รักป้ายแดงข้ามวงการอย่าง 'นาเดีย นิมิตรวานิช' กับ 'ม.ล. อภิมงคล โสณกุล' สวีตหวานกันขนาดไหน ให้ลองไปเดินเตร่แถวๆ สยามพารากอน โดยเฉพาะตามร้านอาหารต่างๆ วันดีคืนดี คุณจะได้เห็นทั้งคู่เดินจูงมือ เกาะแขน หยอกล้อกันอย่างสนุกสนานก็เป็นได้
ประจักษ์พยานที่เคยเห็นทั้งคู่โชว์ความหวานต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า น้ำตาลเรียกพี่ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทั้งสองไม่ได้ปิดบังหลบซ่อน คบหาก็บอกว่าคบหา ให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ออกรายการโทรทัศน์ มิหนำซ้ำในรายการดาวกระจายที่ฝ่ายสาวเจ้าเป็นพิธีกรอยู่ยังเอาภาพไปตัดต่อออกอากาศจนนาเดียอายม้วนมาแล้ว
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่นาเดียอยู่ในวงการบันเทิง เธอแทบจะไม่มีข่าวคราวเรื่องราวความรักกับหนุ่มคนไหน แม้จะเคยมีข่าวกุ๊กกิ๊กอยู่กับหนุ่ม “พอล” ภัทรพล ศิลปาจารย์ตอนแสดงคู่กันในละครเรื่องปริศนาเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงการโปรโมตละคร โดยลงเอยด้วยการคบหาเป็นเพื่อนกันเท่านั้น
หลังจากนั้นก็มีข่าวว่านักแสดงรุ่นน้อง บอล อัศนัย เทียนทอง ที่เร่เข้าไปขายขนมจีบแต่สาวรุ่นพี่อย่างนาเดียไม่นิยมกินเด็ก งานนี้หนุ่มบอลจึงต้องซดแห้ว จากนั้นนาเดียไปไหนมาไหนกับหนุ่มตี๋คนหนึ่งซึ่งนาเดียก็ออกปากบอกเองว่าเป็นแค่เพื่อน และพิสูจน์ด้วยวันเวลาที่พอผันผ่านไปก็ไม่มีใครอยู่ข้างกายพิธีกรสาว “ดาวกระจาย” รายนี้เลยจริงๆ
ระยะเวลาสิบกว่าปีในวงการบันเทิงของนาเดียจึงเป็นช่วงเวลาอันยาวนานที่ปราศจากข่าวกุ๊กกิ๊กรักใคร่เฉกเช่นดารานักแสดงรายอื่นๆ ที่บางคนเปลี่ยนแฟนใหม่ทุกๆ 3 เดือน หลายคนมองว่าเรื่องดังกล่าวแปลกประหลาด แต่สำหรับผู้หญิงที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง และอาศัยอยู่กับแม่และน้องตามประสา 3 สาวอย่างนาเดียเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากหากคิดที่จะลงหลักปักฐานเปิดหัวใจให้ใครเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอจำเป็นต้องเลือกเฟ้นหนุ่มคนนั้นอย่างดีที่สุด
แต่ช่วงเวลา 10 กว่าปีในวงการบันเทิงของนาเดีย เธอมิได้อยู่ลำพังหรือโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา เพราะเธอมีเพื่อนสนิทมากมายทั้งในและนอกวงการ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทรายหนึ่งซึ่งต่อมาได้มอบหนุ่มข้างกายให้เธอโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากหนุ่มคนดังกล่าวเป็นเพื่อนซี้กับเพื่อนของเธอด้วย ปรากฏการณ์สปาร์กโดยมีเพื่อนเป็นสื่อจึงบังเกิดขึ้นกับนาเดียและหนุ่มคนนั้น ม.ล. อภิมงคล โสณกุล เจ้าของฉายา “หล่อจิ๋ว” แห่งพรรคประชาธิปัตย์
นาเดียกับ ม.ล. อภิมงคล หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “คุณภิ” ไม่ได้ตกลงคบหาเป็นแฟนกันในชั่วข้ามคืนเหมือนที่เด็กหนุ่มสาวสมัยนี้นิยมปฏิบัติ แต่ความรักของคนทั้งคู่บ่มเพาะมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีจึงค่อยสุกงอม โดยช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ทั้งสองรู้จักกัน ทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยไต่ถามความคิดเห็นและเรื่องราวต่างๆ จนรู้จักมักจี่กันมากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป และจากการศึกษากันผ่านบทสนทนานั่นเองที่ทำให้ทั้งสองค่อยๆ พบว่า 'เรา' มีอะไรคล้ายกัน
แม้จะอยู่คนละแวดวง แต่ความรักความชอบ รวมถึงอุปนิสัยส่วนตัวของทั้งคู่ก็คล้ายคลึงกันไม่น้อย ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการที่ไม่ชอบชอปปิ้งซื้อเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย แต่พิสมัยเรื่องอาหารการกินเป็นที่สุด และนั่นก็ทำให้วันเวลาที่ทั้งคู่ใช้สอยด้วยกันมักจะหมดไปกับการตระเวนหาร้านอร่อยๆ เพื่อพาท้องไปเติมให้เต็ม
ส่วนเรื่องที่ละเอียดอ่อนไปกว่านั้นก็คืออุปนิสัยอย่าง ความเป็นคนตรงไปตรงมา จริงใจ ไม่เสแสร้ง ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งคู่จึงเลือกที่จะควงกันไปไหนมาไหนโดยทำทุกอย่างเหมือนคนคบหากันตามปกติ ไม่หลบซ่อนปิดบัง
และตลอดชีวิตหนุ่มสาวในช่วงต้นของทั้งนาเดียและคุณภิ ทั้งสองแทบจะไม่เคยควงใครในฐานะแฟนอวดสาธารณะอย่างเปิดเผยขนาดนี้ นี่จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีซึ่งมาพร้อมกับคุณวุฒิและวัยวุฒิที่ทั้งสองมีพร้อม คนหนึ่งเป็นนักแสดงที่ไม่เคยมีข่าวลบและกำลังมีธุรกิจเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง อีกฝ่ายเป็นถึงรองโฆษกทีมเศรษฐกิจและนักการเมืองดาวรุ่งของพรรคประชาธิปัตย์ หากทั้งสองจะแถลงข่าวว่าคบหากันก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
แต่หากฝันไกลไปถึงการสมรสก็คงจะต้องดูกันต่อไป เพราะแม้ทั้งสองจะอยู่ในวัยที่สมควรแก่การแต่งงาน แต่ก็ถือว่าเพิ่งเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟนอย่างเต็มตัวได้เพียงสองเดือนเศษๆ อีกทั้งนาเดียเองก็สองจิตสองใจว่าตัวเองต้องการจะแต่งงานหรือไม่ เพราะแม้เธอประสงค์จะสมรสเหมือนหญิงสาวทั่วๆ ไป แต่อีกใจเธอก็ยังเปี่ยมไปด้วยความรักอิสระและรักแม่กับน้องสาวมากเกินกว่าที่จะสละเวลาไปดูแลใครได้อย่างเต็มตัว
ส่วนฝั่งหนุ่มภิก็กำลังงานรุ่ง เป็นทั้ง ส.ส. กรุงเทพมหานครที่ดูแลถึง 7 เขต ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการเยาวชนพรรคประชาธิปัตย์ รองโฆษกพรรค แล้วยังเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจรุ่นใหม่ของพรรคอีกด้วย งานการเมืองล้นตัวขนาดนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะให้เวลาใครได้อย่างเต็มที่
ฟาก 'ไดน่า - อภิษฏา นิมิตรวานิช' น้องสาวคนสวยของนาเดียซึ่งมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วกลับอยากให้พี่สาวของเธอแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ถึงแม้จะยอมรับว่า หากพี่สาวต้องย้ายออกไปจากบ้านหลังที่อยู่ด้วยกันจริงๆ เธอก็คงจะคิดถึงจนถึงขั้นเสียน้ำตาอย่างแน่นอน
คุณแม่ปิลันธนา ชุณหเขต กับน้องไดน่าคือปราการด่านสำคัญที่หนุ่มซึ่งต้องการจะครอบครองหัวใจนาเดียทุกคนต้องผ่านไปให้ได้ นาเดียยอมรับว่าเธอแคร์คุณแม่กับน้องสาวมากๆ เพราะมีกันอยู่แค่สามคน ถ้าหนุ่มคนไหนที่เข้ามาในชีวิตของเธอแล้วแม่กับน้องสาวส่ายหน้าเซย์โน ความรู้สึกที่เธอมีต่อผู้ชายคนนั้นจะลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว
เป็นเรื่องที่หนุ่มนักการเมืองฉายาหล่อจิ๋วรายนี้จำเป็นต้องทำความเข้าใจและ 'ผ่านไปให้ได้' เพราะอนาคตแบบจริงจังของทั้งคู่จะราบรื่นหรือล้มเหลวก็คงขึ้นอยู่กับด่านหินทั้งสองด่านนี้ด้วย นาเดียคอนเฟิร์ม
…..............................
หนุ่มภิฟังไว้!! ถ้าคิดไกลถึงแต่งงาน
เห็นหน้าไทยปนหมวยนิดๆ บวกกับชื่อออกฝรั่งของนาเดียทำให้หลายคนเข้าใจว่าเธอเป็นลูกครึ่งตะวันตก แท้ที่จริงแล้วนาเดียมีพ่อเชื้อสายจีนกับคุณแม่ชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม และแน่นอนว่า นาเดียนับถือศาสนาอิสลามเหมือนคุณแม่
และนั่นก็ทำให้หนุ่มทั้งหลายที่จะแต่งงานกับนาเดียจำเป็นต้องรู้กฎกติกาในการสมรสกับชาวมุสลิม นั่นก็คือการ 'เปลี่ยนศาสนาตามคู่สมรส' แม้ในปัจจุบันกฎดังกล่าวจะไม่เข้มงวดเหมือนในอดีต แต่ด้วยกุศโลบายที่ไม่ต้องการเห็นความแตกแยกที่เกิดมาจากความเชื่อ ทำให้เกิดประเพณีการเปลี่ยนศาสนาตามคู่สมรสขึ้นในศาสนาอิสลาม
ความเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการครองชีวิตคู่ เพราะเป็นตัวกำหนดไลฟ์สไตล์ และทัศนคติหลายประการ การเปลี่ยนศาสนาของอิสลามจึงเป็นกุศโลบายที่ทำให้ชีวิตคู่ไม่เกิดปัญหาขัดแย้งเพราะไลฟ์สไตล์และความเชื่อของสามีกับภรรยา เนื่องจากหลักความเชื่อที่สมกัน หรือ 'สมศรัทธา' ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยการครองชีวิตคู่ที่บัญญัติไว้ในพุทธศาสนาเช่นกัน
...................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 71 วันที่ 12 - 18 กุมภาพันธ์ 2554