“หนูแหม่ม” โต้ขอคืนดี “แหม่ม คัทลียา” แต่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ขอร่วมงานด้วย เผย โอกาสที่จะโคจรมาร่วมงานกันคงยาก เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน พร้อมวอน อย่าคิดเยอะ หลังโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์พูดจาไม่เหมาะสมแซว “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ไม่มาสบายใจได้” บนเวทีนาฏราช
หลังจากมีเรื่องบาดหมางใจกันมานานแล้ว สำหรับอดีตพิธีกรคู่ซี้ 2 แหม่ม “คัทลียา กระจ่างเนตร” และ “สุริวิภา กุลตังวัฒนา” จากกรณีที่ “หนูแหม่ม” ออกตัวปกป้องอดีตน้องรักว่าไม่ได้เบนโลอย่างที่เป็นข่าว จนสุดท้ายพอความจริงเปิดเผยเจ้าตัวก็หน้าแตกยับเยิน ทำเอาเรื่องราวบานปลายจน 2 สาวมองหน้ากันไม่ติดอีกเลย ล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่า “หนูแหม่ม” เปรยกับคนสนิทให้เชิญสาว “แหม่ม” มาออกงานร่วมกับตน แต่กลับถูกอีกฝ่ายปฏิเสธที่จะมาร่วมงาน เมื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับหนูแหม่มเจ้าตัวก็ชี้แจงว่า....
“อันนี้ไม่รู้ว่าเริ่มต้นมายังไง หนูแหม่มไม่รู้ว่าเรื่องมันมายังไง แต่สิ่งที่จะตอบคือจริงๆ หนูแหม่มไม่จำเป็นจะต้องทำอะไร หรือต้องคิดอะไรให้มันซับซ้อนว่าการใช้ชีวิตของเรา มันจะต้องซับซ้อนขนาดไหน ณ วันนี้หนูแหม่มรู้ว่าหนูแหม่มทำอะไร มีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าวันนี้เราทำอะไรแล้วตัวเองมีความสุข ก็น่าจะเริ่มทำจากตรงนั้น ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตต้องซับซ้อนเพื่อให้มีคำตอบแล้วจะมีความสุข ถ้าซับซ้อนมันจะไม่มีความสุข ไม่ซีเรียสเลย มันเป็นไปได้ เพราะพวกคุณยังไม่ลืม ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกคุณลืม พวกคุณจะมีความสุข มันต้องเริ่มจากพวกคุณก่อน”
“การโคจรมาร่วมงานกัน ก็ยังไม่รู้ว่าจะยังไง เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกันอยู่แล้ว การที่จะเจอกัน มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นไม่ได้ แค่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดขึ้นแล้วมันจะเกิดอะไร ตรงนี้หนูแหม่มไม่สามารถที่จะคาดคะเนได้ รู้แต่ว่าตัวเองไม่ต้องซับซ้อนกับการใช้ชีวิตมันก็น่าจะโอเคแล้ว”
“เรื่องของการออกงานอีเว้นต์หนูแหม่มจะน้อยมาก โอกาสก็น่าจะน้อยไปด้วย กับข่าวที่เกิดหนูแหม่มรู้สึกเฉยๆ ถ้าเป็นเมื่อเริ่มต้นใหม่ๆ มันก็น่าจะเป็นอารมณ์ในอีกแบบนึง แต่ถ้าเป็นตอนนี้หนูแหม่มรู้สึกเฉยๆ คิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีคนอาจจะนึกอยากจะเขียนถึง อาจจะคิดถึงหนูแหม่ม หรืออาจจะคิดถึงน้องเขา”
“หนูแหม่มเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเขียนถึงด้วยเหตุผลอะไร สำหรับหนูแหม่มมองเป็นเรื่องบวก น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ก็ยังดีกว่าที่เขาไม่นึกถึงเรา ที่ผ่านมาหนูแหม่มไม่คิดว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่าหนูแหม่มใจแคบนะ หนูแหม่มจะเป็นคนแบบไหน คนที่ตัดสินหนูแหม่มไม่มีทางรู้ว่าหนูแหม่มเป็นคนยังไง หนูแหม่มและคนรอบข้างหนูแหม่มจะรู้ว่าหนูแหม่มเป็นคนยังไง (มีอะไรฝากถึง แหม่ม คัทลียา ผ่านสื่อหรือไม่?) ไม่มีอะไรจะฝากจริงๆ”
เผย ที่ผ่านมาใช้ธรรมะช่วยเยียวยาจิตใจให้เย็นลง รู้จักให้อภัย
“ธรรมะเองก็มีส่วยเยียวยา มันก็มีทั้งได้และไม่ได้ บางทีมันก็ช่วยได้ บางทีมันก็ช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่มีเครื่องมือเลย ณ เวลานี้หนูแหม่มไม่ได้รู้สึกว่าต้องให้อภัยใครในเรื่องเก่าๆ ในวันนี้หนูแหม่มรู้แล้วว่า มันเกิดจากความรู้สึกของหนูแหม่มเอง การอภัยน่าจะเริ่มจากการอภัยที่ตัวเอง หนูแหม่มบอกได้คำเดียวว่า วันนี้หนูแหม่มอภัยตัวเองก่อนอันดับแรกก็น่าจะเพียงพอ ทุกวันนี้หนูแหม่มแฮปปี้กับเพื่อนร่วมงานหลายๆ คน อยากที่จะเห็นรุ่นน้องใหม่ๆ มาทำงานในวงการบันเทิงเยอะๆ”
ลั่น ไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ หากคนจะเอาพิธีกร 2 พลอย “พลอย หอวัง” และ “พลอย รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล” ที่เจ้าตัวดึงมาเสริมทัพในรายการสุริวิภา เอาไปเปรียบเทียบกับตนและสาวแหม่ม เมื่อครั้งอดีต
“2 พลอย น่าจะเป็น 2 คนรุ่นใหม่ที่เก่งได้ในอนาคต หนูแหม่มว่าเราน่าจะไปเสียเวลากับตรงนั้นมากกว่า หลายๆคนก็ยังมองว่าหนูแหม่มไปทำงานร่วมกับใครไม่เหมาะเท่ากับ 2 แหม่ม อยากจะเห็นทั้งคู่ร่วมงานกันอีก ประเด็นนี้ไม่มีไอเดียเลยเรื่องนี้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ไหม พอเกิดขึ้นแล้วมันจะดีกับสายตาของคนอื่นรึเปล่า แต่สำหรับตัวหนูแหม่มมองว่าอะไรที่มันผ่านไปแล้ว มันจะไม่เกิดซ้ำอีก ส่วนถ้าใครจะเอาไปเปรียบเทียบกับ 2 แหม่มในอดีต อันนี้มันห้ามความคิดของคนที่จะเปรียบเทียบไม่ได้ เปรียบเทียบแล้วบางคนเขาอาจจะสมหวังหรือว่าผิดหวังก็ได้ คนดูจะเป็นคนตัดสินเอง หนูแหม่มไม่สามารถตัดสินได้”
วอนอย่าคิดเยอะหลังเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์พูดจาไม่เหมาะสมพูดแซว "อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ไม่มาสบายใจได้" บนเวทีนาฏราช ลั่น ไม่ขอเปิดเผยมีในสคริปต์หรือว่าคิดเอง
“ฝากบอกไปถึงคนที่คิด ว่าอย่าไปคิดอะไรเยอะ ชีวิตมันมีเรื่องราวให้เราสนุกอีกตั้งเยอะ ขอให้สนุกกับชีวิตเถอะ จะเป็นโจ๊กของทางงานรึเปล่า ตรงนี้หนูแหม่มไม่มีความคิด ขอย้ำว่าใช้ชีวิตให้มันมีความสุขดีกว่า อย่าไปคิดอย่าไปมีข้อแม้ ข้อสงสัย เพราะทั้งข้อแม้และข้อสงสัย ต่างเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตทั้งนั้น จะเป็นสคริปต์หรือว่าหนูแหม่มคิดเอง อันนี้ขอไม่บอกแล้วกัน มันเป็นเรื่องของเบื้องหลังการทำงาน”