หลังจากการกลับจากอังกฤษครั้งล่าสุด “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ แวะเวียนไปถ่ายแบบให้แก่นิตยสารแฟชั่นอยู่หลายเล่ม และเล่มล่าสุดก็มาถึง “กลุ่มเกย์” กับนิตยสาร Attitude ด้วยการให้คิวแบบปัจจุบันทันด่วน เพื่อถ่ายแบบปกพร้อมบทสัมภาษณ์หยอดความหวานใส่กลุ่มเกย์เพื่อเรียกคะแนนความนิยมให้กลับมาอีกครั้ง การพูดคุยกับฟิล์มนั้น ทางทีมพีอาร์ของอาร์เอสฯ ต้นสังกัดบอกว่า “ถามได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่กำลังจะขึ้นศาล” วาระนี้ว่าไปแล้วคือการปูพรมเพื่อนำไปสู่ละคร “บันทึกรักซูเปอร์สตาร์” ที่กำลังจะแพร่ภาพที่ ช่อง 8 infinity เร็วๆ นี้
เดือนก่อนหน้านี้ ณเดชน์ คูกิมิยะ และ “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ เพิ่งจะขึ้นปกattitude มาเดือนนี้ได้ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ข้ามค่ายจากอาร์เอสฯมาขึ้นปก ทำให้นิตยสารattitude พ้นคำครหาที่ว่ามีแต่เด็กในเครือแกรมมี่มาขึ้นปกเท่านั้น แม้ ณ วันนี้ฟิล์มจะเป็นศิลปินในสังกัดของอาร์เเอสฯ ทว่าในอดีตเขาก้าวขึ้นลงอยู่ในตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ในฐานะศิลปินฝึกหัด เขาเคยถูกจัดวางให้เป็นหนึ่งในนักร้องของวงบอยแบนด์ชื่อ G - Boyz แต่บังเอิญว่าสมาชิกวงคนหนึ่งชื่อ “แบงค์” พิสิษฐ คำยอด เสียชีวิตเสียก่อน โปรเจกต์ของวง G - Boyz จึงถูกแขวนไว้ พจน์ อานนท์จึงพาฟิล์มมาเล่นหนัง “ปล้นนะยะ” และย้ายสังกัดไปทำเพลงกับอาร์เอสฯ ในเวลาต่อมา …
ผลพลอยได้จากการเป็นศิลปินฝึกหัดคือได้รู้จักกับ “ฝ้าย” อริญรดา ปิติมารัชต์เรื่องของเธอไม่ได้แตกต่างไปจาก “ยูมิน” ทวิกานต์ กุลชล เมื่อฟิล์มอ้างว่า “เข้าใจผิด คิดไปเอง” !? ขณะที่ฟิล์มยังค้างคากับเรื่องของแอนนี่ บรู๊ค ยังมีมรสุมอีกลูกหนึ่งในระยะหลังของฟิล์มคือ มีผู้ปลุกปั้นที่ชื่อ “สมยศ ศรีสมบูรณ์” มากล่าวอ้างว่า เป็นคนชักนำฟิล์มเข้าสู่วงการ เรื่องจริงก็คงไม่ต่างจากเรื่อง “กาเหว่ากับอีกา” เพราะคนที่ชักนำฟิล์มเข้าสู่วงการคือ สมยศ ผู้เป็นได้แค่ “แม่กาเหว่า” ที่ไข่ทิ้งไว้ ปล่อยให้ “แม่กา” อย่างพจน์ อานนท์ มาทำการกกฟักตัดสายสะดือแจ้งเกิดในวงการ ดังนั้น …. ฟิล์มก็เลยให้ความสำคัญต่อพจน์ อานนท์ ยิ่งกว่าคนอื่น
“พจน์ อานนท์” จึงถูกฟิล์มสรรเสริญหนึ่งย่อหน้าในนิตยสารเล่มนี้
“พี่พจน์เป็นพี่ที่ดี ที่คอยดูแลมาตลอด ไอ้สิ่งที่คนอื่นๆ มองภาพเขาแรงแบบนั้นแบบนี้ ผมว่าไม่จริง ผมว่าเขาเป็นคนจริงใจ และทุกครั้งที่ผมมีปัญหา พี่พจน์จะออกมาช่วยตลอด ผมมองว่าคนคนนี้เขารักความยุติธรรม ถ้าผมไม่ถูกจริง หรือผมทำผิดจริงๆ คงไม่ช่วยหรอก แต่นี่เขาเชื่อมั่นในตัวผม แล้วเขาก็วิเคราะห์ได้ ผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงหลายๆคนก็รู้ว่าเขามีความคิด”
จะเห็นว่า ในยุคหลังฟิล์มกลายเป็นผู้สร้างกระแสข่าว และโด่งดังด้วยข่าวฉาวด้วยคาแร็กเตอร์แบบแบดบอยแบบไม่สุด มีความมั่นใจในแบบครึ่งๆ กลางๆ มีความไม่แจ่มชัดและไม่เคลียร์อะไรสักอย่าง ผิดกับเด็กหน้าตา นิสัยดีในยุคแรก
กับเรื่องข่าวฉาว เขามีความเห็นว่า
“ผมว่าข่าวฉาวมันก็เป็นเหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่านะที่นักข่าวสมัยนี้ทุกคนจะต้องเขียนข่าวทำนองนี้ เราไปโทษใครไม่ได้ มันจะต้องโทษที่สังคมการรับสื่อ รับอะไรอย่างนี้ ผู้บริโภคเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปรับเรื่องอะไรที่แบบว่านินทา ชอบรับแบบว่าซุบซิบ ชอบรับแบบว่าเมาท์เรื่องชาวบ้าน สังคมเราเปลี่ยนไปทำให้คนชอบไปนินทาเรื่องคนอื่น แต่ลืมเรื่องตัวเอง บางทียังลืมเลยเนี่ย ฉันเป็นใครยังไม่รู้ มัวแต่สนใจเรื่องคนอื่นเขา จริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่สะท้อนออกมา แต่ผมคิดว่าถ้ามันเกิดกับตัวผมเนี่ย ในส่วนตัวผมไม่ค่อยได้สนใจ ผมมองที่ตัวผมเองว่าทำดีแล้วหรือเปล่า ถ้าผมทำดี ผมไม่สนใจ”
คิดได้แค่นี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม … ฟิล์มถึงหันมาสนใจแต่เรื่องของ “ตัวเอง” ไม่เคยยอมรับอะไรเลยเพราะคิดว่า ตัวเองทำดีแล้ว และพร้อมที่จะสวนกับกระแสสังคม!?
สูตรสำเร็จของข่าวฉาวในวงการบันเทิง ดาราชายต้องเป็นข่าวกับเกย์ถึงจะเรียกว่าหล่อจริง ถ้าเป็นดาราผู้หญิงก็ต้องมีเสี่ยเลี้ยง ถ้าใครดังแล้วไม่มีข่าวพรรค์นี้ก็แสดงว่าระดับความดังยังไม่ถึงขั้น ฟิล์มตอบเหมือนจะแก้ตัวว่า
“ สองประเด็นนี้ผมว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าใครไม่มีนี่เป็นเรื่องแปลก แสดงว่าไม่มีคนสนใจและไม่มีความน่าสนใจ”
ฟิล์มฉาวครั้งแรกกับ “เสี่ยอู๊ด” สิทธิกร บุญฉิม ที่ฟิล์มเคยอ้างว่าเป็นเพื่อนของแม่ โคมมนต์ ทองมั่ง จนกระทั่งเสี่ยต้องแสดง “ตัวตน” ออกมาแฉพร้อมภาพอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่การพูดถึงเกย์ก็ยังคงเน้นการเหวี่ยงแหครอบจักรวาล ไม่ชัดเจนและลงลึก
“ข่าวเกย์ อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องปกติครับ ผมว่า ณ ปัจจุบันยิ่งมีข่าวอะไรก็ยิ่งมั่วๆ ออกมาบ่อยๆ ผมว่าจะเป็นกำไรสำหรับพวกผมนะครับ มันจะเป็นกำไรสำหรับศิลปินดาราแทบทุกคน เพราะว่าในทุกๆ วันนี้ ผมว่าผู้อ่านมีความคิด เขาสามารถวิเคราะห์ได้ ยิ่งเขียนอะไรที่ไม่เป็นความจริง ยิ่งเป็นอะไรที่ผิดพลั้งหรือแต่งเติม คนเขาจะมองว่า อ๋อ … เป็นอย่างนี้เอง หนังสือเป็นอย่างนี้นี่เอง ผมว่ายิ่งมีแบบนี้ขึ้นมาผมว่ามันยิ่งดี ในความคิดผมนะครับ”
เมื่อถูกป้อนคำถามว่า
“หรือถ้ามองอีกด้านหนึ่ง การที่จะเกิดข่าวกับเกย์ขึ้นมาเพราะว่าฟิล์มมีเสน่ห์ ต้องตาต้องใจคนกลุ่มนี้หรือเปล่า แล้วอะไรในตัวฟิล์มที่คิดว่า “เกย์” ชอบ” เขาตอบเพียงสั้นๆว่า “ไม่รู้ครับ” …
“แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติ ถ้าดารานักร้องมีแฟน ก็หนีไม่พ้นข้อหาว่าเจ้าชู้ หรือว่าอะไรต่างๆ นานา หรือคนไหนถ้าไม่มีแฟนก็โดนกล่าวหาว่าเป็นเกย์เสมอ เป็นเรื่องปกติ ผมก็ชินอะครับ อย่างในกลุ่มแฟนคลับของผมก็มีกลุ่มเกย์เยอะครับ ผมว่าพวกเขาน่ารักนะครับ ผมชอบนิสัย คนพวกนี้เขาทำอะไรเขาทำเกินร้อยเช่นกัน พอเราได้รับ เราจะมีความสุข ผมว่าเขาเป็นอัจฉริยะ อัจฉริยะทางความคิด อัจฉริยะในด้านต่างๆ ในการประดิษฐ์ ในการดีไซน์ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ แล้วตอนที่มีข่าวแบบนี้ออกมา แฟนคลับของผมที่เป็นเกย์ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยเชื่อ คนที่เจอผม เขาจะรู้สึกว่า ผมเป็นคนยังไง”
ฟิล์มเองก็คงจะมีความสุขเช่นเดียวกับแฟนคลับที่นิยม ชมชอบอยู่แต่การมองโลกด้านเดียว อย่าลืมว่า ชีวิตความเป็นมนุษย์ควรจะมีด้านอื่นๆ เป็นองค์ประกอบ ไม่ใช่แค่การคิดอยู่เพียงฝ่ายเดียว !! และเชื่อว่าสิ่งที่คิดนั้น “ถูกต้อง” โดยไม่ได้มองอีกด้านหนึ่งว่า แฟนคลับนั้นเป็นเพียงเกราะที่ทำให้ศิลปินดูมีความสามารถ โดยอาศัยการขายหน้าตาและรูปร่าง ขณะเดียวกันแฟนคลับก็เป็นหลักประกันให้กับค่ายว่า มีกลุ่มผู้สนับสนุนของตนอย่างจริงจัง
ขณะที่มีกลุ่มคนที่เชื่อฟิล์ม กับอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าฟิล์มโกหก
“ผมไม่แคร์เลย คือผมคิดว่าผมทำถูกต้อง ถึงมีข่าวว่า ผมไปสร้างวัด ทำบุญถวายวัด หรือผมช่วยเหลือสังคม เขาก็ต้องไปด่าอยู่ดี พอทำดีก็ด่าว่าสร้างภาพ ผมเลยบอกว่า มาตรฐานของมนุษย์เรา เราต้องมีจุดยืน เรากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างนั่น เราไม่ต้องสนใจเพราะว่าเราเอามาวัดได้เลย ผมเคยลองวัดดู คนรักผมในทวิตเตอร์เจ็ดหมื่นกว่า แต่คนด่าผมห้าสิบคนในเว็บ ผมจะไปแคร์อะไรล่ะครับ ผมว่าคนทุกคนเอาคำพูดผมไปเป็นจุดยืนได้เลยนะครับ คุณอย่าไปแคร์ คุณต้องมีจุดยืน คุณทำเพื่อใคร คุณทำเพื่อพ่อแม่ คุณทำเพื่อคนที่คุณรักพอแล้ว อย่าไปสนเสียงนกเสียงกา ขนาดพระพุทธรูปอยู่นิ่งๆ ยังโดนด่าเลย “โอ้! หน้าบั้งเนอะ” เราต้องรู้สัจธรรมก่อน เราถึงจะเดินบนโลกใบนี้ได้”
“ ...ผมบวชเรียนมา ทำให้ผมแยกแยะคนได้ว่า อันนี้คือเพื่อนกินนี่หว่า หรืออันนี้เพื่อนไม่จริงใจ จ้องแต่จะทำร้ายเรา คบเราเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียวเลย ทุกวันนี้รู้ว่าเพื่อนที่ดีมีอยู่จริงในโลกใบนี้ แต่พอผมมานับอีกที มันน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่เข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากผม ชีวิตมันเป็นเหมือนต้นมะพร้าวต้นหนึ่ง คนจ้องจะเด็ดผลตลอดเวลาโดยที่เราไม่รู้ตัว เราก็มีมุมเศร้านะครับ บางทีมองไปหาคนจริงใจไม่ค่อยได้ บางทีก็มองไปแล้วรู้สึกอ้างว้าง ใครจะรู้บ้างผมกลับไปบ้าน ผมก็อยู่คนเดียว โดยปกติผมไม่ค่อยได้ไปไหน มันก็เหงา มันก็เศร้าเหมือนกัน”
วันนี้ … คุณรู้สึกอย่างไรกับซุป'ตาร์ที่ชื่อ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้เป็นตัวของตัวเองจากการปฏิเสธ ไม่ยอมรับ แต่อย่าลืมว่าการปฏิเสธของฟิล์มในแต่ละครั้งกลับทำให้ภาพลักษณ์ที่ควรจะเป็น “แบบอย่าง”ดูถดถอยลงทุกที ในโลกมายา เขาอาจจะเป็นพระเอก แต่ในชีวิตจริง เขาอาจจะเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาของใครต่อใคร และการร้ายแบบไม่สุดไส้นี้ก็เพื่อจะรักษา “ภาพพระเอก” ไว้ แต่เป็นพระเอกที่หลงเหลือความเป็น “ลูกผู้ชาย” น้อยลงทุกที และใครที่กำลังคิดจะจัดหนักให้ฟิล์ม อย่าเกิน 50 คนแล้วกัน เพราะเขามีคนรักอยู่ตั้งเจ็ดหมื่นกว่าคนนะ … จะบอกให้
.........................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 92 วันที่ 9-15 กรกฎาคม 2554