“เปรม” โต้ ปั่นกระแสคบ “มิวกี้ G20” เพื่อหวนคืนวงการอีกครั้ง โว ธุรกิจโรงแรมที่ทำอยู่หาเงินได้เยอะกว่ามาก แจง ถ้าอยากกลับมาทำงานในวงการก็เพราะใจรักอยากจะทำ เจ้าตัวหักหน้าฝ่ายหญิง ปฏิเสธไม่ได้คุยหรือศึกษากัน แต่เป็นการพูดคุยกันในฐานะเพื่อนกันธรรมดา
จากที่เคยมีผลงานละครและภาพยนตร์ รวมถึงงานเดินแบบ ถ่ายแบบออกมาให้เห็นไม่ขาดสาย แต่พักหลังมานี้กลับดูเหมือนว่าข่าวคราวและผลงานของดาราหนุ่ม “เปรม บุษราคัมวงษ์” จะเงียบเหงาซบเซาลงไป แต่แล้วจู่ๆ เจ้าตัวก็มามีข่าวกับนักร้องสาววง G20 อย่าง “มิวกี้ ธญา ศุภกิจจารักษ์” ทำให้ระยะหลังเริ่มที่จะได้เห็นเจ้าตัวออกงานต่างๆ มากขึ้น ก็เลยกลายเป็นกระแสเม้าท์ไปว่าหนุ่ม “เปรม” ต้องการเกาะกระแสข่าวกับ “มิวกี้” เพื่อที่จะได้หวนคืนสู่งานในวงการอีกครั้ง ร้อนถึงหนุ่มเปรมต้องออกมาสวนกลับว่า ไม่จำเป็นต้องเกาะกระแสข่าวนี้หวนวงการ เพราะแค่ธุรกิจโรงแรมที่ทำอยู่ก็ได้เงินเยอะกว่าเสียด้วยซ้ำ
“ผมไม่ได้เป็นคนพูดเลยนะ ไม่เคยที่จะเอ่ยเรื่องขึ้นมาด้วย พอดีในรายการนึงเป็นคนถามมิวกี้เอง แล้วหลังจากนั้นก็มีคำถามมาตลอด ผมไม่จำเป็นต้องมาสร้างกระแสอะไร ถ้าถามว่าอยากกลับมาไหม อยากกลับมาเพราะอยากทำ ไม่ใช่อยากกลับมาเพราะอยากสร้างกระแสหรืออยากดังอะไร เพราะผมทำโรงแรมของผมได้เยอะกว่า แต่ที่อยากทำงานในวงการเพราะใจรักอยากจะทำ”
“แต่ถามว่ามิวกี้เขาอยากสร้างกระแสให้ตัวเองหรือเปล่า ผมก็คิดว่าไม่จำเป็นเพราะเขาก็ไม่ได้เป็นคนนิสัยอย่างนั้น เขาเข้ามาในวงการด้วยฝีมือของเขา ด้วยวง G20 ของเขา ไม่จำเป็นต้องมาสร้างกระแสหรอกครับ แต่เราก็คุยกันนะ ผมยังแซวเขาเลยว่าเวลาไปออกรายการก็ยังโดนทายจนหน้าแดง ก็ไม่มีอะไร คุยกันปกติ แต่เรื่องจับตามองผมว่าเราโสดทั้งคู่คนก็จะจับตามอง คนจะพูดอะไรก็ได้”
บอก ความสัมพันธ์ยังไม่ได้พัฒนา เพราะงานตนก็ยังยุ่งอยู่ แถมไม่ค่อยมีเวลาเข้ามากรุงเทพฯ เพราะส่วนใหญ่จะต้องดูงานอยู่ที่พัทยาตลอด
“ตอนนี้ผมกับน้องเขาก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ถ้าเกิดว่างก็เจอกันหรือบีบีหากัน เราจะไม่ให้เรื่องแค่นี้มาตัดความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนหรอกครับ อนาคตใครจะเป็นยังไงผมก็ยังไม่รู้ ถ้าเกิดผมมาเคาะวันนี้ว่าไม่ใช่ ไม่จีบ แล้วในอนาคตใครเสีย คนทั้งคู่ก็เสีย แต่ถ้าผมบอกว่าเป็นแฟนกันแน่นอนแล้วถ้าไม่ใช่ก็เสียอีก ฉะนั้นผมก็หยุดว่าตอนนี้ก็เป็นอยู่แค่นี้ แต่ในอนาคตจะเป็นยังไงผมยังไม่ทราบ”
“ส่วนที่น้องเขาบอกว่าเราเริ่มคุยกัน คือน้องเขาไม่เข้าใจครับ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้พูดที่จะปิดหรือหักอะไรนะ เพราะเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่ก็เคยไปทานข้าวกันจริงครับ ตอนนี้อยู่เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องไปก่อน เพราะว่าในช่วงเวลานี้ต่างคนก็ต่างทำงานหาเงินด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็เวลามันไม่ค่อยตรงกัน แต่พอมันมีข่าวออกมาแล้วก็ไม่ได้พัฒนาอะไรครับ เหมือนเดิมมากๆ ก็ยังมีนานๆ ทีคุยกันครับ ทุกอย่างก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้ว่าข่าวจะออกมาเป็นอะไรยังไงก็ยังเป็นเพื่อน”
“จริงๆ ตอนนี้ตัวผมอาจจะยังไม่พร้อมก็ได้ เพราะว่าในหน้าที่การงานของผม และผมก็ต้องใช้เวลาอยู่ที่พัทยาด้วย ซึ่งกว่าจะขึ้นมากรุงเทพฯ ก็อาจจะอาทิตย์ครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง ก็ถ้าเกิดเราอยากจะมีใครเราควรจะพร้อมซะก่อน ไม่ว่าจะในหน้าที่การงานหรือเรามีเวลาให้เขา จะมีความรักทั้งทีมันก็ต้องใช้เวลาในการดูแลทุกอย่าง เพราะถ้าเกิดเราคบไปแล้วไม่มีความสุขทั้งสองฝ่ายก็จะเสียใจ ฉะนั้นถ้าเรารู้ตัวเองว่ายังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งดีกว่า”