"บอล ภราดร" เปิดใจเหตุเล่นการเมืองเพราะอยากจะส่งเสริมให้เยาวชนเห็นคุณค่าและเล่นกีฬามากขึ้น เพราะการเล่นกีฬาจะช่วยฝึกให้มีวินัยรู้แพ้ชนะ มีหัวใจเป็นนักกีฬา ส่งผลให้เกิดความสามัคคีในชาติ และอยากจะพัฒนาวงการกีฬาให้นักกีฬามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีสวัสดิการเหมือนข้าราชการ เผยชีวิตเคยถึงจุดสูงสุดแล้วอยากตอบแทนให้กับสังคมบ้าง
สร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อจู่ๆ "บอล ภราดร ศรีชาพันธ์" อดีตนักเทนนิสที่เคยไต่ระดับติดอันดับ 10 ของโลก ประกาศลงเล่นการเมืองในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินที่มี "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" เป็นหัวเรือใหญ่ โดยบอลได้เปิดใจเผยถึงการพลิกชีวิตเข้าสู่เส้นทางการเมืองครั้งนี้ เพราะอยากจะเข้ามาพัฒนาวงการกีฬาและเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเล่นกีฬาให้มากขึ้น เพราะกีฬาจะช่วยให้มีระเบียบวินัย และมีหัวใจเป็นนักกีฬา ส่งผลให้เกิดความสามัคคีในชาติ
"จริงๆ ตัวบอลไม่เคยคิดว่าจะหันมาเล่นการเมือง แต่ว่าประเด็นสำคัญของบอลก็คือช่วงปีสองปีที่ผ่านมาบอลเริ่มทำธุรกิจตัวเอง และก็เริ่มเข้ามาดูแลระบบผังสมาคมเทนนิสแห่งประเทศไทย แล้วบอลก็เลยมองว่า ถ้าวันหนึ่งบอลมีโอกาสที่จะสามารถพัฒนาวงการกีฬาของไทยโดยประสบการณ์ที่บอลเจอมาในการแข่งขัน ในการเดินทางทุกระดับซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ โอลิมปิก หรือในระดับอาชีพ ซึ่งตัวบอลเองเห็นข้อที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมให้กับระบบวงการกีฬาไทย ที่จะทำให้มีนักกีฬาที่เก่งๆ และสามารถไปเทียบได้กับประเทศญี่ปุ่นหรือจีน อันนี้คือในด้านการเป็นเลิศ เล่นเป็นอาชีพหรือเล่นกันให้เก่งๆ ไปเลย"
"แต่อีกมุมหนึ่งกีฬามันสามารถที่จะพัฒนาเยาวชนและพัฒนาชาติได้ ที่บอลคิดว่ามันโยงเข้าด้วยกันได้ เพราะว่าบอลเห็นสถานการณ์หลายๆ อย่างซึ่งคนไทยก็เห็นอย่างที่บอลเห็นก็คือ ไม่มีความสามัคคี ที่เป็นอย่างนี้เพราะคนไทยเราไม่มีหัวใจในการเป็นนักกีฬา ซึ่งคำว่าหัวใจนักกีฬาถ้าสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เด็กมันจะทำให้ลดเรื่องเหล่านี้ลง เพราะนักกีฬาจะมีกรอบมีวินัย มีกฏเกณฑ์ ถ้าเราไม่ปลูกฝังบางทีมันก็จะลืม พอลืมปุ๊บระบบสังคมและประเทศมันก็จะเสียหายหมดเลย"
"บอลก็เลยคิดว่ากีฬามันจะสามารถพัฒนาประเทศได้ก็เลยเอาจุดนี้มาใช้และมันโยงเข้ากับการเมืองได้ ซึ่งการเข้ามาเล่นการเมืองของบอลในครั้งนี้ ไม่ได้เข้ามาเพื่อที่จะทำอย่างอื่นนอกเหนือจากด้านกีฬาเพื่อพัฒนาสังคมเท่านั้นเอง แต่ถามว่าถ้าจะพัฒนาด้านกีฬาแล้วทำไมจะต้องไปยุ่งกับการเมือง ตรงนี้บอลอยากจะบอกว่า โดยกลุ่มเล็กๆ มันไม่สามารถพัฒนาได้กว้างไกล ถ้าทำก็สามารถทำได้แค่กลุ่มเล็กๆ แต่ว่าถ้าอยากจะให้ได้ผลดีมันต้องช่วยกันในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในส่วนของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีทั้งงบประมาณและการจัดการในหลายๆ ระบบที่จะสามารถผลักดันในสิ่งที่บอลต้องการสามารถขับเคลื่อนไปได้ ตรงนี้มันเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้บอลสนใจที่จะหันมาเข้าวงการเมือง"
"มันเป็นความคิดเป็นสิ่งที่เราอยากให้มันเกิด ซึ่งเราจะเอาตรงนั้นมาเขียนร่างเป็นนโยบาย เมื่อเรามีโอกาสที่จะได้เข้าไปปุ๊บ เราก็ต้องมีนโยบายและขั้นตอนวิธีการทำ มันก็จะแบ่งเป็นสองอย่าง อย่างแรกก็คือการพัฒนาเยาวชนเกี่ยวกับกีฬา กิจกรรมด้านกีฬาจะต้องมีให้เยอะขึ้น เพื่อให้เด็กเยาวชนและผู้ปกครองเห็นเรื่องกีฬาสำคัญ เขาจะได้มีหัวใจเป็นนักกีฬา ซึ่งตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้วแต่บอลคิดว่ามันน่าจะดีได้กว่านี้อีก"
"อย่างที่สองคือเรื่องความเป็นเลิศ ความเป็นเลิศคือการแข่งขัน ส่วนใหญ่เราจะเห็นคนไทยเวลาเชียร์กีฬากันก็จะมาเชียร์กันเฉพาะตอนที่นักกีฬาแข่ง สปอนเซอร์ภาคเอกชนหรือแม้กระทั่งภาครัฐเองก็จะสนับสนุนกันเฉพาะเวลาแข่ง ซึ่งบอลมองว่ามันเป็นปลายเหตุ สิ่งที่จะต้องปรับปรุงก็คือต้องทำตั้งแต่ต้นเหตุ คือการเพิ่มจำนวนประชากรของคนที่จะเล่นกีฬาซึ่งก็คือเยาวชน แต่ปัญหาก็คือผู้ปกครองของเยาวชนยังไม่สนับสนุนให้เยาวชนเล่นกีฬาก็เพราะว่า ปลายเหตุเขาไม่มีหลักประกันว่า ถ้าลูกของเขาเล่นกีฬาแล้วจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า และถ้าไม่ประสบความสำเร็จเค้าจะทำอะไร อย่างนี้เขาก็ให้ลูกเรียนอย่างเดียวดีกว่า คือเล่นกีฬาไปก็ทำมาหากินไม่ได้ว่างั้นเถอะ"
"คือประเทศไทยเรายังมีความเข้าใจอย่างนั้นอยู่ บอลอยากให้คนมองเห็นว่า ถ้าพูดคำว่าไทยแลนด์ปุ๊บต้องนึกถึงว่า ประเทศนี้กีฬาเขาดีนะเขาเก่ง เหมือนที่เรานึกถึงญี่ปุ่น จีน เกาหลี ว่าเป็นมหาอำนาจทางกีฬา ซึ่งจริงๆ แล้วประเทศไทยเราไม่ได้แพ้เขาเลย แต่ระบบการจัดการจำนวนของคนเล่นกีฬามันน้อย บอลเลยคิดว่า ถ้าเราทำให้ผู้ปกครองมองเห็นว่ากีฬาสามารถทำให้ 1.พัฒนาเยาวชนสร้างชาติได้ 2.ถ้าเล่นกีฬาแล้วมีสวัสดิการมีอะไรที่มองแล้วมั่นคงในบั้นปลายชีวิตเหมือนข้าราชการที่มีบำนาญ แต่ทีมชาติไทยตอนนี้ซ้อมรับเบี้ยเลี้ยง 300 - 500 แข่งค่อยมาอัดฉีดกันเท่านั้นเอง"
"บอลอยากให้นักกีฬาทีมชาติควรที่จะมีสวัสดิการเหมือนข้าราชการ โดยเฉพาะนักกีฬาที่อยู่ในโครงการของรัฐบาลควรที่จะต้องมีหลักประกันว่า ถ้าเขาเข้ามาแล้วจะเป็นยังไง การที่เขาเล่นกีฬาทุ่มเทให้กับประเทศตามที่เขาถนัดก็ต้องได้รับความมั่นคงในชีวิต จริงๆ แล้วงบประมาณการพัฒนากีฬามันมีเยอะแต่เป็นการพัฒนารวมๆ ซึ่งจริงๆ มันควรจะมีการพัฒนาแบบมุ่งเน้น เน้นไปเลย 2 ทาง อย่างแรกคือการพัฒนาเยาวชนเพื่อจะได้มีหัวใจเป็นนักกีฬาในอนาคต สองคือการพัฒนากลุ่มที่เล่นกีฬาอย่างจริงจังภายใต้การดูแลของรัฐบาล โอเคเล่นแล้วถ้าติดทีมชาติหรือไม่ติดทีมชาติก็จะมีสวัสดิการให้อย่างไรบ้าง มีเงินเดือนให้ มีบ้านให้ แต่บ้านนี่ควรจะเป็นในระดับแชมป์ที่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์หรือโอลิมปิก อันนี้โอเคอันนี้ควรจะต้องมี ซึ่งตรงนี้นักกีฬาไทยไม่มีแต่จีนมี"
"นักกีฬาของจีนตอนนี้ดีเพราะเขามีสวัสดิการตรงนี้ เขาสามารถทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อการเล่นกีฬา การที่เขาจะมีความเป็นเลิศได้ขนาดนั้นมันเกิดจากการที่เขาได้ทุ่มเททั้งชีวิตและจิตใจลงไปเพราะรัฐบาลดูแลเขา ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่ในจีนผู้ปกครองรุ่นใหม่ในจีนทุกคนอยากให้ลูกของตัวเองเล่นกีฬา เพราะเขาเห็นตัวอย่างมันมีไอดอลให้ดูแต่ของเมืองไทยไม่มี"
"ของจีนนี่รัฐบาลเขาจะสนับสนุนเงินในการออกแข่งขันในการจ้างโค้ชหรือไปซ้อมต่างประเทศ ถ้ามีผลงานดีก็จะมีเงินเดือนให้ เอาง่ายๆ ว่ารัฐบาลเลี้ยงดูเหมือนข้าราชการ นักกีฬาสมัยก่อนก็คือนักรบคือข้าราชการคนหนึ่ง แต่สวัสดิการของนักกีฬาตอนนี้มันไม่มีเลย ไม่มีมูลค่าเลย นักกีฬาชื่อดังๆ มีหลายชื่อไม่อยากจะเอ่ยก็ต้องประสบปัญหาแบบนี้ วันที่เขาดังๆ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมีคนดูแลแต่หลังจากนั้นแล้วเขาหายไปเลย มูลค่าของเขาไม่มีแล้วหรอ"
"บอลอยากให้รัฐบาลมาสนับสนุนตรงนี้ แต่ก่อนอื่นเราต้องเพิ่มจำนวนคนเล่นกีฬาให้ได้ก่อน ตอนนี้หลายๆ ภาคส่วนทางเอกชนเขาก็ช่วยเรื่องกีฬา แต่ช่วยเป็นแบบกิจกรรมเล็กๆ ไม่มีการผลักดันอย่างจริงจัง และบอลเชื่อว่าถ้ารัฐบาลมีนโยบายหรือสิ่งที่บอลพูดไปนี้สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ มันจะมีวัตถุดิบทางการกีฬาอีกเยอะ ทำให้เราได้เจอเพชรเม็ดสวยๆ อีกหลายเม็ดถ้าเราดูแลเขาดีๆ "
เผยสาเหตุที่เลือกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
"จริงๆ แล้วบอลได้รับการทาบทามมาหลายครั้งแล้ว เรียกว่าถูกทาบทามมาเป็นปีแล้วแต่พึ่งจะมาเข้มข้นช่วงนี้ แล้วตัวบอลเองก็พึ่งจบการศึกษาจากรามคำแหงปริญญาตรีรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง ซึ่งบอลเองก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเล่นการเมือง มันเป็นแผนชีวิตที่เราได้วางเอาไว้ว่า วันหนึ่งถ้าเราเลิกกีฬาเทนนิสแล้วก็จะมาเรียน พอเรียนจบปุ๊บก็มีกระแสข่าวว่าบอลจบรัฐศาสตร์คิดอะไรหรือเปล่ากับการเรียนด้านนี้ อยากทำงานด้านการเมืองหรือเปล่า แต่ทุกอย่างมันประจวบเหมาะเป็นจังหวะและช่วงเวลาที่ดี"
"ที่ผ่านมาเราเคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติในเรื่องของกีฬามาแล้ว จากประสบการณ์ที่เราได้มาถ้ามันสามารถเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติและสังคมโดยเฉพาะวงการกีฬาได้ เราก็พร้อมจะทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตนใส่ประสบการณ์ทุกอย่างลงไปในการทำงานการเมือง ส่วนที่เลือกพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินก็เพราะว่า นโยบายของพรรคมันไม่ใช่แค่การเขียนนโยบายแต่มันทำให้เห็นชัดเจนตลอดเวลา อย่างท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภก็เป็นนายกสมาคมลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย ก็เห็นท่านทำกิจกรรมหลายอย่างเกี่ยวกับกีฬา มองแล้วเป็นการพัฒนาวงการกีฬาอย่างต่อเนื่องไม่ได้ทำอย่างฉาบฉวยซึ่งมันตรงกับเรา ก็เลยคิดว่าเป็นพรรคนี้แหละถึงจะไม่ใช่พรรคใหญ่แต่ก็มีการสนับสนุนด้านกีฬาอย่างจริงจัง"
"บอล ภราดร" อาจจะตั้งใจจริง แต่ในสนามการเมืองใครๆ ก็พูดกันว่า สกปรก เต็มไปด้วยพวกเขี้ยวรากดิน การก้าวเข้ามาเล่นการเมืองของบอลในครั้งนี้ จึงอาจจะเป็นแค่หมากเกมส์หนึ่ง ที่โดนดึงเอาชื่อเสียงมาโปรโมตพรรค สร้างกระแสให้คนสนใจ
"บอลว่าทุกคนไม่มีความชำนาญกับการทำสิ่งใหม่ๆ เราจะต้องเข้าไปเรียนรู้ต้องปรับตัว ถามว่าบอลเข้าไปเจอกับนักการเมืองรุ่นเก่าๆ อันนั้นเป็นส่วนของนักการเมือง บอลไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องไปเทียบกับเขา จะต้องไปเป็นนักการเมืองให้เก่งให้เก๋าอย่างเขา แต่บอลมองว่า บอลเข้าไปในจุดนี้ก็เพราะว่าแต่ละพรรคจะต้องมีสเปเชียลลิสต์ในแต่ละพรรค คือมีผู้ชำนาญในแต่ละด้าน สำหรับด้านกีฬาบอลเชื่อว่าตัวเองก็เขี้ยวลากดิน แต่ถ้าเป็นด้านสังคมเศรษฐกิจเขี้ยวยังไม่มี พรรคแต่ละพรรคมันจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การปกครอง อุตสาหกรรม สุขอนามัย ซึ่งแน่นอนในส่วนของบอลเข้าไปทำในส่วนของกีฬาไม่ได้เข้าไปทำตรงอื่น ฉะนั้นในส่วนที่บอลทำบอลก็มั่นใจว่าเขี้ยวลากดินเหมือนกัน"
"บอลว่ามันเป็นครั้งแรกและมันเป็นสิ่งที่ได้เริ่มใหม่ มันคือเส้นทางชีวิตใหม่ที่บอลได้เลือกแล้ว กับการลงเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จบอลก็มองว่า บอลประสบความสำเร็จแล้ว ประสบความสำเร็จตั้งแต่ในวันที่เราบอกว่าจะอุทิศตนให้กับสังคมประเทศชาติ การเลือกตั้งมันมีผลของการได้รับเลือกกับการไม่ได้รับเลือก มันมีคำว่าแพ้กับคำว่าชนะ ซึ่งตัวบอลเองก็เล่นกีฬามาเป็น 10 กว่าปี คำว่าแพ้หรือชนะเราเจอมาเยอะ บอลถูกกีฬาหล่อหลอมมาเรียบร้อยแล้วด้วยร่างกายและจิตใจที่เป็นนักกีฬา นั่นก็คือการรู้จักแพ้ชนะ ฉะนั้นผลจะออกมาอย่างไรก็เป็นในส่วนของประชาชนที่จะเลือกเราหรือไม่เลือกเรา ผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ"
"แต่ถึงผลจะออกมาอย่างไรบอลก็ยังอยู่ในพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ก็จะเป็นทีมงานในด้านของกีฬาต่อไป การเข้ามาทำงานด้านการเมืองมันไม่ได้มีแค่สองอย่างให้ทำ มันไม่ได้มีแค่ลงปาร์ตี้ลิสต์หรือลงสส. การเป็นที่ปรึกษาการมีส่วนร่วมสร้างนโยบาย หรือเป็นกรรมาธิการนี่ก็คือในเรื่องการเมือง แต่ตรงนี้บางคนอาจจะไม่ทราบคิดแค่ว่ามันมีลงปาร์ตี้ลิสต์กับลงสส. จริงๆ มันมีหลายหน้าที่ให้ทำ"
สรุปก็คือจะลุยงานด้านการเมืองเป็นอาชีพจริงจัง
"ภาพของบอลมันเป็นนักกีฬาที่เข้ามาสนับสนุนกีฬา เข้ามาสร้างภาพให้เห็นเด่นชัดขึ้น ไม่แน่ในอนาคตทุกพรรคการเมืองจะต้องมีสเปเชียลลิสต์ มีคนที่มีประสบการณ์จริงเข้าร่วมด้วยทุกพรรค ในด้านของกีฬาถ้ามองกลับไปข้างหลังบอลมองว่า ยังไม่มีนักกีฬาคนไหนที่ก้าวเข้ามาเพื่อที่จะพัฒนากีฬาจริงๆ บอลมองโมเดลเดียวกันกับนักมวยฟิลิปินส์คนหนึ่งที่เข้าไปเล่นการเมือง เขาค่อนข้างมีภาพการเป็นไอดอลของเด็กๆ เขามีฝีมือไม้ลายมือและเข้ามาพัฒนาด้านการกีฬา"
"พอบอลมองโมเดลนี้แล้วบอลคิดว่า ถ้าบอลเข้ามามันจะสร้างกระแส บอลว่าช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมาคำว่า ภราดร ศรีชาพันธ์ มีคนรู้จักและเป็นไอดอลด้านกีฬาให้กับเด็กหลายๆ คน และการที่บอลจะเข้ามาตรงนี้เพื่อจะพัฒนาเยาวชนให้เด็กๆ เห็นความสำคัญด้านกีฬามากขึ้น ทั้งในเรื่องของการเป็นเลิศ บอลคิดว่าโอกาสตรงนี้มี บอลอยากเข้ามาเพื่อพัฒนา การเสพติดอำนาจสำหรับบอลคงไม่ใช่ พอเข้ามาแล้วเราต้องทำงาน ทำงานปุ๊บก็ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บออกได้เลย มันเหมือนการเล่นกีฬาแบบทีม การรวมทีมการเล่นเป็นทีมมันต้องใช้เวลา บางคนเข้ามาแล้วไม่ชอบก็เลิกลาไป ไม่ใช่ว่าทุกคนเข้ามาแล้วหอมหวานจะอยู่ไปตลอด"
"บอลเคยไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว บอลเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว บอลคิดว่ามันถึงเวลาที่บอลจะตอบให้กับสังคมบ้าง ประสบการณ์ที่เรามีในด้านที่เราถนัดที่สุดเราจะเก็บไว้ก็รู้อยู่คนเดียว ในปีที่ผ่านมาบอลก็เลยรับหน้าที่เป็นโค้ชเทนนิสของทีมชาติไทย บอลก็ได้ถ่ายประสบการณ์ให้กับน้องๆ มันเป็นสิ่งที่บอลถนัด แต่นอกเหนือจากนั้นประสบการณ์ในการเดินทาง ประสบการณ์ในการที่เราเห็นในด้านของมหกรรมกีฬาหลายๆ มหกรรมกีฬาในระดับโลก เห็นการพัฒนาวงการกีฬา การสร้างบุคลากรใหม่ๆ บอลก็มีความรู้ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน"
"เพราะฉะนั้นพอเราได้เป็นโค้ชให้กับเทนนิสมันมาครบปีแล้ว ก็ทำให้เราได้คิดว่า ถ้าวันหนึ่งเราจะสามารถทำประโยชน์ได้อีกครั้งหนึ่ง บอลก็อยากจะทุ่มเทเวลาให้กับตรงนี้ อยากจะพัฒนาตรงนี้ให้มันมากขึ้น ซึ่งมันต้องใช้พาวเวอร์ของการเป็นรัฐบาลมาช่วย เพราะการจะพัฒนาจะต้องมีงบประมาณมันมีแรงผลักดันได้มากกว่า พาวเวอร์ตรงนี้แหละที่บอลมองเห็นว่า เราจะทำคนเดียวไม่ได้ มันจะต้องมีระบบขับเคลื่อน ซึ่งมันคือพาวเวอร์เดียวเลยก็คือ การเล่นการเมือง"