“อ้น” รับเข้าไปของานกับ “หน่อง อรุโณชา” ลั่นให้เล่นเป็นพ่อก็ได้ถ้าบทบาทสมเหตุสมผล เผยตอนนี้กำลังมุ่งมั่นเรียนต่อป.โทด้านนาฏศิลป์ไทยอยู่ แย้มอีก 2 ปีจบ ฝันอยากทำงานในพิพิธภัณฑ์ บอกไปสมัครงานไว้แล้วเรียบร้อย
หลังจากซิทคอมเรื่อง เทวดาสาธุ ลาจอไป หนุ่ม “อ้น สราวุฒิ มาตรทอง” ก็หายหน้าไปจากจอทีวีตามไปด้วย ล่าสุดเจ้าตัวมาร่วมเดินแบบในงานๆ หนึ่ง พร้อมเปิดใจยอมรับว่าอยากกลับมาเล่นละคร ถึงขั้นเข้าไปของานกับผู้จัด “หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์” บิ๊กบอสบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น แต่ตอนนี้ยังต้องร้องเพลงรอไปก่อน เพราะยังไม่มีบทที่เหมาะกับตน
“เราก็มีเข้าไปคุยกับพี่หน่องครับ ว่าเราอยากอยู่ตรงไหน แล้วทำอะไรอยู่ต่อหนึ่งสัปดาห์ แล้วเราอยากอยู่ตรงไหน แล้วทำอะไรอยู่ แต่เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยๆ ครับ เพราะพี่หน่องเขายุ่งมากครับ เราก็บอกว่าตอนนี้เราเรียนหนังสือนะ แต่เราก็ยังเหมาะกับงานละครอยู่ แต่เราก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเป็นพระเอก แต่ก็แค่บอกพี่หน่องไปว่าพร้อมสำหรับบทที่ดี ส่วนเรื่องในอดีตผมก็ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้จมอยู่ตรงนั้น เราผิดพลาดไป เราก็ต้องพยุงขึ้น แล้วก็เดินต่อ แล้วทำชีวิตตัวเองให้มันงดงามต่อไปอีก นี่เป็นสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่”
“ตอนนี้ก็เหมือนรอโอกาสและบทที่เหมาะสมครับ ส่วนมากบทละครที่มีอยู่ตอนนี้ก็จะเป็นละครวัยรุ่นทั้งนั้นเลย แต่ตัวผมก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว อีกอย่างก็มีคลื่นลูกใหม่เข้ามาเยอะด้วย เราก็นึกกลับตอนเราเป็นคลื่นลูกใหม่แบบนี้ เราก็ได้รับโอกาสดีๆ จากทางช่องอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้วงการก็เปิดกว้างขึ้น แล้วเราก็เข้าใจเพราะเคยผ่านมาก่อน และตอนนี้เราก็โตขึ้นมาแล้ว ก็ต้องหาบทที่เราต้องใช้ความสามารถมากขึ้น เพราะว่าถ้าเราอยากอยู่ตรงนี้แล้ว อยากมีความหมาย มันไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาอย่างเดียวแล้ว”
รับบทพ่อได้ ถ้าบทนั้นสมเหตุสมผล แล้วก็เป็นบทที่ดี
“ผมเข้าวงการมาแล้วเป็นนักแสดง ผมก็ต้องการเล่นละครบทที่ดี และถ้าให้ผมรับบทพ่อ แล้วถ้าลูกผมไม่เกิน 5 ขวบ สมเหตุสมผล ผมก็รับนะ เพราะถือว่าเป็นบทที่ดี เราก็ต้องเลือกบทบาทที่ดีบ้าง เพื่อทุกคนจะได้จดจำเราได้ แล้วตอนนี้ถ้ามีงานติดต่อเข้ามา เราก็ต้องขอดูก่อนว่า แต่ก็ขอให้มีติดต่อเข้ามานะ อยากให้ติดต่อเข้ามา แต่บางครั้งมีคนติดต่อเข้ามา แต่ก็ไม่สามารถรับไว้ได้ เพราะด้วยเรื่องเวลาหลายๆ อย่าง ทั้งๆ ที่เราอยากเล่น แต่ก็ต้องปฏิเสธไป แล้วอีกอย่างบทที่ดีมันไม่ได้รอเรา ถ้ามาแล้วเรารับไม่ได้ เราก็เสียดายบทนั้น”
“แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เซ็นสัญญากับบรอดคาซท์ฯแล้วครับ แต่ทางผู้ใหญ่ก็ยังน่ารักอยู่ครับ ผมคิดว่าเราโชคดีที่ยังเป็นที่เอ็นดูของทางผู้ใหญ่อยู่ครับ เราไม่น้อยใจหรอกครับ เรื่องที่เรามีละครน้อย เพราะว่ามันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยครับ และเรื่องบางเรื่อง เราก็ไปปรึกษาผู้ใหญ่ เขาก็บอกว่าก็อาจจะเป็นเวลาที่ไม่ลงตัว แล้วงานมันก็เลยไม่ได้ เพราะว่างานไหนที่ผมคิดว่าทำได้ไม่เต็มที่ ผมก็ต้องสละให้คนอื่นไป ส่วนเรื่องถ่ายแฟชั่นโชว์ซิกแพ็คก็คงยังไม่ครับ เพราะตอนนั้นก็ถือว่าโชว์ไปเยอะแล้ว”
เผยตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทด้านนาฏศิลป์ไทย ฝันอยากทำงานในพิพิธภัณฑ์
“ก็คิดถึงทุกคนนะครับ ก็อยากกลับมาเล่นละคร แล้วตอนนี้ผมก็ได้กระโดดไปยังอีกโลกหนึ่งแล้ว ก็คือการเรียนปริญญาโท ซึ่งวิชาที่เรียนก็เป็นนาฏศิลป์ไทย แล้ววิชานี้ก็เป็นเกี่ยวกับศิลปะไทย แล้วเราก็ต้องมีความรับผิดชอบในตรงนั้น แล้วก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตครับ แล้วอีกส่วนหนึ่งก็ยังอยากเล่นละครอยู่เหมือนกัน แล้วเราก็ยังรออยู่ว่าจะมีบทดีๆ ที่เหมาะกับเราเข้ามา”
“ตอนนี้การเรียนยากมากครับ แต่ก็มีความสุขมากครับ เราก็คิดว่าเราไม่ได้เก่งอะไรมากครับ แต่เราคิดว่าเราสนใจตรงนี้ แล้วเขาก็เปิดโอกาสให้เราเข้ามาศึกษา แล้วก็มีครูที่ดีเข้ามาสอนเรา แล้วก็ทำให้เราเข้าใจความเป็นไทยมากขึ้น แล้วผมก็รู้สึกซาบซึ้ง ทำให้เรามีความคิดต่างๆ นาๆ ว่าเราจะดูแลแผ่นดินนี้ได้อย่างไร”
“ตอนนี้ผมก็ไม่ได้วางแผนอะไรต่อไปครับ อย่างเป็นนักข่าวเราก็ต้องมีความฝันที่อยากจะทำอย่างอื่นด้วย แล้วผมก็มีงานที่ผมอยากทำ คืองานในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งผมแอบไปสมัครงานมาแล้ว ผมอยากทำงานด้านศิลปะไทย ผมก็ได้โอกาสนั้น แล้วถ้าเรียนจบ 2 ปีแล้ว เราก็จะตอบได้ว่าเราจะทำอะไรต่อได้ แล้วตอนนี้ที่ผมให้ความสำคัญก็คือการจัดการด้านวัฒนธรรมครับผม”