“ผู้พันเบิร์ด” ควง “ปาล์ม” ฉลองวิวาห์ เผยติดตลก รอมานานกว่า 7 ปี ถ้าแต่งตั้งแต่ก่อนถ่ายหนังนเรศวรป่านนี้ลูกก็โตแล้ว บอก พร้อมมีลูกทันที แย้มน้ำตาปริ่ม เจ้าสาวคือคนที่มาเติมเต็ม รวมถึงเป็นแรงผลักดันในชีวิตเสมอมา ด้าน “ปาล์ม” ประทับใจเจ้าบ่าวเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย มั่นใจจะนำพาชีวิตครอบครัวให้ราบรื่นได้อย่างแน่นอน
หลังจากทำพิธีหมั้นหมายไปตั้งแต่ปี 2550 และเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา วันนี้(26 ก.พ.) “ผู้พันเบิร์ด พ.ท.วันชนะ สวัสดี” พระเอกมาดเข้มจากภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ก็ได้ฤกษ์จูงมือเจ้าสาว “ปาล์ม วริญญา ศิริชุมแสง” ที่คบหาดูใจกันมาเกือบ 10 จัดพิธีฉลองมงคลสมรสพระราชทาน ขึ้น ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ โดยก่อนที่พิธีการจะเริ่มขึ้นในช่วงค่ำคืน ผู้พันเบิร์ดก็ได้เกี่ยวก้อยเจ้าสาวออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงความรู้สึกในวันแห่งความสุขที่รอคอยมานานกว่า 7 ปีว่า...
ผู้พันเบิร์ด “เมื่อเช้ายังไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ครับ ตื่นเต้นตอนลงมานี่แหละครับ(หัวเราะ)”
ปาล์ม “ดีใจมากค่ะ ดีใจตั้งแต่ที่ทราบข่าวว่าได้สมรสพระราชทานแล้วค่ะ”
ผู้พันเบิร์ด “สำหรับผมคิดว่าตอนแรกตั้งใจจะแต่งงานก่อนจะเริ่มแสดงภาพยนตร์ ตั้งแต่ปี 47 ซึ่งถ้าแต่งไปตอนนั้นลูกก็น่าจะดูหนังพระนเรศวรรู้เรื่องแล้วครับ(หัวเราะ) ผมคิดว่าปลายปีนี้หรือต้นๆ ปีหน้าทุกคนก็น่าจะได้เห็นหน้าหลานแล้วครับ"
"การแต่งงานสำหรับตัวผมก็เพื่อต้องการสร้างครอบครัว อยากมีลูกครับ ก็คิดว่าน่าจะเพื่อการนี้แหละครับ(หัวเราะ) ก็ไม่ได้กะไว้ว่าจะกี่คนนะครับ คือตัวผมมีน้องชายอีกคนนึง แต่ของครอบครัวปาล์มเขามีพี่ชายอีก 3 คน ผมรู้สึกได้ว่าการที่มีพี่น้องเยอะๆ ครอบครัวมันอบอุ่น หมายถึงว่าเราฝากผีฝากไข้ได้เวลาคนนี้ไม่ว่าง จริงๆ ก็อยากมีเยอะๆ ครับ”
เจ้าบ่าวเผยน้ำตาปริ่ม ประทับใจเจ้าสาวที่เป็นคนมีน้ำใจ และเป็นคนที่มาเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหาย ด้านเจ้าสาวชม ฝ่ายชายเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย
ผู้พันเบิร์ด “คู่เราก็รักกันมาปีนี้เข้าปีที่ 10 แล้วครับ ก็ยังหวานเหมือนเดิม ความประทับใจสำหรับผมสิ่งแรกเลยก็คือความมีน้ำใจของปาล์มครับ และผมเชื่อว่าพอเวลาที่ผมได้รู้จักปาล์มแล้ว เหมือนมันมี(นิ่งน้ำตาซึม) กำลังด้านหลังที่คอยค้ำจุน ทำให้ผมจะทำอะไรก็ได้ คือมีกำลังใจ ผมเชื่อว่าเขาจะเป็นส่วนที่เติมเต็มในสิ่งที่ผมขาดไป(เสียงสั่น)”
“เราคบกันมาก็เกือบจะ 10 ปีแล้ว เพียงแต่ว่าพอได้รับพระราชทานน้ำสังข์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผมรู้สึกชีวิตเริ่มจริงจังมากขึ้น คือจริงๆ แล้วอาจจะรู้จักคบกันไปมาหาสู่เป็นประจำ แต่ว่าพอเริ่มรู้ถึงความจริงจังของชีวิต เรารู้สึกได้ว่ามันมีความจริงจัง และมันมีความรับผิดชอบจริงๆ เข้ามา ตัวผมมีความเปลี่ยนแปลงในด้านความรู้สึก”
ปาล์ม “พี่เบิร์ดเขาเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายนะคะ เมื่อเช้าเขาก็ยังเข้ามากอด และบอกว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของเรา(ร้องไห้) บอกขอให้ปาล์มมีความสุข ซึ่งตอนนี้ปาล์มก็รู้สึกมั่นคงขึ้น มั่นคงในด้านจิตใจด้วย เมื่อก่อนก็มั่นคงมากอยู่แล้ว แต่ว่าพอเราได้แต่งงาน แล้วผู้หญิงก็รอคอยวันนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมากๆ(หัวเราะ) พี่เบิร์ดเขาก็เป็นคนโรแมนติกขำๆ ค่ะ ก็มีบ้างบางทีวันสำคัญเขาก็จะเขียนการ์ดให้ แต่ช่วงหลังเหมือนกับเราคบกันมานาน ก็จะมีคำพูดที่อาจจะไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน”
“อย่างเราไปติดต่อธุระไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ก็จะไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวมากนัก แต่วันก่อนเขาก็เซอร์ไพรส์ด้วยการที่เขียนการ์ดแล้วทิ้งไว้ในรถตอนที่เราไปซื้อของ พอกลับมาก็เห็นการ์ดอันนั้นวางอยู่หน้ารถ เขาก็แกล้งว่าจะไปเข้าห้องน้ำ พอเราไปที่รถก็เห็นว่าเขาทิ้งการ์ดไว้ให้ ก็เขียนถึงช่วงเวลานี้ค่ะ ว่าตอนนี้เรากำลังจะมีงานสำคัญด้วยกัน พี่จะเป็นกำลังใจและพี่อยากให้ปาล์มมีความสุข(ยิ้ม)”
บอกไม่มีคำมั่นสัญญาแต่เชื่อมั่นว่าความเสมอต้นเสมอปลายของเจ้าบ่าวจะนำพาชีวิตคู่ให้มีความสุขได้ตลอดไป
ผู้พันเบิร์ด “เรื่องคำมั่นสัญญาผมไม่มีครับ”
ปาล์ม “ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษค่ะ เหมือนกับเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะพี่เบิร์ดเป็นคนที่สม่ำเสมอและคิดว่าต่อไปคงจะนำพาเราไปได้ตลอด(ซับน้ำตา)”
แพลนฮันนีมูนในเมืองไทย แต่คงต้องรอให้ปิดกล้องหนังนเรศวรก่อน
ปาล์ม “ฮันนีมูนจริงๆ อยากไปทุกที่เลย แต่ก็คงเป็นที่เมืองไทยก่อนค่ะ”
ผู้พันเบิร์ด “ก็คงที่ไทยนี่แหละครับ แล้วคืนพรุ่งนี้ผมจะไปกาญจนบุรี ใครจะตามไปก็ได้นะครับ ผมไปถ่ายหนัง(หัวเราะ) เพราะจะเร่งให้ทัน 31 มีนาคมนี้ครับ ก็คือหลังจากแต่งงานแล้วเรื่องฮันนีมูนอาจจะยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นครับ เดี๋ยวรอถ่ายหนังให้จบก่อน”
ส่วนเรื่องสินสอดเจ้าบ่าวแจงอย่างอารมณ์ดีว่า...
“เรื่องสินสอดเหรอครับ จริงๆ แหวนวงนี้ผมหมั้นไปตั้งแต่ปี 50 ครับ ชุดผมก็เตรียมมาตั้งแต่ยังเป็นพันตรี ดาวก็เพิ่มมาเรื่อย ส่วนสินสอดก็คือมีพี่ชายของปาล์มที่เป็นพ่อสื่อคือพี่ต่อให้ยืมมาครับ(หัวเราะ) พี่ต่อเขาบอกว่าไม่เป็นไรเอาของพี่ไปก่อน เราก็ทำเป็นพิธีครับ ต้องบอกตรงๆ ว่าทางบ้านปาล์มเขาเป็นคนที่ง่ายๆ อยู่แล้ว ผมเองก็รับราชการทหาร พอพูดถึงเรื่องสินสอดพี่ต่อเขาก็เลยเห็นใจ เลยบอกว่าเดี๋ยวเอาของพี่ก่อน วันนั้นพอเสร็จพี่ต่อเขาก็เก็บกลับคืนเลยครับ(หัวเราะ) ผมอัฐยายซื้อขนมยายครับ”
เผย คอนเซ็ปท์งานเจ้าสาวเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งธีมงานเป็นสีฟ้า
ปาล์ม “คอนเซ็ปท์งานวันนี้เหมือนเรามาฉลองกันมากกว่าค่ะ ไม่ได้มีพิธีการที่เป็นทางการมากนัก เหมือนวันนี้เป็นวันที่เรารอคอยมานานและเราก็ได้มาฉลอง โดยที่มีคนที่เรารักได้มาร่วมงาน ส่วนธีมสีฟ้าก็คือตัวพี่เบิร์ดเป็นทหารและเป็นทหารม้าด้วย คือทหารม้าเขาจะมีสีของเขาคือเป็นสีฟ้าหมด อีกอย่างนึงเราได้รับพระราชทานสมรสจากสมเด็จพระนางเจ้าฯด้วยค่ะ ก็เลยถือเอาสีฟ้าเป็นสีมงคล ก็จะมีลอดซุ้มกระบี่ด้วย ตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะเพื่อนๆ ก็ตื่นเต้นด้วย(หัวเราะ)”
ผู้พันเบิร์ด “ก็จะมีทั้งเพื่อนผม น้องชายแล้วก็มีรุ่นพี่มาทำซุ้มกระบี่ให้ด้วยครับ ก็จะมี 5 คู่ 10 คนครับ ผมเองเคยไปทำซุ้มประตูให้กับเพื่อนเหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมยังเป็นนักเรียนอยู่ ตอนนี้เพื่อนๆ ก็อาสาจะมาทำซุ้มกระบี่ให้ ปกติก็จะเอารุ่นน้องมาทำ แต่เพื่อนๆ บอกว่าจะมาทำให้ ผมก็ดีใจนะครับ ที่เพื่อนๆ เขาอยากจะมาทำให้ รู้สึกขอบคุณเพื่อนๆ มากครับ ก็จะมีทั้งทหารเรือ ทหารบก ทหารอากาศเลยครับ”
ปาล์ม “ส่วนของชำร่วยที่เลือกเป็นกล้วยไม้ เพราะเราสองคนเห็นว่ามันมีคุณค่าดีค่ะ และเวลาคนที่ได้ไปก็ได้ไปเลี้ยงต่อ แล้วก็ออกดอกสวยด้วย เห็นว่ามีคุณค่าและสามารถเอาไปใช้งานต่อได้”
ผู้พันเบิร์ด “เดิมทีพี่ที่เขาให้กล้วยไม้มา อันนี้เขาก็ให้มานะครับ(หัวเราะ) พี่เขาเป็นเจ้าของแอร์ออร์คิดอยู่ตรงศาลายา ทีนี้ผมเคยไปซื้อกล้วยไม้ที่นี่ แล้วพี่เขาก็เลยให้มา พอเอาไปแขวนไว้ผมก็รดน้ำปกติ แล้วก็แขวนไว้ที่หน้าต่างปกติเลย ผมไม่ได้ดูแลอะไรเพิ่มเติมเลย แต่พอครบฤดูกาลของมันก็มีดอกทุกทีเลย ผมก็เลยคิดว่ามันดูแลง่าย ผมก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นของขวัญให้คนเอาไปเลี้ยงง่ายๆ”
พร้อมกันนี้ “ผู้พันเบิร์ด” ได้เปิดใจถึงภาพยนตร์และละครที่กำลังถ่ายทำอยู่ว่า...
ผู้พันเบิร์ด “เรื่องงานแสดงตอนนี้ก็ยังถ่ายทำตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 ก็ 31 มีนาคมนี้ ฉายแล้ว และมีละครเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ของท่านมุ้ยทำเหมือนกัน จะออกอากาศทางช่อง 3 ส่วนนเรศวรภาค 4 ก็จะตามมาครับ ก็คงเร็วๆ นี้ เพราะว่าตอนนี้ภาค 4 ถ่ายทำไปเกือบเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่ฉากยุทธหัตถีที่ต้องถ่ายใกล้ๆ ส่วนฉากไกลๆ เขาใช้ซีจีไปมากพอสมควรแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเหลือประมาณสัก 15 เปอร์เซ็นต์ก็น่าจะเสร็จแล้วครับภาค 4 แต่จะฉายเมื่อไหร่ต้องคอยถามท่านมุ้ยครับ”