ได้รับคำสรรเสริญไปมากมายทีเดียวครับสำหรับนักร้องดังคุณ "เสก โลโซ" (เสกสรร ศุขพิมาย) หลังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ถามถึงกรณีกระแสข่าวที่มีออกมาว่าทางประเทศลาวห้ามเข้าประเทศหลังไปแสดงพฤติกรรมที่ไม่สุภาพบนเวทีคอนเสิร์ตด้วยการถอดเสื้อและสูบบุหรี่ด้วยคำตอบในทำนองที่ว่า ไม่แคร์ ไม่ระคายเคือง ไม่ชอบก็ไม่ชอบ
...เพราะนี่คือ "ตัวตน" ของเขา บนวิถีของความเป็น "ร็อกแอนด์โรล"
“เรื่องข่าวผมไม่ค่อยทราบนะ ผมไม่ได้สนใจหรอก (หัวเราะ) ไม่เกี่ยวกับชีวิตผมเลย ผมยังไม่รู้เลยข่าวเป็นยังไง เพราะไม่ได้อ่าน ที่บอกว่าห้ามผมเข้าประเทศลาวน่ะเหรอ ผมก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ผมก็ถอดเสื้อ สูบบุหรี่ทุกทีอยู่แล้ว ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่ไม่เห็นมีผู้ใหญ่ที่นั่นมาบอกผมนะ ถ้าจะบอกผม ก็มาบอกเลยตัวต่อตัว อย่ามาบอกอย่างนี้มันไม่ใช่วิถีลูกผู้ชาย”
“ผู้ใหญ่ว่ายังไง ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมไม่ได้สนใจแม้แต่นิดเดียว(เน้นเสียง) ชีวิตคนเรามันต้องมีความคิด นักข่าวก็คงต้องเขียนข่าวอย่างมีวิจารณญาณด้วย อย่าไปสนใจเลยเรื่องเหล่านี้ เอาเรื่องบันเทิงๆ ดีกว่า แต่ผู้ใหญ่เขาก็เข้าใจผม ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย(หัวเราะ) ผมไม่ได้สนใจ เรื่องพวกนี้ไม่ได้มาทำให้ชีวิตผมระคายเคือง ผมไม่สนใจหรอก”
“แต่กับครั้งที่แล้วไม่เหมือนกันหรอก ต่างกันเยอะ อันนั้นผมไปตบเขา แต่นี่ไม่เกี่ยวเลย ไปดูเวลาผมเล่นคอนเสิร์ตสิ ผมก็ถอดเสื้อ สูบบุหรี่ กินเหล้าบนเวที มันเป็นวิถีของร็อกแอนด์โรล ใครไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผมทำด้วยความเป็นตัวผมเอง ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่"
"ถ้าสมมติอย่างไปตบเขานี่สิเขาเดือดร้อน ผมก็ขอโทษ อย่างที่ไปเล่นประเทศลาวแล้วบอกว่าสั่งแบนผม ไม่เห็นมีเลย ผมเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ ผมไปนั่งคาราโอเกะต่อ ไม่เห็นมีใครสักคนมาอะไรกับผมเลย มีแต่คนมาดูแลผม พวกข่าวนี่มันไม่รู้เรื่องรู้ราว อย่าไปเชื่อมันเยอะ มาถามผมเองดีกว่า ผมไม่เคยพูดอะไรมั่วๆ อยู่แล้ว”
สำทับด้วย...“ถามว่ากระทบต่อตำแหน่งผู้บริหารของผมไหม คือผมเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ยิ่งผมทำแบบนี้ก็คงเป็นวิถีของร็อกแอนด์โรล ไม่มีอะไรหรอก เรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ผมก็ต้องขอบคุณนะที่คอยติดตามผม ผมรู้สึกบันเทิงมาก ผมรู้สึกชีวิตนี้มองโลกในความสดใส แล้วก็รู้สึกสนุกสนานกับมัน”
“ผมอยากให้ทุกคนมีความสุขนะ และผมเชื่อว่าทุกคนเชื่อในสิ่งที่ผมทำ ก็อาจจะมีคนไม่ชอบผมบ้าง เพราะผมไม่ใช่นักแสดง ไม่ได้ต้องมานั่งแอ็กชั่นอะไรต่างๆ พูดให้มันภาพสวยหรู ผมทำไม่เป็น ผมทำอะไรก็ทำทุกอย่างจริงจัง ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าความรัก ความสนุกสนานเป็นสิ่งที่ดี และคิดถึงเรื่องที่ดี เรื่องที่บวก”
ย้อนกลับไปในอดีต เชื่อว่าหลายคนคงจะจำกันได้ดีว่านักร้องชื่อดังคนนี้เคยแสดงถึงความเป็นตัวตนบนวิถีร็อกแอนด์โรลมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยการมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทชกต่อยกับคุณ "น้อย วงพรู" (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เพราะความเมาระหว่างที่ทั้ง 2 ขึ้นแสดงโขรามเกียรติ์ ตอนนางลอย นาฏกรรมแห่งรักแอนด์โรล ในงานมหกรรมดนตรี ลินคอล์น เซ็นเตอร์ เฟสติวัล ของโรงละครชื่อดังในรัฐนิวยอร์ก เมื่อหลายปีก่อน
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เรื่องจะจบลงด้วยดี(มั้ง) หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาแสดงความสมานฉันท์ต่อกันและกัน ซึ่งต่อมา เสก ก็ได้เชิญ น้อย มาเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต "12 ปี เสก โลโซ ใจสั่งมา" ของเขา แถมยังแสดงความ "รักกัน" ด้วยการจูจุ๊บไปที่หน้าผากของน้อยอีกต่างหาก
สำหรับข่าวล่าสุด ถึงตรงนี้ยังไม่มีการยืนยันครับว่าผู้ใหญ่ที่ประเทศลาวได้ห้ามเสก โลโซ ไปแสดงคอนเสิร์ตที่นั่นอีกหรือไม่? ซึ่งตรงนี้หาใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับคำตอบที่เจ้าตัวตอบออกมา
แน่นอนว่าที่ผ่านมาบรรดาผู้ที่เรียกตัวเองว่า "ร็อกเกอร์" ส่วนใหญ่ต่างล้วนแล้วแต่มีเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเสพติด รวมถึงผู้หญิง เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยว่าถ้าไม่มีพวกนี้หัวสมองจะไม่แล่น ผลิตงานดีๆ ไม่ได้ ไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์เพลง ขณะที่การแสดงออกบนเวทีก็ดูจะเร้าร้อนรุนแรง มีการทำลายอุปกรณ์-เครื่องดนตรี ทุบกีต้าร์ เผาเบส กระทืบกลอง ซึ่งบางส่วนก็ต้องบอกว่าอารมณ์พาไปจริงๆ
ทว่าอีกจำนวนไม่น้อยที่ทำเช่นนั้นก็เพราะเป็น "ความเชื่อ" ใน "ภาพลักษณ์" ของความเป็นดนตรีร็อก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างเป็นการ "เลียนแบบ" หรือไม่ก็เป็นความพยายามในการหา "เอกลักษณ์" ให้กับตัวเองเสียมากกว่า
ในส่วนของคุณเสก กับการจะถอดเสื้อ จะดื่ม จะสูบระหว่างเล่นดนตรีนั้น เรียนตามตรงครับว่าเป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ และต้องบอกว่าดีเสียด้วยซ้ำกับการเป็นคนค่อนข้างที่จะเคารพในความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เสแสร้ง
แต่ก็นั่นแหละครับ ต่อให้คุณจะมีตัวตนแบบไหน โด่งดังเพียงใด ทว่าเมื่อต้องไปเยือนยังต่างถิ่น-ต่างแดน มันก็ควรจะต้องมีความเคารพเกรงใจในความเป็นเจ้าบ้านของเขาบ้าง
มันไม่ใช่เรื่องของความไม่จริงใจ หรือการสวมหน้ากากเข้าหากันอะไรหรอกครับ แต่เขาเรียกมารยาท
พฤติกรรมแบบไหนที่แสดงออกไปแล้วฝ่ายนั้นอาจจะไม่พอใจ ต่อให้เขาไม่แสดงออกมาเพราะเกรงใจความเป็นซูเปอร์สตาร์ความเป็นคนดังของคุณ แต่มันก็ต้องตระหนักได้ด้วยตนเองว่าควรทำหรือไม่ควรทำ?
ไม่ใช่ว่าก็พอรู้อยู่ แต่ทำไมล่ะ ชั้นไม่แคร์ ไม่สน ชั้นเป็นของชั้นเช่นนี้ ชั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องจ้าง ไม่ระคายเคือง ใครจะเกลียดก็เกลียด เพราะอย่างไรก็มีคนที่ชอบอยู่ ซึ่งผมว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและอันตรายมากๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ยืนอยู่ในฐานะที่มีคนอีกจำนวนมากพร้อมจะเอาเป็น "ต้นแบบ" แน่ใจนะครับว่าไม่มีใครเดือดร้อน!?
ว่ากันตามตรงหากคุณเสกรักและศรัทธาในวิถีความเป็นนักดนตรี "ร็อกแอนด์โรล" จริงๆ ก็น่าจะให้เกียรติแนวทางดนตรีที่คุณรักเคารพนี้ด้วยการพยายามให้ความสำคัญตั้งใจผลิตผลงานที่มีคุณภาพออกมาดีกว่าที่จะมาใช้ลีลาการแสดงออก โอบกอดจูบนักร้องที่มาเป็นแขกรับเชิญเหมือนที่เมืองนอกเขาทำ หรือพูดตีสำนวนซึ่งดูอย่างไรมันก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น
ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีอะไรหรอกครับ แต่ด้วยฝีมือระดับคุณ ผมว่าคุณสามารถทำงานที่มีคุณภาพได้อยู่แล้ว เพียงแต่นับตั้งแต่ที่แยกมา "บินเดี่ยว" ผมว่างานเพลงที่ออกมามันดูค่อนข้างจะไร้ทิศไร้ทางอย่างไรพิกล ทั้งๆ ที่อุตส่าห์บินไปร่ำเรียนเรื่องดนตรีถึงประเทศอังกฤษ
คือตลาดกลุ่มคนฟังเพลงเมื่อครั้งที่เป็นโลโซอยู่ก็ดูเหมือนจะถูกทิ้งไปแล้ว, จะขายกลุ่มป็อปร็อกรุ่นใหม่แนวเพลงก็ดูจะเชยไปหน่อย, หรือจะหันไปหาตลาดคนฟังเพลงออกแนวเพื่อชีวิตโจ๊ะๆ เหมือนอย่างเพลง "โลโซ 3 ช่า" หนึ่งในเพลงขายจากงานเพลงชุดล่าสุด อัลบั้ม "ใหม่" ที่ออกมาเมื่อปีที่แล้วก็คงจะยากในเมื่อแนวนี้มีหลายวงที่ทำมาหากินอยู่
ที่สำคัญเพลงนี้มันใช่ร็อกแอนด์โรลเสียเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ในฐานะของแฟนเพลง "โลโซ" คนหนึ่ง ผมขอเอาใจช่วยและก็ยังรอฟังผลงานใหม่ๆ อยู่ก็แล้วกัน
...เพราะนี่คือ "ตัวตน" ของเขา บนวิถีของความเป็น "ร็อกแอนด์โรล"
“เรื่องข่าวผมไม่ค่อยทราบนะ ผมไม่ได้สนใจหรอก (หัวเราะ) ไม่เกี่ยวกับชีวิตผมเลย ผมยังไม่รู้เลยข่าวเป็นยังไง เพราะไม่ได้อ่าน ที่บอกว่าห้ามผมเข้าประเทศลาวน่ะเหรอ ผมก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ผมก็ถอดเสื้อ สูบบุหรี่ทุกทีอยู่แล้ว ผมไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่ไม่เห็นมีผู้ใหญ่ที่นั่นมาบอกผมนะ ถ้าจะบอกผม ก็มาบอกเลยตัวต่อตัว อย่ามาบอกอย่างนี้มันไม่ใช่วิถีลูกผู้ชาย”
“ผู้ใหญ่ว่ายังไง ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมไม่ได้สนใจแม้แต่นิดเดียว(เน้นเสียง) ชีวิตคนเรามันต้องมีความคิด นักข่าวก็คงต้องเขียนข่าวอย่างมีวิจารณญาณด้วย อย่าไปสนใจเลยเรื่องเหล่านี้ เอาเรื่องบันเทิงๆ ดีกว่า แต่ผู้ใหญ่เขาก็เข้าใจผม ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย(หัวเราะ) ผมไม่ได้สนใจ เรื่องพวกนี้ไม่ได้มาทำให้ชีวิตผมระคายเคือง ผมไม่สนใจหรอก”
“แต่กับครั้งที่แล้วไม่เหมือนกันหรอก ต่างกันเยอะ อันนั้นผมไปตบเขา แต่นี่ไม่เกี่ยวเลย ไปดูเวลาผมเล่นคอนเสิร์ตสิ ผมก็ถอดเสื้อ สูบบุหรี่ กินเหล้าบนเวที มันเป็นวิถีของร็อกแอนด์โรล ใครไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผมทำด้วยความเป็นตัวผมเอง ผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่"
"ถ้าสมมติอย่างไปตบเขานี่สิเขาเดือดร้อน ผมก็ขอโทษ อย่างที่ไปเล่นประเทศลาวแล้วบอกว่าสั่งแบนผม ไม่เห็นมีเลย ผมเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ ผมไปนั่งคาราโอเกะต่อ ไม่เห็นมีใครสักคนมาอะไรกับผมเลย มีแต่คนมาดูแลผม พวกข่าวนี่มันไม่รู้เรื่องรู้ราว อย่าไปเชื่อมันเยอะ มาถามผมเองดีกว่า ผมไม่เคยพูดอะไรมั่วๆ อยู่แล้ว”
สำทับด้วย...“ถามว่ากระทบต่อตำแหน่งผู้บริหารของผมไหม คือผมเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ยิ่งผมทำแบบนี้ก็คงเป็นวิถีของร็อกแอนด์โรล ไม่มีอะไรหรอก เรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ผมก็ต้องขอบคุณนะที่คอยติดตามผม ผมรู้สึกบันเทิงมาก ผมรู้สึกชีวิตนี้มองโลกในความสดใส แล้วก็รู้สึกสนุกสนานกับมัน”
“ผมอยากให้ทุกคนมีความสุขนะ และผมเชื่อว่าทุกคนเชื่อในสิ่งที่ผมทำ ก็อาจจะมีคนไม่ชอบผมบ้าง เพราะผมไม่ใช่นักแสดง ไม่ได้ต้องมานั่งแอ็กชั่นอะไรต่างๆ พูดให้มันภาพสวยหรู ผมทำไม่เป็น ผมทำอะไรก็ทำทุกอย่างจริงจัง ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าความรัก ความสนุกสนานเป็นสิ่งที่ดี และคิดถึงเรื่องที่ดี เรื่องที่บวก”
ย้อนกลับไปในอดีต เชื่อว่าหลายคนคงจะจำกันได้ดีว่านักร้องชื่อดังคนนี้เคยแสดงถึงความเป็นตัวตนบนวิถีร็อกแอนด์โรลมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยการมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทชกต่อยกับคุณ "น้อย วงพรู" (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เพราะความเมาระหว่างที่ทั้ง 2 ขึ้นแสดงโขรามเกียรติ์ ตอนนางลอย นาฏกรรมแห่งรักแอนด์โรล ในงานมหกรรมดนตรี ลินคอล์น เซ็นเตอร์ เฟสติวัล ของโรงละครชื่อดังในรัฐนิวยอร์ก เมื่อหลายปีก่อน
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เรื่องจะจบลงด้วยดี(มั้ง) หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาแสดงความสมานฉันท์ต่อกันและกัน ซึ่งต่อมา เสก ก็ได้เชิญ น้อย มาเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต "12 ปี เสก โลโซ ใจสั่งมา" ของเขา แถมยังแสดงความ "รักกัน" ด้วยการจูจุ๊บไปที่หน้าผากของน้อยอีกต่างหาก
สำหรับข่าวล่าสุด ถึงตรงนี้ยังไม่มีการยืนยันครับว่าผู้ใหญ่ที่ประเทศลาวได้ห้ามเสก โลโซ ไปแสดงคอนเสิร์ตที่นั่นอีกหรือไม่? ซึ่งตรงนี้หาใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับคำตอบที่เจ้าตัวตอบออกมา
แน่นอนว่าที่ผ่านมาบรรดาผู้ที่เรียกตัวเองว่า "ร็อกเกอร์" ส่วนใหญ่ต่างล้วนแล้วแต่มีเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเสพติด รวมถึงผู้หญิง เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยว่าถ้าไม่มีพวกนี้หัวสมองจะไม่แล่น ผลิตงานดีๆ ไม่ได้ ไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์เพลง ขณะที่การแสดงออกบนเวทีก็ดูจะเร้าร้อนรุนแรง มีการทำลายอุปกรณ์-เครื่องดนตรี ทุบกีต้าร์ เผาเบส กระทืบกลอง ซึ่งบางส่วนก็ต้องบอกว่าอารมณ์พาไปจริงๆ
ทว่าอีกจำนวนไม่น้อยที่ทำเช่นนั้นก็เพราะเป็น "ความเชื่อ" ใน "ภาพลักษณ์" ของความเป็นดนตรีร็อก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างเป็นการ "เลียนแบบ" หรือไม่ก็เป็นความพยายามในการหา "เอกลักษณ์" ให้กับตัวเองเสียมากกว่า
ในส่วนของคุณเสก กับการจะถอดเสื้อ จะดื่ม จะสูบระหว่างเล่นดนตรีนั้น เรียนตามตรงครับว่าเป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ และต้องบอกว่าดีเสียด้วยซ้ำกับการเป็นคนค่อนข้างที่จะเคารพในความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เสแสร้ง
แต่ก็นั่นแหละครับ ต่อให้คุณจะมีตัวตนแบบไหน โด่งดังเพียงใด ทว่าเมื่อต้องไปเยือนยังต่างถิ่น-ต่างแดน มันก็ควรจะต้องมีความเคารพเกรงใจในความเป็นเจ้าบ้านของเขาบ้าง
มันไม่ใช่เรื่องของความไม่จริงใจ หรือการสวมหน้ากากเข้าหากันอะไรหรอกครับ แต่เขาเรียกมารยาท
พฤติกรรมแบบไหนที่แสดงออกไปแล้วฝ่ายนั้นอาจจะไม่พอใจ ต่อให้เขาไม่แสดงออกมาเพราะเกรงใจความเป็นซูเปอร์สตาร์ความเป็นคนดังของคุณ แต่มันก็ต้องตระหนักได้ด้วยตนเองว่าควรทำหรือไม่ควรทำ?
ไม่ใช่ว่าก็พอรู้อยู่ แต่ทำไมล่ะ ชั้นไม่แคร์ ไม่สน ชั้นเป็นของชั้นเช่นนี้ ชั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องจ้าง ไม่ระคายเคือง ใครจะเกลียดก็เกลียด เพราะอย่างไรก็มีคนที่ชอบอยู่ ซึ่งผมว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวและอันตรายมากๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ยืนอยู่ในฐานะที่มีคนอีกจำนวนมากพร้อมจะเอาเป็น "ต้นแบบ" แน่ใจนะครับว่าไม่มีใครเดือดร้อน!?
ว่ากันตามตรงหากคุณเสกรักและศรัทธาในวิถีความเป็นนักดนตรี "ร็อกแอนด์โรล" จริงๆ ก็น่าจะให้เกียรติแนวทางดนตรีที่คุณรักเคารพนี้ด้วยการพยายามให้ความสำคัญตั้งใจผลิตผลงานที่มีคุณภาพออกมาดีกว่าที่จะมาใช้ลีลาการแสดงออก โอบกอดจูบนักร้องที่มาเป็นแขกรับเชิญเหมือนที่เมืองนอกเขาทำ หรือพูดตีสำนวนซึ่งดูอย่างไรมันก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น
ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีอะไรหรอกครับ แต่ด้วยฝีมือระดับคุณ ผมว่าคุณสามารถทำงานที่มีคุณภาพได้อยู่แล้ว เพียงแต่นับตั้งแต่ที่แยกมา "บินเดี่ยว" ผมว่างานเพลงที่ออกมามันดูค่อนข้างจะไร้ทิศไร้ทางอย่างไรพิกล ทั้งๆ ที่อุตส่าห์บินไปร่ำเรียนเรื่องดนตรีถึงประเทศอังกฤษ
คือตลาดกลุ่มคนฟังเพลงเมื่อครั้งที่เป็นโลโซอยู่ก็ดูเหมือนจะถูกทิ้งไปแล้ว, จะขายกลุ่มป็อปร็อกรุ่นใหม่แนวเพลงก็ดูจะเชยไปหน่อย, หรือจะหันไปหาตลาดคนฟังเพลงออกแนวเพื่อชีวิตโจ๊ะๆ เหมือนอย่างเพลง "โลโซ 3 ช่า" หนึ่งในเพลงขายจากงานเพลงชุดล่าสุด อัลบั้ม "ใหม่" ที่ออกมาเมื่อปีที่แล้วก็คงจะยากในเมื่อแนวนี้มีหลายวงที่ทำมาหากินอยู่
ที่สำคัญเพลงนี้มันใช่ร็อกแอนด์โรลเสียเมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม ในฐานะของแฟนเพลง "โลโซ" คนหนึ่ง ผมขอเอาใจช่วยและก็ยังรอฟังผลงานใหม่ๆ อยู่ก็แล้วกัน