xs
xsm
sm
md
lg

เอเชียรามา : Red to Kill นรกของสาวชุดแดง

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี


การกำเนิดของหนังเกรด III ในยุค 90 กลายเป็นการ “ปล่อยผี” ของคนทำหนังชาวฮ่องกง เมื่อประตูแห่งความต้องห้ามถูกเปิดออก งานบันเทิงที่เต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยง ทั้งในแง่การนำเสนอ และเนื้อหาที่คาบเกี่ยวอยู่กับเส้นแห่งความถูกต้องเหมาะสมก็ทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก รวมถึง Red To Kill ที่ว่าด้วยฆาตกรโรคจิต และความซวยของสาวชุดแดง

Exploitation film เป็นงานในสาย "หนังคัลท์" ที่มีความหมายสแลงค์ ถึงหนังประเภทที่ผู้สร้างหวังกอบโกยกันด้วยวิธีง่าย ๆ ลงทุนต่ำ อาศัยเนื้อหาประเภทเรื่องเพศ และความรุนแรงเป็นจุดขายที่สำคัญ

Red to Kill คือหนึ่งในหนังแนว Exploitation film ที่เรียกว่าดังระดับคลาสสิกเรื่องหนึ่ง ของวงการหนังฮ่องกงที่ในยุคสมัยหนึ่งสร้างหนังแนวนี้ออกมากันอย่างมากมายเหลือเกิน เป็นหนังที่เรียกว่าขายทั้งความรุนแรง และเซ็กกันแบบไม่มีปิดไม่มีบัง เป็นผลงานระดับเด่นดังในวงการประเภทเดียวกับ “ซาลาเปาเนื้อคน” และ “อีโบล่า ซินโดรม” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรานั่นเอง

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยคดีสุดโหด เมื่อหญิงรายหนึ่งฆ่าตัวตายพร้อมลูก หลังพบกับปัญหาที่แก้ไม่ได้ไขไม่ออกในชีวิต นักสังคมสงเคราะห์สาว ที่ประสบพบเหตุครั้งนี้ต่อหน้า ไม่สามารถจะยอมรับกับการทำงาน ที่ต้องเฝ้ามองความเลวร้ายของสังคมมากมาย โดยตนเองช่วยเหลือแก้ไขอะไรไม่ได้เลยอีกต่อไป เธอตัดสินใจยื่นใบลาออก แต่แทนที่จะได้ออกจากงานที่อันหนักอึ้งทันที เธอกลับได้รับมอบหมายหน้าที่สุดท้าย ในการช่วยเหลือ เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้กับ “หมิงหมิง” เด็กสาวผู้มีความผิดปกติทางสมอง ซึ่งสูญเสียบิดาญาติคนเดียวไปจากอุบัติเหตุ

หมิงหมิง ต้องเข้าไปอาศัยในบ้านเด็กพิเศษที่มี “คุณเฉิน” เป็นผู้ดูแล ชายที่ให้ความรักแก่สมาชิกของบ้านทุกคน ดูแล “เด็ก ๆ” อย่างใจเย็นมีเมตตา แม้ชาวบ้านจะแสดงความรังเกียจพวกเขาออกมาอย่างเปิดเผย ซ้ำร้ายเมื่อมีเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้น ผู้มีความผิดปกติทางสมองยิ่งถูกกล่าวหา และเป็นแพะรับบาปที่ชาวบ้านทุกคนชี้นิ้วกล่าวหากันโดยไม่มีหลักฐานอะไรทั้งสิ้น

Red To Kill หนังปี 1996 เป็นผลงานของ “บิลลี่ ถัง” ผู้กำกับที่โด่งดังมากับหนังเกรด 3 อีกคน ในผลงานชิ้นนี้เขาไม่ได้พยายาม “เก็บความลับ” เรื่อง “ฆาตกรตัวจริง” ไว้ให้มิดชิดอะไร เมื่อหนังเดินทางไปถึงเวลาประมาณนาทีที่ 20 คุณเฉินผู้แสนดีก็เปิดหน้ากากออกมา

จากวัยเด็กที่เห็นความตายของพ่อและแม่เกิดขึ้นต่อหน้า แถมซ้ำยังเติบโตมาในบ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องเพศและการใช้ความรุนแรง เฉิน ได้สร้างปมส่วนตัวที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอันวิปริตต่อผู้หญิงที่สวมใส่ชุดสีแดง … โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “หมิงหมิง” เด็กพิเศษน่าตาสะสวยน่ารัก ที่นิยมชมชอบการใส่ชุดสีแดงอยู่เสมอ

สาวน้อยผู้มีปัญหาทางสมองต้องตกเป็นเหยื่อกามของ คุณเฉิน ชายที่ชาวบ้านนับหน้าถือตาไปในที่สุด จนเรื่องราวลุกลามเป็นคดีความขึ้นสู่ศาล แต่แล้วด้วยเล่ห์เหลี่ยมของทนายความ และการต่อสู้ในชั้นศาลที่อาศัยลูกเล่นของกฎหมายมากกว่าจะเป็นการว่ากันด้วยข้อเท็จจริง สาวปัญญาอ่อนกลับเป็นฝ่ายถูกใส่ความว่าพยายามยั่วยวนให้ท่าอีกฝ่าย จนเขาไม่สามารถข่มอารมณ์ทางเพศเอาไว้ได้ และเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้นมาในที่สุด

สุดท้ายคนเลวก็เอาตัวรอดได้อีกครั้ง ขณะที่หมิงหมิงก็ยังเป็นเหมือนประชนชนชั้นสอง ที่แม้แต่ความยุติธรรมสังคมก็ไม่มีให้กับเธอ จนนักสังคมสงเคราะห์สาว ตัดสินใจที่จะทวงความแค้นครั้งนี้ให้เอง แน่นอนว่าชุดสีแดงต้องถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ ซึ่งแม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าการ “เล่นกับไฟ” ครั้งนี้มันอันตรายกว่าที่คิดหลายเท่า

เรื่องราวทั้งหมดของ Red to Kill มีบ้านของผู้มีความผิดปกติทางสมองเป็นจุดศูนย์กลาง ภาพของผู้ด้อยโอกาสของสังคม ในหนังเรื่องนี้ถูกนำเสนอโดยไม่ได้เสกสันปั้นแต่งให้ออกมาสวยงามเฉกเช่นหนังหลาย ๆ เรื่อง แต่ขับเน้นความผิดปกติ, แปลกแยก และการถูกโดดเดี่ยว ทำร้ายจากสังคม เป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มี “ความน่ารักสดใส” เหมือนเด็ก ๆ อย่างที่ปรากฏบ่อยครั้งในโลกภาพยนตร์ อาจจะเรียกว่าเป็นความกล้าหาญที่หนังเลือกที่จะสะท้อนมุมมองอันเป็นปัญหาของสังคม ต่อคนกลุ่มหนึ่ง มากกว่าจะเล่าเรื่องบนจินตนาการแห่งความสวยหรู

หนังมีดาราที่รับบทเด่น ๆ กันอยู่ 3 คน ดาราสาว หลอหมั่นหยี สวมบทบาทเป็นนักสังคมสงเคราะห์สาวตัวดำเนินเรื่อง, อดีตเจ้าของมงกุฎ Miss Hong Kong Universal Beauty Contest ลิลี่จง หรือ จงซู่เหว่ย "ดาว" อีกคนในแวดวงหนังเกรดสาม รับบทเป็นสาวปัญญาอ่อน เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แม้อดีตดาราสังกัด TVB คนนี้ไม่ได้มีหน้าตาสะสวยฉูดฉาด เทียบเท่ากับดาราหญิงรายอื่น ๆ ในแวดวงเดียวกัน แต่ความสวยแบบเรียบ ๆ เหมือน "สาวข้างบ้าน" กับบทประเภท "หญิงสาวไร้ทางสู้" ทั้งในหนังเรื่องนี้และผลงานเด่นอีกเรื่องอย่าง Daughter Of Darkness ก็ทำให้เธอโด่งดังเป็นที่รู้จักขึ้นมาได้

คนสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "เบน อู๋" หรือ อู๋เหว่ยเจียง เจ้าของสัมปทานบทประเภท "ไอ้โรคจิต" อีกคนแห่งวงการหนังเกรด 3 ฮ่องกง ที่ลีลาอันเหลือกินของเขาทั้งจากการแสดง, สีหน้า, ภาษากาย ตลอดจนกล้ามเนื้อ ที่ระเบิดพลังออกมาใน Red To Kill นั้นเรียกว่าสุดโต่ง และบ้าคลั่ง อย่างถึงที่สุดจริง ๆ

แม้จะมีเนื้อหาวิจารณ์สังคม ทั้งเรื่องกระบวนการยุติธรรม และอคติของคนส่วนใหญ่ต่อคนส่วนน้อย แต่สุดท้ายแล้ว Red to Kill ยังเข้าข่ายถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้เป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์จะ “สอนสั่ง” หรือต้องการความ “สูงส่ง” ใด ๆ และอาจจะถูก “กล่าวหา” ถึงขั้นที่ว่าประเด็นทางสังคมที่ถูกนำเสนอนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการเป็น “ไม้กันหมา” ในการเล่าเรื่องความบันเทิงที่ว่าด้วยเซ็กส์ และความรุนแรง

ต้องยอมรับว่าคนทำหนังฮ่องกงที่ไม่ได้ใช่เงินทุนมากมาย หรือมีเวลาเหลือเฟืออะไร สามารถสร้างงานที่ค่อนข้าง “พิถีพิถัน” อยู่ไม่น้อย กับการถ่ายทำฉากที่เต็มไปด้วยเรื่องเพศและความรุนแรง ให้ออกมา “น่าตื่นตาตื่นใจ” จนอาจจะเข้าข่าย ถูกตราหน้าว่านี่คือความบันเทิงที่เรียกได้ว่า “ไร้ศีลธรรม” กันเลยทีเดียว

เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันยาวเลยสำหรับงานอย่าง Red To Kill ว่าจะ “สร้างกันออกมาทำไม” หรือ “ดูไปกันทำไม” บางคนอาจจะเรียกหนังทำนองนี้ว่าว่าเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าควรจะเป็นเรื่องสำหรับผู้ที่มีวุฒิภาวะเหมาะสมเท่านั้นจริง ๆ และหากความศักดิ์สิทธิ์ของตรา “ฉ. 20+” ที่ปรากฏอยู่บนหน้าปกแผ่นดีวีดีมีอยู่จริง ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีอยู่ไม่น้อย

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก













กำลังโหลดความคิดเห็น