xs
xsm
sm
md
lg

จั๊กกะแหล๋น กับหนังที่ดีของหม่ำ จ๊กมก/อภินันท์

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


เข้าฉายไปร่วมๆ สองสัปดาห์ จนถึงตอนนี้ก็น่าจะเป็นที่สรุปได้แล้วว่า “จั๊กกะแหล๋น” คงเป็นผลงานของตลกเงินล้านอย่างหม่ำ จ๊กมก ที่ทำเงินจากการฉายในโรงได้น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับผลงานที่ผ่านมาทั้ง 7 เรื่องของผู้กำกับคนนี้ (แต่ถึงน้อยอย่างไร ก็โกยไปร่วมๆ 30 ล้านแล้วล่ะ)

อันที่จริง นี่เป็นเรื่องที่ก็น่าเห็นใจคุณหม่ำ จ๊กมก เหมือนกันนะครับ เพราะอุตส่าห์สร้างสรรค์ผลงานออกมา แต่กลับต้องมาชน “ช้าง” 2 ตัวในเวลาเดียวกัน ฝั่งหนึ่งคือ ลัดดาแลนด์ ส่วนอีกฝั่งคือขุนค้อนสะท้านภพอย่าง Thor แม้จะดูเหมือนว่า กลุ่มเป้าหมายลูกค้า ต่างกัน แต่ “กระแสที่ดี” ของหนังทั้งสองเรื่อง ก็กวักมือเรียกคนให้เทไปดูหนังผี (ที่พะยี่ห้อจีทีเอช) กับหนังแอ็กชั่นมันๆ (ที่พะโลโก้มาร์เวล) อย่างไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย

พูดง่ายๆ ผมว่า คนดูส่วนใหญ่ก็คงอยากจะเซฟตัวเองไว้ก่อนนั่นแหละครับ เลือกเอาไอ้ที่ตัวเองคิดว่า “เชื่อใจได้ประมาณหนึ่ง” ไว้ก่อน ดีกว่าเดินเข้าไปเสี่ยงกับอะไรที่รู้สึกไม่มั่นอกมั่นใจ

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ได้ดูมาแล้ว ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่า จั๊กกะแหล๋นไม่ใช่ผลงานที่ขี้เหร่อะไรนัก เมื่อพิจารณาจากมุมที่ว่ามันเป็นหนังของคุณหม่ำ ซึ่งในช่วงหลังๆ มานี้ หนังของแกก็อารมณ์ประมาณนี้แหละครับ คือมีมุกตลกอยู่จำนวนหนึ่ง แล้ว “แต่งเรื่อง” ขึ้นมาแบบหลวมๆ เพื่อรองรับมุกตลกเหล่านั้น

พูดกันแบบ “ไม่เลี้ยว” (หมายถึง “ตรงๆ ไม่อ้อมค้อม” ตามสำนวนไดอะล็อกที่คุณจะได้ยินบ่อยครั้งในหนังเรื่องนี้) ผมว่า คนที่ดูหนังเรื่อง “จั๊กกะแหล๋น” ก็คงจะงงกันตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วล่ะครับว่า ทำไม คุณน้องจีจ้า-ญาณิน กับบทบาท “จั๊กกะแหล๋น” (ชื่อเดียวกับชื่อหนัง) ถึงได้เก่งกาจระดับนั้น แล้วก็เก่งตั้งแต่เด็กๆ เตะต่อยผู้คนแถวหมู่บ้านจนขยาดไปตามๆ กัน

ขณะเดียวกัน ถึงแม้ผมไม่อยากจะคิดว่านี่เป็นการหยิบน้องจีจ้ามาใช้แบบ “ทำให้เธอช้ำ” ซะเปล่าๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องคิด เพราะบทบาทของเธอในหนังเรื่องนี้ ไม่ได้ส่งเสริมเธอเลยแม้แต่น้อย และผมรู้สึกว่า น้องจีจ้าจะเจริญรอยตามเดียวกันกับจา-พนม ยิ่งขึ้นไปทุกวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไปโทษน้องนักแสดงก็คงจะไม่ได้ เพราะถ้าลองทำความเข้าใจ เราจะเห็นว่า มันเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้วสำหรับการปั้นดาราแอ็กชั่นของบ้านเรา

ผมอยากจะชวนคิดด้วยการยกตัวอย่างแบบนี้นะครับว่า ให้ดูดาราต่างประเทศในภูมิภาคเดียวกันที่มีทักษะชั้นเชิงในแง่ศิลปะการต่อสู้ อย่าง “เจ็ต ลี” หรือ “ดอนนี่ เยน” พวกนี้ เมื่อแจ้งเกิดได้สำเร็จแล้ว เขาจะไม่ให้ไปเล่นหนังกะโหลกะลาเป็นเด็ดขาด ถึงไม่ได้เล่นเป็นฮีโร่อะไร แต่อย่างน้อยๆ หนังเรื่องนั้นต้องมีบทที่ใช้ได้ เพราะดาราที่ดี ควรได้รับการฟูมฟักและทะนุถนอม ไม่ใช่เพียงเพราะเห็นว่าน่าจะสร้างกระแสหรือเรียกคนดูให้แห่ไปดูได้ ก็หยิบมาใช้หรือให้มาแสดง

แล้วที่สำคัญ นอกจากหาหนังดีๆ ให้เล่น สังเกตไดอะล็อกของดอนนี่ เยน หรือ เจ็ต ลี นะครับ พูดออกมาแต่ละครั้ง มันมีพลัง มีความน่าประทับใจ สมศักดิ์ศรีของตัวเอก ผมไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะเหตุนี้ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้ในช่วงหลังๆ ภาพลักษณ์ของจา-พนม จึงคลายความขลังลงไปเยอะมากในสายตาคนดูหนังเมืองไทย

เช่นเดียวกัน ผมว่าตอนที่เปิดตัวครั้งแรกในหนังเรื่อง “ช็อกโกแล็ต” นั้น คุณน้องจีจ้าดูมีสง่าราศีมากนะครับ ยิ่งการเดินมาในทางของสาวบู๊ “เล่นจริงเจ็บจริง” มีทักษะโดดเด่นเหนือกว่านักแสดงหญิงทั่วไปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เธอเด่นได้ไม่ยาก แต่ที่สุดแล้ว สหมงคลฯ ก็ยังไม่สามารถหาหนังที่จะนำมาเสริมส่งเธอได้อย่างจริงจัง ก็ตั้งแต่เอาแอ็กชั่นไปยำรวมกับฮิพฮอพในเรื่อง “จีจ้า ดื้อ สวย ดุ” โน่นแหละครับ ใครจะว่ามันเป็นการประยุกต์ประยกอะไรก็ตามเถอะ แต่ดูแล้วมันตลกๆ อย่างไรไม่รู้ กว่าจะบู๊ กว่าจะเตะจะต่อย รำแร็พอยู่นั่น ไม่ทันกิน

งวดนั้น ผมว่ามันเริ่มจะออกทะเลแล้ว มาคราวนี้ ยิ่งดูเหมือนจะเหลวเป๋วกันไปใหญ่ เมื่อให้เธอมาแอ็กชั่นบนอานจักรยาน กับบทบาทนี้ “จั๊กกะแหล๋น”...

“จั๊กกะแหล๋น” นั้น เติบโตมาภายใต้การดูแลของลุงแหวง (หม่ำ จ๊กมก) ฤทธิ์เดชความร้ายกาจของเธอเป็นที่ประจักษ์มาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครกล้าแหยม แล้วคงเป็นเพราะเหตุนี้ เธอจึงได้รับการจ้างวานจากมาเฟียให้ไปส่งของ (อะไรไม่รู้ แต่คงผิดกฎหมาย) แต่คุณน้องจั๊กกะแหล๋นของเราดันไม่ทำตามสัญญา ก็เลยถูกตามล้างตามเช็ดตลอดทั้งเรื่อง

ภาพรวมของหนัง ก็ตามสไตล์หนังของคุณหม่ำล่ะครับ “ละครสั้นสามช่า” ที่เราได้ดูทางรายการเกมโชว์ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล เป็นอย่างไร จั๊กกะแหล๋น ก็ไม่ต่างไปจากนั้น แล้วที่สำคัญ ถ้าใครได้ดูละครสั้นเรื่อง “จั๊กกะแร้” (ในรายการชิงร้อยชิงล้าน) มาก่อน ก็จะเห็นว่า มันแทบไม่มีความแตกต่างอะไรเลยในด้านของคุณภาพ ยกเว้นแต่ว่าจะ “ยาวขึ้น” และมีมุกตลก “หลากหลายกว่า” เท่านั้นเอง (เวลามากกว่า ก็ย่อมต้องมีมุกตลกเยอะกว่า ธรรมดาอยู่แล้ว)

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะพูดว่า จั๊กกะแหล๋น มีความหลากหลายในมุกตลก ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะว่ากันตามจริง มุกตลกแทบทั้งหมดในหนัง เดินไปในทิศทางเดียวกันหมด นั่นก็คือ ถ้าไม่แซวเรื่องหน้าตาของตัวละคร (เอาปมหน้าตามาพูดเป็นขำ) ก็เกี่ยวกับการอำการแซวภูมิหลังของตัวละคร ไม่เว้นแม้แต่ภูมิหลังของคุณหม่ำเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุกที่แซวเกี่ยวกับหนังเรื่องก่อนๆ ของตัวเองนั้น ผมคิดว่าคงจะพูดแทนใจใครหลายๆ คนได้เป็นอย่างดี

ตามจริง ผมอยากจะใช้มุกอำหนังตัวเองของคุณหม่ำนั้นปิดท้ายบทความเพื่อเป็นการสรุปหนังเรื่องนี้นะครับ แต่จนใจจริงๆ ว่า มันไม่อาจ “ออกอากาศ” ได้ เอาเป็นว่า ถ้าใครอยากรู้ ก็คงต้องไป (หา) ดูกันเองนะครับ แต่สำหรับบรรทัดนี้ เท่าที่พูดได้ก็คงเป็นว่า ช่วงเวลาแห่ง “หนังที่ดี” ของคุณหม่ำนั้น น่าจะพ้นผ่านไปนานแล้ว

เพราะในความรู้สึกของผม จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีคุณภาพหนังเรื่องไหนของคุณหม่ำที่จะ “คว่ำ” หรือกระทั่ง “เทียบชั้น” กับงานสองชิ้นแรก อย่างบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 1 และ แหยม ยโสธร 1 ได้เลย







กำลังโหลดความคิดเห็น