“ฟิล์ม” บ่นเบื่อ “เจ๊เบียบ” เล่นแง่ ทั้งที่ตนยอมถอยจนสุดทางแล้ว จากที่ขอให้ลงขอโทษในสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ ลดเหลือแค่ 2 ฉบับก็ยังไม่ยอม แถมอ้างทำเพื่อสังคม เจ้าตัวโอด เป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ แต่กลับต้องมายอมขนาดนี้ ด้าน “เจ๊เบียบ” ซัดฟิล์มไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะต้นสังกัดหนุนหลัง ก่อนโวยตอนแรกไม่เห็นต้องขอโทษผ่านสื่อ
ดูท่าจะสู้กันยาว สำหรับกรณีที่นักร้องชื่อดัง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ฟ้องร้องดำเนินคดี “เจ๊เบียบ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังออกมาจวกฟิล์มผ่านสื่อว่าสำส่อน เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องสนองวัตถุทางเพศ กรณีมีข่าวทำ “แอนนี่ บรู๊ค” ท้อง จนทำให้นักร้องหนุ่มดูเป็นคนเลวในสายตาของสังคม
โดยเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เดินทางมายังศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อทำการไกล่เกลี่ยตามที่ศาลนัด ซึ่งหลังจากที่ไกล่เกลี่ยกันเสร็จเรียบร้อย ทางฝั่งนักร้องหนุ่มก็ให้สัมภาษณ์ว่า “เจ๊เบียบ” ยอมขอโทษตนแล้ว เพียงแต่ตกลงวิธีการขอโทษไม่ลงตัว แต่เชื่อว่าไกล่เกลี่ยครั้งหน้าจะตกลงกันได้ และสามารถปิดคดีได้ซักที
แต่ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (13 กรกฎาคม 2554) ทั้งสองฝ่ายพร้อมทนายส่วนตัวได้เดินทางที่ศาลอาญา รัชดาฯ อีกครั้ง เพื่อทำการไกล่เกลี่ยครั้งสุดท้าย โดยหนุ่ม “ฟิล์ม” เดินทางมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่หลังจากทำการไกล่เกลี่ยเรียบร้อย นักร้องหนุ่มก็เดินออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกับ “นายสุพรรณ เสือหาญ” ทนายส่วนตัวด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ โดยทนายความของนักร้องหนุ่มได้เผยว่า คู่กรณีไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ฟากตนก็ได้ลดข้อตกลงมาให้เยอะมากแล้ว
“ผลการไกล่เกลี่ย เราตกลงกันไม่ได้ในสิ่งที่เราก็พยายามคุยกัน ในสิ่งที่เราทำเราไม่ใช่ว่าจะยืดเยื้อหรือว่าจะเท้าความ เพราะว่าสิ่งที่เราเสนอไปเราไม่มีเรื่องเงินเรื่องทองอะไรนะครับ ย้ำตรงนี้เลยว่าเราไม่มีเรื่องเงินเลย เราถอยมาเยอะ เราก็เพียงต้องการให้เขาแสดงความรับผิดชอบต่อสื่อมวลชน ก็คือในรูปแบบที่เขาจะต้องลงว่าเขายอมรับผิดต่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งไม่ได้มากครั้งอะไรเลย ที่เราเคยเสนอไปก็จำนวนหลายฉบับอยู่ จนท้ายที่สุดเราขอแค่ 2 ฉบับ แล้วก็ลงเพิ่มจากวันที่แถลงข่าวอีกวันเดียว”
“อย่างวันนี้เขายืนยันว่าเขาจะแถลงข่าว เราก็บอกว่าขอลงหนังสือพิมพ์อีกแค่ 2 ฉบับในวันเดียว แต่เขาก็ไม่ยอม คือเราถอยมาเยอะแล้ว จริงๆ ต้องหลายฉบับ แล้วสิ่งที่เขาพูดมันไม่ได้กระทบต่อครอบครัวฟิล์ม และตัวฟิล์มเองก็เสียหาย สิ่งที่คุณระเบียบรัตน์พูดไปไม่ใช่เป็นเรื่องพูดเพื่อสังคม เขาใช้ข้อวินิจฉัยความเห็นส่วนตัวของเขามา เราอยากให้มีกติกาของสังคมว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นคุณต้องรับผิดชอบ เรายอมทุกอย่าง เราก็ถอยทุกอย่าง จากที่เราเคยตั้งไว้เท่านี้ เราก็บอกเอาเท่านี้ แต่เขาอย่างเดียวเลยคือไม่ลงหนังสือพิมพ์”
“เขากลับพูดว่าเราตั้งธงมา ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีธง เราต้องการให้กติกาของสังคมให้มันเกิดขึ้นในสังคม คนที่พูดก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะว่าฟิล์มถูกผลกระทบจากที่คุณระเบียบรัตน์พูดทั้งด้านงานและครอบครัว อย่างที่เราทราบกันว่าคุณแม่ก็ป่วย ดังนั้น ในวันนี้ก็เลยตกลงกันไม่ได้ เราไม่ได้ตั้งธง เรายืนยัน เรื่องไกล่เกลี่ยเราก็ทำมา 3-4 ครั้งแล้วนะครับในคดีนี้ ครั้งนี้ก็เหมือนกับว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะศาลบอกว่าถ้าไกล่เกลี่ยไม่ได้ก็ต้องทำการสืบพยานในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ แต่เขาก็ยังยืนยันของเขาว่าจะขอแถลงข่าวกับสื่อ เขาก็พูดว่าเขาทำไปเพื่อสังคมทำนองนี้แหละครับ หลังจากนี้ก็คือการสืบพยานโจทก์วันที่ 23 นี้จะสืบพยานฝั่งฟิล์มก่อน แต่จะเอาถึงที่สุดหรือเปล่าอย่าเพิ่งพูดถึงตอนนั้นดีกว่า เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปได้เสมอ”
ด้านหนุ่ม “ฟิล์ม” ก็เผยด้วยอาการเซ็งๆ ว่าเบื่อมากแล้ว และรู้สึกไม่ดีที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ แต่กลับต้องยอมให้ขนาดนี้
“ผมเหนื่อยครับ แล้วผมก็เบื่อมากเลย ผมก็แค่ต้องการความยุติธรรมให้ผมบ้างเท่านั้นเอง แต่ก็ยังไม่มีเลย แม่ผมก็พูดอะไรมากไม่ได้อยู่แล้วครับ แม่บอกแค่ว่าลูกรู้ดีว่าครอบครัวเราเจออะไรมาบ้าง นั่นคือคำพูดของเขา จริงๆ ผมก็คิดว่าจะจบแล้ว ผมก็เตรียมใจมาดีมาก แต่มาอีกครั้งนึงก็ยังไม่ลงตัว เราถอยมาจนจะไม่มีที่ให้เราเดินแล้ว ไม่รู้จะถอยยังไงแล้วครับ มันก็ยังไม่ลงอีก”
“ผมเหนื่อยมากเลย ทำไมต้องทำกับผมขนาดนี้ด้วย นี่ผมเป็นคนที่ถูกกระทำนะครับ ทำไมผมต้องมายอมทุกอย่างขนาดนี้ แต่เขาก็ให้เหตุผลว่าเขาทำเพื่อสังคมครับ(หัวเราะ) ผมก็บอกว่านี่มันไม่ใช่เพื่อสังคมเลยครับคุณแม่ ผมก็เคารพคุณแม่มากๆ นะครับ แต่โอ๊ย...เกินบรรยาย บรรยากาศในห้องก็เครียดมากครับ เครียดกว่าคราวที่แล้วเยอะเลยครับ เพราะว่าเราเตรียมตัวมาให้สงบครับ เรายอมลดทุกอย่างแล้ว จนไม่มีทางจะให้ผมเดินแล้วครับ”
ส่วนทางด้าน “เจ๊เบียบ” ที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ อย่างเป็นทางการ เพียงแต่บอกสั้นๆ ว่าไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะคนเยอะ บอกเพียงแค่ว่า วันนี้นักร้องหนุ่มไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะมีสังกัดคอยหนุนหลัง และที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็ไม่เคยบอกเรื่องของการให้ลงขอโทษผ่านสื่อเลย แต่พอครั้งนี้กลับเพิ่งมาบอกเรื่องนี้ ตนจึงยังไม่ยอม หลังจากนั้นก็รีบเดินขึ้นรถออกไปจากศาลทันที