“บุ๋ม” หวานเกินพิกัดให้ “ติ๊งโน้ต” หนุนตักกลางห้างฯ ฟุ้ง อยู่กันสองคนยิ่งหวานกว่านี้ ยอมรับ หลงแฟนหนุ่มมาก เจ้าตัวเผย ติ๊งโน้ตหวงไม่ยอมให้แข่งมอเตอร์ไซค์แล้ว บอก เพิ่งซื้อคันใหม่มา 1.6 ล้าน ก็เลยทำได้แค่ขี่ไปซื้อนมเย็นแถวบ้าน
นับวันยิ่งเห็นคู่รักต่างวัยอย่าง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับนักแข่งรถรุ่นน้อง “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” จะหวานกันขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะไปงานไหนเป็นที่รู้กันว่าถ้าเห็น “บุ๋ม” ที่ไหนเป็นต้องเห็นแฟนหนุ่มตามติดไปด้วยทุกครั้ง แม้เจ้าตัวจะเคยบอกว่าไม่มีทางหวานกันกลางที่สาธารณะให้เสื่อมเสียแน่นอน แต่ปรากฏว่าล่าสุดกลับมีภาพปาปารัสซี่หนุ่ม “ติ๊งโน้ต” นอนหนุนตักและซบไหล่โผล่ออกมาซะอย่างนั้น โดยงานนี้เจ้าตัวเผยว่า เห็นภาพแล้ว และเคยเอ่ยปากเตือนแฟนหนุ่มไปแล้วว่าไม่สมควร แต่ที่เห็นภาพนี้เป็นเพราะแค่แหย่แฟนคลับเล่นเท่านั้น
“ภาพนั้นบุ๋มเห็นแล้วค่ะ แต่บุ๋มก็เตือนเขาแล้วนะว่าให้ระวัง แต่คนนี้เขาก็ออกแนวขี้อ้อนไง เขาก็จะชอบนอนตัก ชอบมาอะไรอย่างนั้น ทำอะไรไม่ค่อยแคร์สายตาใคร(หัวเราะ) บุ๋มก็บอก ก็เตือนเขาแล้วล่ะ เราก็ไม่นึกว่าจะมีคนถ่ายได้ แล้วถ่ายทันด้วยนะ เพราะนั่นก็นั่งอยู่ชั้นบนสุดของห้างแล้ว พอเห็นภาพก็บอกติ๊งโน้ตว่าเห็นไหมมีคนถ่ายภาพไว้จนได้ แต่จริงๆ แล้ววันนั้นมีแฟนคลับไปด้วยคนนึงนะ ติ๊งโน้ตเขาก็เลยแกล้ง เพราะแฟนคลับคนนี้เขาจะหวงบุ๋มมาก ติ๊งโน้ตเขาก็เลยแกล้งนอนตัก แกล้งให้แฟนคลับกรี๊ดๆ แต่รูปที่ถ่ายมากลับเหลือบุ๋มกับติ๊งโน้ตสองคน”
“ตอนนี้บุ๋มก็เลยเตือนเขาไปว่าระวังหน่อยแล้วกัน เพราะว่าไปไหนเดี๋ยวนี้คนเขาก็รู้จักแล้ว กล้องถ่ายรูปก็เยอะ มือถือก็ถ่ายรูปได้ ก็คงต้องระวังตัวกันมากขึ้นค่ะ คือปกติเขาจะทำเฉพาะแกล้งแฟนคลับนะคะ เพราะปกติก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าถ้าอยู่กันสองคนก็สวีทเหมือนกัน แต่ถ้าบอกว่าบุ๋มหลงเขามากก็คงใช่ ก็คงหลงกันทั้งคู่ล่ะมั้งคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงจะไม่ไปไหนด้วยกันตลอดอย่างนี้(หัวเราะ) คือบุ๋มเป็นประเภทถ้ารักใครก็รัก ไม่มีกั๊กอยู่แล้ว ถ้ามีใครก็มีคนเดียว ก็ถ้าเกิดใช้เวลาด้วยกันได้ หรือใช้เวลาดีๆ ด้วยกันได้ เราก็จะหวานกับเขาอย่างเต็มที่”
เผย ตอนนี้อาการมือเจ็บของแฟนหนุ่มดีขึ้นมาก แต่ยังต้องทำกายภาพอยู่ และตนก็ไปเรียนการทำกายภาพเพื่อมาดูแลแฟนโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้ถูกห้ามไม่ให้ลงแข่งรถบิ๊กไบค์อย่างที่ชอบแล้ว เพราะแฟนหนุ่มขอ
“ล่าสุดตอนนี้มือติ๊งโน้ตเขาก็กลับมาปกติแล้วล่ะค่ะ จากที่เพิ่งถอดเหล็กไป ลงแข่งไปแล้วด้วย แต่มือก็ยังทำได้ไม่เต็มที่เพราะว่าตัวกล้ามเนื้อเขาต้องมีการกายภาพ ที่เพิ่งแข่งไปก็เลยได้มาแค่ที่ 3 ระห่ำมากเลย เราก็บอกแล้วว่าให้แค่ประคองๆ นะ บุ๋มก็อุตส่าห์ตะโกนอยู่ข้างสนามว่าแค่ขี่ประคองเท่านั้นนะ คือไม่ได้หวังว่าต้องชนะ แค่ให้มีชื่ออยู่ในแต่ละรอบๆ ในการเก็บคะแนนเท่านั้นเอง เพราะมันยังมีแข่งอีกตั้งหลายสนาม แต่ทีนี้ยังไงก็ไม่รู้เขา พอออกตัวก็ยกล้อตั้งแต่จุดสตาร์ทเลยจนถึงโค้งแรกเลย บุ๋มก็ตะโกนบอกให้ประคอง เขาก็สุดแสนจะเชื่อฟัง เพราะไม่เห็นจะฟังฉันเลย(หัวเราะ)”
“เวลาอยู่ในสนามบุ๋มต้องสวมบทบาทเป็นทั้งผู้จัดการทีม แล้วก็เป็นทั้งแฟนเขาด้วย ดังนั้นก็ต้องดูแลทุกเรื่อง วันนั้นเราก็กังวลเพราะไม่อยากให้อะไรมันเกิดขึ้นซ้ำ เพราะยังไงเขาก็แฟนเรา แต่ตอนนี้มือเขาก็น่าจะดีขึ้นเยอะ เพราะกายภาพทุกวัน บุ๋มเป็นคนทำให้เองเลย นี่ถึงขนาดไปศึกษาเพิ่มเรื่องการทำกายภาพเลยนะ”
“ตัวบุ๋มเองถามว่าจะมีแข่งไหม ก็มีคนมาชวนๆ บ้าง แต่ถ้าจะให้แข่งจริงๆ คงไม่ไหว เพราะบุ๋มยังต้องถ่ายละครแล้วยังมีอะไรอื่นๆ ทำอีก บุ๋มก็ไม่อยากให้คนที่จ้างเราหรือผู้กำกับเขาต้องเครียด อย่างกองละครทุกคนจะขอหมดเลย คือถ้าขี่เล่นๆ โอเค แต่ถ้าถึงขนาดลงแข่งแบบต้องมีซ้อมหนัก ทุกคนจะไม่ยอมหมดเลย เพราะด้วยงานบุ๋มที่มันต่อเนื่อง ที่ผ่านมาบุ๋มก็ถ่ายแบบมาตลอด ยิ่งปีนี้ถ่ายไปเยอะมาก มันจะเขียวจะช้ำอะไรไม่ได้เลย ทำให้การลงสนามช่วงที่ผ่านมาบุ๋มต้องหยุดหมดเลย”
“แต่ถ้าสมมติว่าเบรกงานได้จริงๆ บุ๋มลงแข่งแน่นอน ไม่เหลือหรอก(หัวเราะ) อยากแข่งจะตาย ที่บุ๋มทำทีมแข่งก็เพราะอยากลงแข่ง แต่มันทำไม่ได้ ก็เลยเอาเป็นว่ามอเตอร์ไซด์ชื่อทีมเราเข้าเส้นชัยแทนฉันที อะไรประมาณนั้นไป ยิ่งพอมาคบกันติ๊งโน้ตเขาเองก็ไม่อยากให้แข่ง แต่ถ้าขี่เล่นๆ เขาก็ให้ขี่นะคะ นี่ล่าสุดบุ๋มก็เพิ่งซื้ออีกคันนึงมา ซื้อมา 1.6 ล้าน ก็ได้แค่ขี่ไปซื้อนมเย็นแถวบ้าน(หัวเราะ) เพราะเขาไม่ให้บุ๋มขี่ไหนเลย นี่ยังแขวนนมเย็นอยู่เลย”
“แต่รถมอเตอร์ไซค์นี่บุ๋มซื้อมา 7 คันแล้วค่ะ ราคาก็คละกันไป เป็นล้านก็มี ไม่กี่แสนก็มี แต่ที่ลงทุนจริงๆ คือเราทำเป็นทีมเพราะนั่นก็ลงไปไม่ต่ำกว่า 3 ล้าน ซึ่งเราก็ภูมิใจนะ เพราะทำให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาเป็นนักแข่งมืออาชีพได้ เราก็ดึงจากพวกสนามเด็กแว๊นทั้งหลายตามท้องถนนนี่แหละ แต่ปัจจุบันเขากลายเป็นนักแข่งมืออาชีพ แล้วก็กลับมาเรียนหนังสือ บุ๋มไม่ให้ยุ่งกับยาเสพติดเลย แล้วก็ไม่ให้ไปแว๊นกันตามท้องถนน ก็เหมือนกับเราสร้างอนาคตให้เด็ก เพราะส่วนใหญ่แล้วนักแข่งก็จะมาจากหน้าเดิมๆ ที่แข่งๆ กันอยู่ น้อยมากที่จะรับเด็กใหม่ๆ เข้ามาอยู่ในทีม”
“แล้วสิ่งที่บุ๋มได้กลับมาก็คือ ทีมของบุ๋มได้เป็นทีมตัวอย่างของรัฐอย่างกฟผ. แล้วก็มีททท. ล่าสุดก็ของกระทรวงอุตสาหกรรมรณรงค์ในการขับขี่ปลอดภัย ก็คิดว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะ เราเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนหลายๆ อย่าง ก็เลยคิดว่าสิ่งที่เราทำก็เหมือนกับตอบแทนสังคมในระดับนึง เราเองก็สนุกด้วยเวลาที่คอยลุ้นลูกทีมในสนาม มันมาก ตอนนี้ในสนามทุกคนก็เรียกบุ๋มเจ๊ๆ กันหมด(หัวเราะ) ปลายปีนี้อาจจะมีโปรเจ็กต์ใหญ่อีกทีนึงในการแข่งขันเข้าทีมของบุ๋มนะคะ ซึ่งเป็นการแข่งขันกันจริงๆ จังๆ บุ๋มจะทำอย่างนั้นเลยค่ะ”