“สุประวัติ” ร่ำไห้รดน้ำศพ “กุ้งนาง” สุดภูมิใจที่ลูกสาวเข้มแข็งจนวาระสุดท้าย

รดน้ำศพ “กุ้งนาง” สุดเศร้า “สุประวัติ” เผยทำใจนานแล้วเพราะลูกป่วยมา 2 ครั้ง เจ้าตัวหัวใจแทบสลายที่เห็นกุ้งนางเจ็บปวด บอกถึงจะตกใจไม่คิดว่าจะเสียเร็วขนาดนี้ แต่ก็คิดว่าลูกไปสบายแล้ว ภูมิใจที่ลูกสาวเข้มแข็งจนวาระสุดท้าย

สิ้นใจอย่างสงบไปเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ด้วยวัย 42 ปี สำหรับ “กุ้งนาง ปัทมสูต” อดีตนักแสดงหญิงชื่อดังเมื่อ 10 กว่าปีก่อน หลังเจ้าตัวเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเมื่อกลางปี 2551 และรักษาหายกลับมาใช้ชีวิตปกติร่วม 2 ปี กระทั่งช่วงเดือนมิถุนายน 2553 เจ้าตัวโชคร้ายตรวจเจอมะเร็งกระดูกเชิงกรานจนต้องรักษาตัวตั้งแต่นั้นมา ก่อนจะมาทรุดหนักและเสียชีวิตในที่สุด

กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันนี้(6 ก.ย.) ญาติได้นำร่างไร้วิญญาณของ “กุ้งนาง” มาตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 5 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยมีกำหนดสวดอภิธรรมศพเป็นเวลา 7 วัน และฌาปนกิจในวันที่ 13 ก.ย. เวลา 14.00 น. บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัวทุกคนต่างร่ำไห้ด้วยความอาลัยรักในการจากไปในครั้งนี้ มีเพื่อนพ้องในวงการบันเทิงทยอยมาร่วมพิธีรดน้ำศพ อาทิ ศรราม เทพพิทักษ์, ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ, นีโน่ เมทนี บุรณศิริ, เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์, ถั่วแระ เชิญยิ้ม, พุฒิพงษ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร, ตระการ พันธุมเลิศรุจี, มรกต มณีฉาย, เป็ด เชิญยิ้ม และ ก้ามปู ปัทมสูต พี่สาวผู้ตาย 

ต่อมาเวลาประมาณ 18.30 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ โปรดให้ น.ส.พิชดา เอี่ยมสำองค์ เป็นผู้แทนพระองค์ เชิญพวงมาลาวางหน้าหีบศพของกุ้งนาง สร้างความปลาบปลื้มให้กับครอบครัวปัทมสูตอย่างหาที่สุดมิได้

ทางด้านของ “สุประวัติ ปัทมสูต” ผู้เป็นพ่อได้ออกมาเปิดใจถึงการสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักว่า ที่ผ่านมาแม้จะป่วยหนักแค่ไหนแต่ลูกสาวเป็นคนเข้มแข็ง แม้จะตกใจและเสียใจ แต่ก็คิดว่าลูกไปสบายไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป

“ผมได้ทำใจกับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เพราะเขาป่วยมาครั้งที่2 แล้ว และเพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่หาย ตอนที่เขารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลพวกเราได้ดูแลและให้เวลากับเขาอย่างมาก ผลัดเวรกันไปเฝ้า แต่สิ่งที่รู้สึกเสียใจคือตอนที่ลูกจากไป ผมไม่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้นเพราะเขาเสียในช่วงเช้า ซึ่งผมยังเดินทางมาไม่ถึงและในช่วงวาระสุดท้าย ผมไม่สามารถทำตามความต้องการของเขาได้ เพราะช่วงที่ลูกป่วยหนักมากๆ จนไม่สามารถพูดได้ ก็เลยไม่รู้ว่าลูกต้องการอะไร”

“ผมเห็นลูกพูดไม่ได้ ลูกเจ็บปวด ทำได้แค่กลอกตาไปมา เห็นแล้วหัวใจแทบแตกสลาย ในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไป มีหลายเรื่องที่เหมาะเจาะ ทั้งเรื่องที่ในคืนนั้นมีญาติสนิทและเพื่อนๆ ดาราในวงการเข้าไปเยี่ยมมากมาย ส่วนตัวผมเองได้เช็ดตัวให้กับเขา และอ่านบทสวดมนต์ให้เขาฟัง 5-6 บท ผมคิดว่าวันนั้นเขาได้รับความอบอุ่นไปเต็มที่แล้ว”

“ถึงจะเข้าใจสัจธรรมเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย แต่ผมก็ยังตกใจและเสียใจ ไม่คิดว่าเขาจะเสียเร็วขนาดนี้ แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้รู้สึกภูมิใจเพราะกุ้งนางเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่โวยวาย มาถึงจุดนี้เขาไปสบายแล้ว ที่ผ่านมาเขาทรมานมามากแล้วครับ วาระสุดท้ายเขาสั่งชุดสีขาวและเลือกรองเท้าจากแบรนด์ที่ชอบไว้เหมือนเป็นการเตรียมการล่วงหน้า หลังเผาวันที่ 13 กันยาฯ เราจะนำกระดูกไปลอยอังคารที่ทะเลเพราะกุ้งนางอยากไปทะเล แต่ยังไม่สรุปว่าจะไปที่ไหน”