกัน แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดหรือเจ้าตัว
สำหรับ โรคปลายประสาทอักเสบ คู่ที่ 7 หรือ โรค Bell's Palsy เป็นการอักเสบของเส้นประสาทของสมองคู่ที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้า ซึ่งในวงการแพทย์เองนั้นก็ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าสาเหตุนั้นเกิดจากอะไรกันแน่ แต่โดยมากพบว่าเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ถ้าผู้ป่วยรู้ตัวเร็วและรีบมาพบแพทย์ ก็จะรักษาง่าย ขึ้นแต่ถ้าปล่อยไว้นานจะทำให้การรักษายิ่งยากขึ้นไปอีกทั้งนี้ถึงแม้ว่าโรคดังกล่าวไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิต แต่ก็สามารถทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาตถาวรได้เช่นกัน
โดยอาการเบื้องต้นของโรคนั้นจะมีไข้ต่ำเหมือนจะเริ่มเป็นหวัด หลังจากนั้นจะปวดบริเวณหลังใบหูทั้งนี้วิธีการรักษาแพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์ ควบคู่กับการทำกายภาพบำบัด ซึ่งวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอนั่นเอง