“มาช่า” เปลืองตัว เปลืองใจ “โปรดิวเซอร์” นักตุ๋นข้ามชาติ

“มาช่า” หนีเสือปะจระเข้ ในวัย 40 กะรัต เริ่มต้นรู้จักกับ “ซีรีล รูฮานี” ที่ Tease Gallery & Bar ในบริเวณชั้น 4 เจอเวนิว ทองหล่อในวันที่ชีวิตรักกับกฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์เริ่มมีปัญหา หนุ่มฝรั่งเศสคนนี้แหละ !! ที่เคยเป็นต้นเค้าของข่าวลือว่า มาช่ากำลังดูใจคบหากับแฟนต่างชาติ …
เมื่อพูดกันถูกคอจน “ศิลปินคนไทย” เชื่อว่าเป็นโปรดิวเซอร์ บ. โซนี่ จึงกุมมือกันขึ้นจูบ !! ทั้งผลักและดันกันเต็มที่ ดันครั้งสุดท้ายปรากฏไส้กลวงจนเกิดคดี “ฟ้อง” งานนี้ซีรีลไม่ใช่แค่ฝรั่งกำมะลอต้มตุ๋นสาวไทยเท่านั้น ยังเป็น “อาชญากรข้ามชาติ” ที่ตำรวจไทยและสหรัฐฯกำลังต้องการตัวเป็นอย่างมาก

คบซ้อนกฤษณ์
ในช่วงที่ความรักระหว่าง “มาช่า” กับ “ดีเจกฤษณ์” เริ่มจืดจาง ม่ายสาวพราวเสน่ห์รายนี้เริ่มตระเวนราตรีมีปาร์ตี้กับผองเพื่อนถี่มากขึ้น และหนึ่งในสถานที่ Hang Out ที่เธอและเพื่อนๆ นิยมก็คือ Tease Gallery & Bar ที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 เจอเวนิว ย่านทองหล่อ ซึ่งมีหุ้นส่วนเป็นคนดังในวงการอย่างโจอี้ บอย, กิ๊บซี่ เกิร์ลลี่เบอร์รี่ และกิ๊ก อนิศ โอสถานุเคราะห์

และที่นั่นเองที่มาช่าได้พบกับหนุ่มดั้งโด่งมาดดีนามว่า “ซีรีล รูฮานี”

แม้ว่าจะยังคบหาอยู่กับดีเจกฤษณ์ แต่มาช่าก็ปันใจให้กับซีรีลไปเต็มๆ เพราะฝรั่งคนนี้อัธยาศัยดี มีเสน่ห์ รสนิยมก็ตรงกันอย่างประหลาด โดยเฉพาะเรื่องการทำงานเพลงที่ทั้งคู่มักจะสนทนาพูดคุยกันอย่างออกรส ถึงขนาดเอ่ยปากชักชวนมาทำงานเพลงร่วมกัน ซีรีลออกตัวว่าเขาทำงานเป็นโปรดิวเซอร์คุมการผลิตงานเพลงให้กับบริษัทโซนี่ ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้มาช่าสนใจในตัวฝรั่งรุ่นน้องรายนี้มากยิ่งขึ้น และนั่นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มาช่าสะบัดใส่ “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่”

การคบหากันของมาช่ากับซีรีลเป็นที่รู้กันของกลุ่มเพื่อนและคนที่ตระเวนราตรีในย่านนั้น มีหรือที่หนุ่มกฤษณ์จะไม่ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ในขณะนั้นกฤษณ์ที่ส่อแววเจ้าชู้มาโดยตลอดก็มีสาวๆ ที่พัวพันอยู่ในสต๊อกทั้งในและนอกวงการ ทำให้เรื่องการมีกิ๊กของทั้งมาช่าและกฤษณ์เป็นสิ่งที่ทั้งคู่รู้กันและไม่มีใครนำมาเป็นประเด็นในการทะเลาะบาดหมางกันได้

ฉะนั้น หลังจากที่มาช่ากับกฤษณ์แถลงข่าวเลิกรากัน ซีรีลจึงเดินควงมาช่าได้อย่างออกหน้าออกตาพร้อมๆ กับการเข้ามาทำงานเพลงร่วมกันในนาม Marsha & Cyril มีผลงานให้กับศิลปินชื่อดัง อย่างเช่นการไป Featuring กับเสก โลโซ อัลบั้มใหม่ล่าสุดในเพลงที่ชื่อ หน้าแตก

เปิดตัวในฐานะโปรดิวเซอร์คู่ใจ
มาช่าไม่เคยยอมรับออกสื่อว่าคบหาดูใจอยู่กับซีรีล เนื่องเพราะเธอไม่ต้องการให้คนไปสนใจเรื่องส่วนตัวของเธอมากนัก เธอเปิดตัวซีรีลในฐานะโปรดิวเซอร์ที่มาทำงานเพลงให้กับเธอในอัลบั้มใหม่หลังจากที่หมดสัญญากับต้นสังกัดอย่างแกรมมี่และออกมาทำงานเพลงเองโดยตั้งบริษัทที่ชื่อ มาช่า เอ็นเตอร์เทนเมนท์

ยอมลงทุนหั่นผม เปลี่ยนโฉมเป็นสาวเปรี้ยวในชุดหนังสีดำรัดรูป โชว์ร่องอก ถุงน่องตาข่าย และประกาศตัวว่าตั้งใจทำอัลบั้มใหม่นี้ขึ้นมาเป็นของขวัญให้กับแฟนๆ ของเธอ และยืนยันว่าจะไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง แต่เพลง I’m back ที่เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้มชุดใหม่และเป็นชุดที่เธอออกมาทำเองนี้กลับเละเทะไม่เป็นท่า โดยเฉพาะซาวนด์ดนตรีที่คนฟังร้องยี้และบอกว่าไปจ้างเด็กยกเครื่องมิกซ์เสียงหรือเปล่า?

ทั้งๆ ที่ออกตัวไปขนาดนั้น แต่คุณภาพของเพลงกลับดิ่งลงเหวยิ่งสร้างความกังขาให้กับผู้ที่ติดตามข่าวของเธอว่าตกลงโปรดิวเซอร์ฝรั่งที่ชื่อซีรีลนี้เป็นมือหนึ่งที่มาช่าตั้งใจทุ่มเงินจ้างมาทำงานด้วยหรือเป็นแค่คู่ขาคู่ใจที่ติดสอยห้อยตามกันมาทำเพลงเอาสนุกตามประสามือสมัครเล่นเท่านั้น

เพลงแป้กไปไม่นาน ก็มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งว่ามาช่าถูกฝรั่งซีรีลฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์เพลงในฐานะที่เธอเอาเพลงที่มาจากมันสมองของเขาไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยซีรีลกับ น.ส. ภัทรธร แสงจันทร์ศรี ทนายความที่อ้างตัวว่าได้รับการแต่งตั้งจากSony Music Europeได้ดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายเรื่องนี้จากมาช่าเป็นจำนวนเงินถึงร้อยล้านบาท โทษฐานที่มาช่านำเพลง I’m back ไปเผยแพร่ในคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ตและสื่ออื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทโซนี่ฯที่ทนายความผู้นี้อ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริง

แต่เพียงเวลาไม่นานหลังจากทนายความกับนายซีรีลแจ้งความเรื่องนี้ Sony Music Europeก็ประกาศว่า น.ส. ภัทรธรไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัท และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทโซนี่ มิวสิค (ประเทศไทย) เลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำสัญลักษณ์บริษัทโซนี่ที่นายซีรีลกับ น.ส. ภัทรธรนำมาใช้ก็เป็นโลโก้ของบริษัทโซนี่ที่ผลิต “เครื่องใช้ไฟฟ้า” ไม่ใช่บริษัท “เอนเตอร์เทนเมนต์” ปิดท้ายด้วยคำสัมภาษณ์จากตัวแทนของบริษัทโซนี่มิวสิคว่า “งานเพลงของมาช่าเป็นลิขสิทธิ์ของเธอ 100% ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของบริษัทโซนี่มิวสิคแต่อย่างใด”

คดีนี้ทำท่าว่าจะโอละพ่อ แต่ทว่าในเวลาต่อมามาช่ากับทนายความก็ออกโรงฟ้องกลับนายซีรีลบ้าง งานนี้จึงบอกได้คำเดียวว่าความสัมพันธ์ระหว่างมาช่ากับซีรีลทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวเดินทางมาถึงจุดแตกหักเสียแล้ว

ลากไส้ “ซีรีล” อาชญากรข้ามชาติ
หลังจากที่มาช่าขยับตัวฟ้องซีรีล อดีตโปรดิวเซอร์คู่ใจ หลายต่อหลายฝ่ายก็เริ่มเพ่งเล็งความสนใจไปที่ตัวของนายซีรีลกันมากขึ้น ว่าเขาเป็นใคร ทำไมจึงแอบอ้างว่าทำงานอยู่ที่บริษัทโซนี่มิวสิค ทำไมเขาจึงกล้าฟ้องร้องนักร้องชื่อดังด้วยหลักฐานเท็จแบบนั้น และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่มาช่าตัดสินใจฟ้องนายซีรีลกลับด้วยข้อหา “กรรโชกทรัพย์” ซึ่งบ่งบอกได้ว่าคดีนี้ไม่ธรรมดา

สืบค้นได้ไม่นานพบว่า นายซีรีล รูฮานี เป็นหนึ่งในอาชญากรที่ทางการสหรัฐฯต้องการตัว เขามีคดีเรื่องการยักยอกทรัพย์ และฉ้อโกงติดตัวไม่ต่ำกว่าสิบคดี เคยโกงเงินคนในสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะบินมาหากินในประเทศไทย

ใน www.catchthecon.blogspot.com ระบุว่า 5 ปีก่อนหน้านี้ “นายซีรีล รูฮานี” หรือ “นายซีรีล มาซูรา” ปักหลักหลอกลวงเหยื่ออยู่ที่เมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เขาจะบอกผู้ที่ชื่นชอบความเร็วว่าทำธุรกิจซื้อขายรถจักรยานยนต์ภายใต้ชื่อ Motozone และ Xtremebikes หลังจากเข้าไปตีสนิทและทำให้เหยื่อตายใจจนหลงเชื่อและยอมโอนเงินค่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อดูคาติซึ่งมีราคาตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาทไปให้กับเขา เขาก็จะเผ่นหนีไปโดยที่ไม่เคยส่งมอบรถจักรยานยนต์ให้ตามที่สัญญาเลยแม้แต่คันเดียว

สาวคนไทยที่รู้จักกับนายซีรีล รูฮานี คือ “ฝน ดลินา พร้อมพันธุ์” ทั้งคู่ได้พบรักกัน ระหว่าางที่ฝ่ายหญิงไปศึกษาอยู่ที่บอสตันยูนิเวอร์ซิตี้

มีเหยื่อหลายรายในสหรัฐเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายซีรีล ทั้งในกรณีการเชิดเงินค่ามอเตอร์ไซค์และเรื่องที่เขาแอบอ้างกับเหยื่อว่าเป็นโปรดิวเซอร์ซึ่งสามารถทำงานเพลงและมิกซ์เพลงให้ได้ หลังจากที่มีคนหลงเชื่อเขาก็จะเชิดเงินค่าจ้างและค่าทำเพลงต่างๆ ลอยนวลไปตลอด คดีที่ติดตัวเขาเป็นหางว่าวนื้ทำให้ซีรีล รูฮานีคือหนึ่งในอาชญากรที่ทางการสหรัฐฯลงประกาศจับโดยปัจจุบันก็ยังมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเขาเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีอยู่เรื่อยๆ

ไม่กี่ปีถัดจากนั้น ซีรีลเดินทางข้ามาในประเทศไทย และยังคงยึดวิธีการหากินแบบผิดกฎหมายต่อไป ส่วนดลินา อดีตเพื่อนสาวคนสนิทของเข้าทำงานกับสรรพสินค้าเซนในเครือจิราธิวัฒน์

ซีรีลหากินอย่างสุขสบายด้วยการหลอกลวง ต้มตุ๋นผู้หญิงที่มีชื่อเสียง หรือผู้หญิงที่มีชาติตระกูลดี ฐานะดี ด้วยการบอกว่า เป็นโปรดิวเซอร์ที่เคยทำสมัยอยู่ที่เมืองบอสตัน รสนิยมส่วนตัว บังการใช้ชีวิตกำมะลอด้วยการขับรถเฟอร์รารี่และเป็นหนึ่งในสมาชิกของเฟอร์รารี่คลับ เวลาว่างยามกลางวันก็เข้าก๊วนตีกอล์ฟ กินไวน์หรู ตกดึกก็ไปสังสรรค์ปาร์ตี้กับผองเพื่อน ข้อมูลที่ทางการสหรัฐอเมริการะบุชัดเจนคือ “นายซีรีลเป็นผู้ที่เสพยาเสพติดประเภทโคเคนอย่างหนักรายหนึ่ง” !!?

ปี พ.ศ. 2550 นายซีรีลเคยถูกออกหมายจับในคดียักยอกทรัพย์ที่ สน. มักกะสัน ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คดีของนายซีรีลที่มีการออกหมายจับอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

“มาช่า” รักแบดบอยก็ต้องช้ำใจ
อาจจะเป็นเพราะหลงเสน่ห์แบดบอยเลยทำให้นักร้องม่ายพราวเสน่ห์รายนี้ต้องช้ำใจอยู่บ่อยๆ หลังจากที่มีเรื่องฟ้องร้องกับอดีตแฟน “ดีเจกฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ จนฝ่ายชายได้รับฉายาปลิงปากหวานจากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงไปเมื่อปลายปีก่อน มาวันนี้มาช่าก็ตกเป็นข่าวเรื่องเงินๆ ทองๆ กับหนุ่มคนใหม่อีกแล้ว เข้าทำนอง “ผีซ้ำด้ำพลอย - หนีเสือปะจระเข้” วิบากกรรมของ “วงเวียนกรรม - กาม”

จะเป็นเพราะว่าหลงจนไม่ลืมหูลืมตาไม่รู้เรื่องราวของฝรั่งนักตุ๋นรายนี้เลยหรือรู้ทั้งรู้แต่ก็ยังเล่นกับไฟก็ไม่รู้ แต่ท้ายที่สุดบทสรุปของมาช่าก็ลงเอยไม่ต่างอะไรจากสมัยที่คบหาอยู่กับกฤษณ์ นั่นคือถูกหนุ่มรุ่นน้องเข้ามาดูดเข้ามาเกาะเพื่อกอบโกยเงินทองของเธอ

เมื่อหลายปีที่แล้ว มาช่าคือตัวแทนของผู้หญิงสวยสองพันปีที่แม้จะมีลูกโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังสวยไม่สร่าง จนใครหลายคนรู้สึกอิจฉาหนุ่มกฤษณ์ที่ได้ครองหัวใจม่ายสาวพราวเสน่ห์ผู้นี้(ในขณะนั้น)
เวลาผ่านไป หลังจากเกิดกรณีแยกทางกับกฤษณ์และมีเรื่องฟ้องร้องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยว มาช่าได้รับฉายา ซุป’ เบอร์รี่ จากสมาคมนักข่าวบันเทิง ด้วยเหตุจากการที่เธอกลืนน้ำลายตัวเอง กลับลำไม่ยอมแฉเรื่องของกฤษณ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยออกตัวว่าจะออกมาแฉพฤติกรรมฉาวๆ ของฝ่ายชายแบบทะลุไส้ แต่หลังจากที่ประเมินแล้วว่าฝ่ายชายก็กุมเรื่องราวของเธอเอาไว้ไม่น้อย !? มาช่าจึงตัดสินใจว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างจบจะดีกว่า

ที่สุดวันนี้ … นายซีรีล รูฮานี เจออีกหนึ่งคดีในเมืองไทย !! ด้วยข้อหา “กรรโชกทรัพย์” ครั้งนี้จึงเป็นเพียงการตบหัวสั่งสอนมิจฉาชีพฝรั่งว่าอย่าแหย่หนวดเสือสาวรุ่นลายครามของวงการบันเทิงไทยอย่าง “มาช่า วัฒนพานิช” เพราะอย่างน้อยๆ แผลของซีรีลนั้นน่าจะฉกรรจ์และสาหัสกว่า
.........................................

ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสปดาห์ ฉบับที่ 84 วันที่ 14-20 พฤษภาคม 2554