อีกเพียงสองสัปดาห์ คอนเสิร์ตวันหวานแห่งความทรงจำของนักร้องเสียงคุณภาพ 'สุชาติ ชวางกูร' จะเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่เขาได้ฝากความประทับใจไว้ให้แก่มิตรรักแฟนเพลงที่เข้าไปชมและขับร้องบทเพลงอันโด่งดังของเขาในคอนเสิร์ต A Man For All Seasons เมื่อสองปีก่อน
ส่วนหนึ่งของการกลับมาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นเพราะความรู้สึกที่หลงเหลือตกค้างมาจากคอนเสิร์ตในครั้งนั้น ซึ่งทำการแสดงไปเพียงรอบเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกสนุกสนานและความต้องการที่จะร่วมกันแบ่งปันความประทับใจที่เกิดจากการฟังเพลงในอดีต เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สุชาติตัดสินใจลุกขึ้นมาจัดคอนเสิร์ตอีกครั้งที่โรงภาพยนตร์สกาล่า ซึ่งครั้งนี้เขาไม่ทำให้แฟนๆ บ่นพ้อเสียดาย(เหมือนครั้งก่อน)ด้วยการเปิดทำการแสดงถึง 5 รอบตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 ไปจนถึงอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมนี้
หัวใจสำคัญของคอนเสิร์ตที่ใช้ชื่อเต็มๆ ว่า 'วันหวานแห่งความทรงจำ สุชาติ ชวางกูร' นี้ ก็คือการพาผู้ฟังร่วมกันย้อนรำลึกถึงคืนวันเก่าๆ ที่เคยสมหวัง ผิดหวัง เจอความทุกข์ พบความสุข ผ่านบทเพลงที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ เหล่านั้น ซึ่งใครที่ได้ฟังก็ต้องอมยิ้ม ไม่ว่ามันจะย้ำเตือนให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่สมหวังหรือผิดหวังก็ตาม
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของสุชาติก็เคยเดินผ่านทั้งความสุขสมหวังและความทุกข์ผิดหวังมาแล้วทั้งสิ้น แม้ว่าบนเวทีเขาจะยืนครวญเพลงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้เขาก็ต้องผ่านอะไรมาแล้วมากมาย เป็นช่วงชีวิตที่บทเพลงซึ่งเน้นหนักไปที่เนื้อหาเกี่ยวกับความรักของเขาอาจจะไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัวที่ไม่ได้สวยงามอบอุ่นเหมือนบ้านอื่นสักเท่าไหร่ หรือการฟันฝ่าด้วยความมุมานะอุตสาหะกว่าจะก้าวขึ้นมายืนรับตำแหน่งชนะเลิศบนเวทีการประกวด Asia Amateur Singing Contest โดยเป็นชายไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รางวัลชนะเลิศบนเวทีการประกวดนี้อีกต่างหาก
สิ่งที่นับว่าไม่ธรรมดาสำหรับสุชาติคือทัศนคติในการดำเนินชีวิต เพราะแม้จะร่ำรวยชื่อเสียงและเงินทอง แต่เขาก็สังวรอยู่เสมอว่าอาชีพนักร้องนักแสดงนั้นไม่มั่นคงถาวรมีวันขึ้นก็ต้องมีวันร่วงหล่น ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ตกตะกอนในช่วงเวลาที่ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์อยู่ด้วยซ้ำ
สุชาติจึงเดินทางไปศึกษาต่อยังสหรัฐอเมริกาโดยที่ขณะกำลังเรียนอยู่ต่างแดนนั้น เขาก็ทำงานเพลงส่งกลับมาให้บริษัทที่จัดจำหน่ายอยู่ที่ประเทศไทยรวบรวมเป็นอัลบั้มจำหน่ายบนแผงเทป เรียกว่าได้ทั้งการศึกษาและอาชีพนักร้อง!
ทำให้นอกจากปริญญาบัตรจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว นักร้องเสียงนุ่มคนนี้ยังได้วุฒิการศึกษา Master of International Management (MIM ) และ Master of Science in Finance (MS-Finance) จาก University of Colorado และ Master of Science in Economics (MS-Economics) จาก State University of New York อีกด้วย
สุชาติจึงเป็นนักร้องระดับปริญญาโท(ที่ไม่ใช่แค่ใบเดียว) รายแรกๆ ของเมืองไทย และมีผลงานอัลบั้มเพลงออกมามากมายกว่า 15 ชุด
สุชาติเป็นทั้งนักร้องและนักฟังเพลงตัวยง ตั้งแต่อดีตเขาเกิดและเติบโตมากับเพลงฝรั่งยุค 60's เช่น All For The Love of A Girl ของ Johnny Horton ,Always on My Mind ของ Brenda Lee และ Who's Sorry Now? ของ Connie Francis ที่พ่อของเขาเปิดในบ้าน
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ฟังเพลงลูกกรุงและลูกทุ่งจากญาติทางฝั่งภรรยาคนใหม่ของพ่อ เรียกได้ว่าสุชาติคือผลผลิตของการปะทะสังสรรค์กันระหว่างเพลงตะวันตกในยุคบุกไทยกับเพลงไทยลูกกรุงและลูกทุ่งที่ยังคงขับขานคลอคู่อยู่กับสังคมคนฟังเพลงในประเทศไทยมาโดยตลอด
ผลผลิตเหล่านั้นกลายมาเป็นตัวสุชาติที่เห็นเด่นชัดที่สุดในยามที่เขาจัดรายการ Beautiful Music หรือเพลงเพื่อเธอทาง FM 97.75 และช่อง Super บันเทิง เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่เขาแสดงความเอกอุทางด้านเพลงออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเพลงในช่วง 60's - 80's
คอนเสิร์ต “วันหวานแห่งความทรงจำ” สุชาติ ชวางกูร จึงเป็นเสมือนการต่อยอดความเป็นนักร้องที่พันผูกอยู่กับความเป็นพิธีกรของสุชาติเอง ซึ่งบนพื้นยกสูงหน้าโรงภาพยนตร์สกาล่าในสามวันดังกล่าว สุชาติจะทำหน้าที่เป็นทั้งนักร้องและผู้จัดรายการที่จะพาผู้ฟังนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไประลึกความทรงจำเก่าๆ ที่มีบทเพลงเป็นสื่อเชื่อม
ดังนั้น คอนเสิร์ตครั้งนี้จึงไม่ได้มีเพียงแค่เพลงฮิตจากอัลบั้มเก่าๆ ของเขาเท่านั้น แต่ทว่ายังมีบทเพลงอันโด่งดังจากนักร้องนามอุโฆษในอดีตด้วย ไม่ว่าจะเป็น beautiful Sunday ของ Daniel Boone อดีตทหารผู้กลายเป็นคีตกวียุคคลาสสิก หรือ The Greatest Love of all ของ Whitney Houston ที่สุชาติมักจะถูกขอให้ขับขานเป็นประจำหลังจากแสดงพลังเสียงในการร้องเพลงบทนี้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนเมื่อหลายปีมาแล้ว
ส่วนเพลงคุ้นหูของสุชาติซึ่งล้วนติดตรึงอยู่ในความทรงจำของนักฟังเพลงอย่าง เพลงใจรัก(อัลบั้มสายธาร) , เพลงดั่งเม็ดทราย (อัลบั้มดั่งเม็ดทราย) , เพลงฝันรัก(อัลบั้มฝันรัก) เพลงเหมันต์ที่ผ่านพ้นไป(อัลบั้มไกลรัก) และเพลงอื่นๆ อีกมากมายรวมทั้งสิ้น 43 บทเพลงที่จะได้ยินกันในคอนเสิร์ตนี้
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การที่สุชาติประกาศต่อแฟนเพลงว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการขึ้นไปครวญเพลงกันแบบสดๆ ไม่มีลิปซิงก์ ด้วยความตั้งใจของสุชาติที่ต้องการจะให้คนฟังอิ่มเอมไปกับเสียงจริงของเขา และไม่ยอมหลอกลวงผู้เสพเพลงด้วยการขึ้นไปขยับปากมุบมิบตะครุบเสียงร้องที่เปิดจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นอันขาด
ไม่ว่าคุณจะเคยดื่มด่ำไปกับบทเพลงของสุชาติในคอนเสิร์ต A Man For All Seasons เมื่อสองปีก่อนหรือไม่ แต่หากคุณยังจำความรู้สึกดีๆ ที่เคยผูกพ่วงอยู่กับบทเพลงของเขาและของนักร้องในยุค 60's - 80's ได้ และอยากจะร่วมย้อนวันวานเพื่อไปเติมความสุขด้วยการรำลึกถึงภาพสวยงามในอดีตแล้วละก็ ลองชักชวนคนรอบข้างแล้วหาวันว่างจาก 5 รอบการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอบ 19.00 น. ในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม รอบ 13.00 น. และรอบ 19.00 น. ในวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสองวัน(วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม และวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม) เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตในครั้งนี้
บัตรราคา 2,500 2,000 และ 1,500 บาทนั้น สุชาติจะหักส่วนหนึ่งไปสมทบกับกองทุนสร้างพลเมืองคุณภาพที่เขาก่อตั้งขึ้น เป้าหมายของกลุ่มสร้างพลเมืองคุณภาพก็คือตระเตรียมพื้นที่ทางเลือกสำหรับพลเมืองคุณภาพหลังเกษียณ เพื่อให้มาร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ร่วมสร้างยุวชนคุณภาพของโลกรุ่นต่อๆ ไป โดยเมื่อไม่นานมานี้กลุ่มดังกล่าวได้ไปเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดทุกเดือนที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
และนี่ก็คือหนึ่งในความฝันที่เป็นจริงของสุชาติในการที่จะสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเขาตระหนักอยู่เสมอว่าตัวเองมีเวลาอยู่บนโลกใบนี้ไม่นานนัก
"เราคิดอยู่ตลอดเวลา คิดอยู่เสมอว่าเดี๋ยวก็ตายแล้ว จะเอาอะไรไปนักหนา คุณจะโกงเอาไว้ให้ลูกหลาน ถ้าลูกหลานไม่มีสติปัญญา มันก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี เงินที่โกงไปมันก็ต้องผลาญหมด ซึ่งเราก็เห็นมาเยอะแยะ ถ้าเราไปโกงเขาก็เป็นเวรเป็นกรรม ลูกหลานก็ต้องรับเวรรับกรรมซึ่งแก้ไขไม่ได้ แล้วก็เป็นบาปของเราที่ส่งไปถึงลูกหลาน
แล้วคนพวกนี้ก็ต้องใช้เงินเป็นเครื่องบรรเทา ผ่อนคลายโรคภัยไข้เจ็บที่เขาเป็น ไม่รู้จะทำทำไม แล้วถึงแม้เขาจะเอาเงินไปบำบัดความทุกข์เหล่านั้น เขาก็ยังอยู่ในความทุกข์อยู่ดีนะ ถามว่าทำไมเราจะต้องไปทำแบบนั้นด้วย เพราะถ้าเราจะมีชีวิตอยู่ เป็นมนุษย์ธรรมดาก็ขอให้มันปกติน่ะ ปกติไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่ปกติเขาไม่ดีนะ ให้ชีวิตมันบาลานซ์น่ะ ให้อยู่อย่างมีความสุข เพราะเดี๋ยวก็ตายแล้ว จะมีกี่คนที่อยู่ถึงร้อยปี" นี่คือทัศนคติในการดำเนินชีวิตของนักร้องเสียงนุ่มคนนี้
ฉะนั้น นอกจากจะได้อมยิ้มเปี่ยมสุขด้วยการร้องและฮัมเพลงเก่าร่วมกันแล้ว การไปชมคอนเสิร์ตนี้ยังเป็นการร่วมสร้างสรรค์สังคมที่เราอยู่ให้สวยงามและน่าอยู่เพื่อลูกหลานของเราในอนาคตอีกด้วย
เป็นการอมยิ้มในความสุขของวันวานที่จะส่งผ่านไปยังคนรุ่นหลังได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้คือแนวคิดที่น่าฟังจากนักร้องเสียงคุณภาพอันดับต้นๆ ของเมืองไทย 'สุชาติ ชวางกูร'
…...........................................................................
+ คอนเสิร์ต “วันหวานแห่งความทรงจำ สุชาติ ชวางกูร” เปิดการแสดงในวันที่ 18, 19 และ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554 วันศุกร์รอบเวลา 19.00 น. เสาร์และอาทิตย์ 2 รอบ คือ 13.00 น. และ 19.00 น. รวม 5 รอบ ณ โรงภาพยนตร์สกาล่า บัตรราคา 2,500 / 2,000 และ 1,500 บาท จองบัตรได้ที่ Thaiticketmajor ทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดที่ 0-2262-3456
