“ปุ๊กลุก” รับ ไปเที่ยวกลางคืนจริง แต่ยัน ไม่ได้นั่งตักและหนุนตัก “วี” ท้าให้เอารูปมายืนยัน แย้ง ไม่ทำเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะ เจ้าตัวลั่น ถึงภาพลักษณ์จะแรง แต่แค่แรงในหน้าที่ รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตน
ดูจะมีข่าวให้สะเทือนมงกุฎมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สอยู่เรื่อยๆ สำหรับ “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” ก่อนหน้านี้ก็มีภาพหลุดให้พระเอก “วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์” เกาะคอเที่ยวที่สิงคโปร์หลุดออกมาการันตีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเกินพี่ร่วมงาน ล่าสุดก็มีคนเห็นเต็มสองตาว่า สาวปุ๊กลุกกระโดดนั่งตักแถมยังหนุนตักหนุ่มวีกลางผับดัง ย่านทองหล่อ งานเข้าต่อเนื่องแบบนี้ พอเจอตัวนางงามตาคม เจ้าตัวเลยขอเคลียร์ตัวเอง โดยยอมรับว่าไปเที่ยวกันจริง แต่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า
“ที่บอกว่าหนูไปนั่งตักไปนอนตักพี่วีในร้านเคิร์ฟ(Curve)ทองหล่อ ไม่มีค่ะ จริงๆ หนูก็อยากให้มีภาพนั้นออกมานะ จะได้เป็นการยืนยันมาเลย ว่าหนูทำหรือเปล่า ก็ไม่อยากให้เป็นแค่เสียง แค่คำพูด เพราะว่าคือทุกๆ ข่าวก็ค่อนข้างที่จะตอกย้ำว่า หนูเป็นสาวมั่น สาวแรง แต่ว่าความจริงคือหนูแรงในหน้าที่ แต่ว่าถ้าเกิดเป็นเรื่องอย่างนี้ มันก็มีลิมิตของมัน”
"ส่วนที่เห็นหนูไปร้านหลังจันทร์กับพี่วี จริงๆ หลังจันทร์ก็เป็นร้านหนึ่งที่พี่วีเป็นหุ้นส่วนนะคะ แต่ว่าก็ไม่ถึงอย่างนั้น คือเรานั่งกันหลายคน แล้วอีกอย่างนึงของแบบนี้ คือถ้าสมมติเราแบบว่า ที่จะมีความสัมพันธ์มากกว่าพี่ มันต้องไม่ใช่สถานที่ที่มันสาธารณะอยู่แล้ว"
"แต่ถ้าสมมติว่ามีรูปก็เอาออกมาได้ค่ะ (เวลาไปเที่ยวกับวีสวีทกันมากสุดขนาดไหน?) ก็เป็นเหมือนล่าสุดภาพหลุดที่สิงคโปร์ ก็แบบดึงๆ กันก็เพราะว่าคนก็ค่อนข้างเยอะค่ะ คือต้องเซฟตัวเองก่อน แต่ก็ขอยืนยันไม่มีนั่งตัก ไม่มีนอนตัก ไม่มีแน่นอน"
ปฏิเสธคุณแดงเจ้าแม่ 7 สี เรียกเตือนอีกรอบหลังมีข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน
“ส่วนเรื่องคุณแดงยังไม่เคยเรียกเตือนเลย แต่ว่าถ้าเกิดเตือนหนูก็มีเหตุผล ซึ่งเป็นเหตุผลที่หนูบอกได้ว่า จริงๆ แล้วเป็นยังไง แล้วคุณแดงเป็นผู้ใหญ่พอ และอยู่ตรงนี้มานานพอสมควรที่จะรับฟังเหตุผลของนักแสดง ถ้าถามว่ากลัวเสียภาพลักษณ์ไหม ความจริงก็คือตอนนี้มีข่าวอะไรออกมาหนูก็โดนอยู่แล้ว เพราะว่าภาพลักษณ์เป็นสาวมั่นไปแล้ว”
“ยังไงก็ขอเป็นภาพยืนยันดีกว่า ถามว่าอยากลบภาพลักษณ์แบบนี้ไหม ก็ไม่ต้องลบหรอก เพราะว่ามันก็เป็นธรรมชาติของเรา ที่ดูแล้วเราอาจจะเป็นสาวมั่น แต่คิดว่าระยะเวลาที่อยู่วงการบันเทิง ที่เราจะได้แสดงถึงตัวตนของเราว่าความจริงแล้วเราเป็นคนแบบไหนหรือยังไง น่าเป็นระยะเวลามากกว่า ที่จะพิสูจน์ให้กับประชาชนทุกคนได้รู้ค่ะ”