“กิ๊ฟท์ซ่า” ค้าน เอาชุดตำรวจ-พยาบาลมาดัดแปลงใส่เล่นเอ็มวีไม่แรง ยัน ไม่ถ่ายใหม่

“กิ๊ฟท์ซ่า” แปลกใจเอ็มวีโดนแบน ค้าน เอาชุดตำรวจ-พยาบาลมาดัดแปลงใส่เล่นเอ็มวีไม่แรง เพราะไม่ได้ใส่ไปเดินตามถนน แจง เป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้ผลงาน ไม่ได้ตั้งใจดูหมิ่นอาชีพแต่อย่างใด บอก อยากให้ดูเอ็มวีก่อนวิจารณ์ เผย ผู้ใหญ่ในอาร์เอสไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นคนปล่อยผ่านเอง ยัน ไม่ถ่ายทำใหม่ ก่อนพ้อ คนปักใจกับภาพ “เกิร์ลลี่ เบอร์รี่” ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบเดียวกันคงไม่มีความผิด

หลังจากที่ 2 สาว “กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์” และ “กิ๊ฟท์ซ่า ปิยา พงศ์กุลภา” อดีตนักร้องวงเกิร์ลลี่เบอร์รี่ ที่ปัจจุบันได้แยกวงออกมาร่วมกันทำอัลบั้มคู่ดูโอ้ โดนคณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ หรือ กบว. สั่งแบนมิวสิควีดีโอเพลง I LIKE THAT BOY ที่ทั้งคู่นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์เองเต็มตัวเป็นครั้งแรก เนื่องจากมีความไม่เหมาะสม ถือเป็นการดูหมิ่นเครื่องแบบ เพราะในเนื้อหาเอ็มวี กิ๊บซี่และกิ๊ฟท์ซ่าได้แต่งชุดเลียนแบบตำรวจ-นางพยาบาล โดยมีการดัดแปลงชุดให้เซ็กซี่ทั้งสั้นและคว้านโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งจนเกินงาม และด้วยความที่ชุดมันสั้น บางช่วงบางตอนที่สองสาวเคลื่อนไหวก็ถึงกับทำให้เห็นแก้มก้นกันเลยทีเดียว เป็นเหตุให้โดนกระแสโจมตีจากหลายทิศทาง แต่พอสอบถามไปยังสาวกิ๊ฟท์ซ่า เจ้าตัวก็ยืนกรานว่า ชุดไม่แรงเกินไปเพราะใส่เล่นมิวสิควีดีโอ ไม่ได้ใส่เดินตามถนน

“กิ๊ฟท์ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ เพราะโดยส่วนตัวเราก็พยายามสร้างอะไรที่เป็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นศิลปะ เราก็ไม่ได้คิดว่าเหตุผลที่โดนแบนมันจะเป็นเรื่องนี้ค่ะ เรื่องที่ทำให้โดนแบน เท่าที่ลงในหนังสือพิมพ์ก็เป็นเรื่องชุด คือไม่ได้บอกว่าชุดเซ็กซี่เกินไป แต่ชุดมันเหมือนไม่เหมาะสมในการที่เอาเครื่องแบบของอาชีพมาใส่ ซึ่งเรามองว่าบางท่าน ถ้ามองว่าเราไม่เหมาะสม ก็กราบขอโทษมาตรงนี้ด้วย แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นแนวน่ารักๆ มากกว่า คือกิ๊ฟท์ไม่ได้มีเจตนาเลยแม้แต่นิดเดียวที่จะไปลบหลู่ หรือทำความไม่เหมาะสมให้กับอาชีพใดอาชีพหนึ่ง”

“ถามว่าชุดแรงไปมั้ย กิ๊ฟท์ว่ามันก็คงแรงต่อการเดินบนท้องถนนค่ะ แต่ถ้ามันอยู่ในมิวสิควิดีโอ กิ๊ฟท์ก็มองว่ามันไม่แรงเกินไป (แต่หลายคนมองว่าการแต่งตัวแบบนี้เป็นการดูหมิ่นอาชีพของเขา?) กิ๊ฟอยากบอกว่าถ้าลองไปดูในเอ็มวีจริง ๆ มันก็ไม่มีเรื่องราวที่เหมือนเป็นการดูหมิ่นเลยนะ”

“แต่ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้เสียความรู้สึก แค่ประหลาดใจเฉยๆ ค่ะ เพราะถ้าสมมุติโดนพูดว่ากางเกงสั้นไปนะ ก็ยังพอเข้าใจได้มากกว่า แต่พอมาพูดเรื่องนี้ปุ๊บ ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องนี้ค่ะ ส่วนที่บางชุดมีการแต่งตัวเหมือนแม่ชีซิสเตอร์ อันนี้คือกิ๊ฟมองว่า แบบนี้เขาเรียกว่าดัดแปลงค่ะ ไม่ได้เจาะจงว่าเอาชุดนี้ออกมาแล้วใส่เลย ก็ดัดแปลงให้มันดูเหมือนแฟนตาซี เหมือนเราทำขึ้นเพื่อสร้างสรรค์รูปแบบแนวเรื่องของมิวสิควิดีโอ ให้เป็นแนวทางนั้นมากกว่า”

ยัน ผู้ใหญ่ที่อาร์เอสไม่ได้ว่าอะไร และเป็นคนปล่อยให้ผ่านเองเพราะมองว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้น พร้อมบอกยังไม่มีแพลนถ่ายใหม่
“ผู้ใหญ่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็มองว่าโอเคกับอันนี้ ที่เราเป็นคนดูแล้วและเขาก็ตรวจแล้ว ในความรู้สึกเขามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้นนะคะ ซึ่งในส่วนเอ็มวีตัวนี้ก็ยังไม่มีแพลนที่จะถ่ายใหม่”

“ก็ลองไปดูดีๆ ดีกว่า ว่าจริงๆ แล้วมิวสิควิดีโอตัวนี้ แม้เราจะใส่ชุดแบบนั้น แต่เราก็ไม่ได้หยิบยกตราหรือรูปแบบของใครอย่างชัดเจน แต่ถ้าใครก็ตามที่มองว่าเราไปดูหมิ่นเขา เราก็ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดกิ๊ฟท์เชื่อว่ามีแฟนเราที่เป็นพยาบาลหรือตำรวจที่เขาไม่ติดในเรื่องนี้ และโอเคกับสิ่งที่เราทำ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการโพสต์ท่า การกระทำที่เป็นเจตนาในการเล่าเรื่องในมิวสิควิดีโอ ก็คงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ถ้าเป็นมูฟเม้นต์ในการโพสต์หรือการเต้นก็อาจจะมองเป็นอย่างนั้นได้ อย่างที่บอกค่ะต้องลองกลับไปดูมิวสิควิดีโอก่อน”

ตัดพ้อ คงเพราะเป็น “กิ๊บซี่-กิ๊ฟท์ซ่า” เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ คนถึงมองว่าแรง ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบเดียวกันคงไม่เป็นไร
“คงงั้นด้วยค่ะ กิ๊ฟท์อยากจะบอกว่าถ้าไม่ใช่กิ๊ฟท์กับกิ๊บซี่ ถ้าเป็นคนอื่น รายการอื่น แต่เป็นชุดประมาณนี้ ก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้ แต่กิ๊ฟท์ไม่ได้น้อยใจหรอกค่ะ เราไม่ได้ใส่ชุดแบบนั้นไปเดินตามท้องถนนอยู่แล้ว และเราก็ทำเพื่อสร้างความแปลกใหม่ นำเสนอเพลงของเราให้ทุกคนได้ชมกัน ก็เหมือนเป็นงานศิลปะงานหนึ่งมากกว่า แต่ถ้ามันจะต้องมีอะไรที่คนอื่นไม่เห็นด้วย มันก็เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ ที่เราต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน เพราะเพลงที่ออกไปก็เป็นเพลงสาธารณะ”

ส่วนกรณีที่หลายกระแสมองว่าแข่งเซ็กซี่กับอดีตสมาชิกวงอย่าง “เบลล์ มนัญญา” และ “แนนนี่ ภัทรนันท์” ที่ออกอัลบั้มแซงหน้าไปก่อนแล้วนั้น เจ้าตัวแจงว่า… “ไม่นะคะ คือเราคุยกันไว้แต่แรกแล้วว่า เรา 2 คน จะทำเป็นแบบก้าวร้าวหน่อย ดูโหดๆ แต่อีก 2 คนจะเป็นแบบน่ารักๆ ไม่ได้มีการแข่งกันเกิดขึ้น เพราะเราคนละแนวทาง เราแยกกันชัดเจนแล้วตั้งแต่ก่อนทำอัลบั้มค่ะ”