ศาลตัดสิน “เปิ้ล นาคร” มีความผิดต้องชดใช้หนี้ค่าโซฟา 4 แสน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ด้านทนายเผยยังไม่จ่ายตามคำสั่งศาล ขอรอฟังคำพิพากษาคดีฟ้องน้องชายคู่กรณี ในข้อหาผิดสัญญาไม่จ่ายหนี้ 4.5 แสนในวันที่ 22 เม.ย.นี้ก่อน ถ้าอีกฝ่ายเหนียวหนี้ก็จะเหนียวกลับเช่นกัน
ไกล่เกลี่ยเคลียร์กันไม่ลงตัว สำหรับคดีเบี้ยวโซฟาราคา 4 แสนบาทของพิธีกรชื่อดัง “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ที่ถูก "น.ส.คณัสญานุช" หรือ "ฑีรานาฏ เนื่องจำนงค์" เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ด้านพิธีกรชื่อดังก็ได้สวนกลับ ด้วยการฟ้องร้องน้องชายของโจทก์คือ “นายพายุ เนื่องจำนงค์” ในคดีผิดสัญญา หลังอีกฝ่ายติดหนี้จำนวน 4.5 แสนบาท และบอกจะรับผิดชอบค่าโซฟาแทน เนื่องจากเป็นกิจการของครอบครัว แต่สุดท้ายไม่ทำตามคำที่พูด ทั้งยังพยายามหนีหน้าไม่ยอมมาเคลียร์กันต่อหน้าศาล เพื่อให้เรื่องจบ
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (26 มี.ค.) ศาลได้นัดให้คู่ความทั้งสองมาฟังคำพิพากษาในคดีพิธีกรชื่อดังเบี้ยวจ่ายค่าโซฟาที่ศาลแพ่ง รัชดา ปรากฏมีเพียงฝั่งโจทก์เท่านั้นที่เดินทางมาฟังคำตัดสิน ซึ่งศาลก็ได้พิพากษาให้พิธีกรชื่อดังต้องจ่ายค่าโซฟาจำนวน 4 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี
จากนั้นทีมข่าว ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ ได้ต่อสายตรงไปสอบถาม "นายกฤชทอง วสุเพ็ญ" ซึ่งเป็นทนายความส่วนตัวของพิธีกรอารมณ์ดี ก็ได้รับการเปิดเผยว่า เหตุที่ “เปิ้ล นาคร” ไม่เดินทางไปศาลวันนี้เพราะติดภารกิจ พร้อมยืนยันยังไม่จ่ายเงินค่าโซฟา จนกว่าจะได้ฟังคำพิพากษาในคดีที่พิธีกรชื่อดังเป็นโจทก์ฟ้อง “นายพายุ เนื่องจำนงค์” ในข้อหาผิดสัญญา
“วันนี้ผมและคุณเปิ้ลไม่ได้เดินทางมาศาลด้วยตัวเอง เพราะคดีนี้มันสามารถตามเรื่องได้ทีหลัง แล้วคุณเปิ้ลก็ติดภารกิจจึงไม่ได้ไป ก็เท่าที่ทราบมีแต่ทางคู่กรณีที่ไปรับฟังคำพิพากษา เบื้องต้นเท่าที่ทราบผล คือ ทางศาลได้พิพากษาตัดสินให้คุณเปิ้ลมีความผิด ต้องชดใช้หนี้ที่ติดค้าง และต้องจ่ายค่าโซฟาที่เหลืออีก 4 แสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5ต่อปี”
“แต่ตอนนี้ทางเรายังไม่สามารถจะจ่ายให้ทางนั้นได้ เพราะเราเองก็ฟ้องเขากลับในคดีข้อหาผิดสัญญา เราคงต้องรอคำพิพากษาที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง วันที่ 22 เมษายน นี้ ซึ่งในคดีนั้นเขาติดเงินเราอีกประมาณ 5 แสนบาท ที่เขาบอกว่าจะจ่ายให้คุณเปิ้ลเป็นค่าโซฟา พอถึงตอนนี้เขากลับปฏิเสธหมดทุกอย่างเลย ผมก็ไม่เข้าใจ”
เผยท่าทีคู่กรณีส่อแววไม่ยอมจ่าย และต้องการยื้อคดี ซึ่งถ้าอีกฝ่ายไม่จ่าย พิธีกรชื่อดังก็จะไม่จ่ายค่าโซฟาเช่นกัน
“เขาเองก็มีท่าทีว่าจะยื้อคดีไม่ยอมจ่าย ประมาณว่าเหนียวหนี้ เหนียวมาเราก็ต้องเหนียวกลับเป็นธรรมดา มันก็คงต้องยื้อกันไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอม เพราะเขาติดหนี้เรามากกว่าเราติดเขาอีก หักลบแล้วเราต้องได้ส่วนต่างอีกประมาณ 1 แสนบาท”